สตรีแกร่งตระกูลไป๋ - ตอนที่ 710 สั่นคลอน
ตอนที่ 710 สั่นคลอน
ฉีซื่อกล่าวกับไป๋หวั่นชิงที่อยู่ในอ้อมกอดยิ้มๆ “นี่คือปีใหม่เล็กปีแรกของเสี่ยวปาของเรานะ”
หมัวมัวข้างกายของฉีซื่อก้าวเข้าไปขยับหมวกไหมพรมหนาที่อยู่บนศีรษะของไป๋หวั่นชิงให้เข้าที่ กลัวว่าไป๋หวั่นชิงจะหนาว “ฮูหยินรีบเข้าไปรับไออุ่นในห้องเถิดเจ้าค่ะ เดี๋ยวคุณหนูแปดของเราจะแข็งเสียก่อน…”
ฉีซื่อรับคำแล้วเดินขึ้นไปบนบันไดสูงของระเบียงทางเดิน หมัวมัวและสาวใช้รีบแหวกม่านให้ฮูหยินห้าฉีซื่อ
เมื่อไป๋หวั่นชิงมาถึง เด็กน้อยถูกไป๋ชิงเหยียนอุ้มไปกอดไว้แนบอก เด็กทารกยังสนทนาไม่เป็น ได้แต่หยิบของเล่นอ่อนนุ่มที่วางอยู่บนโต๊ะเล็กมาเขย่าเล่นพลางลุกขึ้นยืน จากนั้นล้มลงบนพื้นอีกครั้ง เด็กน้อยเบ้ปากเล็กน้อย ทว่า ไม่ได้ร้องไห้ออกมา คลานเข้าไปหาไป๋ชิงเหยียน จับตัวไป๋ชิงเหยียนลุกขึ้นยืน จากนั้นเอื้อมมือไปจับปิ่นปักผมหยกของไป๋ชิงเหยียน
ไป๋จิ่นเจาและไป๋จิ่นหวาหลงรักไป๋หวั่นชิงที่ตัวอ้วนกลมและขาวนิ่มเป็นที่สุด สองสาวขยับเข้าไปด้านหลังไป๋ชิงเหยียน ใช้มือปิดหน้าของตัวเองเพื่อหยอกเล่นกับไป๋หวั่นชิง เมื่อเห็นพี่สาวซึ่งหน้าตาเหมือนกันสองคนปรากฏกายขึ้น ไป๋หวั่นชิงเอนกายซบบ่าของไป๋ชิงเหยียนพลางหัวเราะออกมาอย่างชอบใจจนน้ำลายไหลเปื้อนบ่าของไป๋ชิงเหยียน
ไป๋ชิงเหยียนไม่ได้รังเกียจ หญิงสาวอุ้มไป๋หวั่นชิงไว้ในอ้อมกอดอย่างทะมัดทะแมง ใช้ผ้าเช็ดหน้าเช็ดน้ำลายที่ปากให้น้องสาว จากนั้นหยิบของว่างเคี้ยวง่ายยื่นใส่ปากของไป๋หวั่นชิง เด็กน้อยถือของว่างแล้วกัดแทะจนของว่างเต็มไปด้วยน้ำลายของเด็กน้อย
“เสี่ยวปาน้ำลายไหลบ่อยจริงๆ…” ไป๋จิ่นหวาหยิบผ้าเช็ดหน้าออกมา แล้วก้มหน้าเช็ดปากให้น้องสาวตัวน้อย
ไป๋หวั่นชิงแย่งผ้าเช็ดหน้ามาจากมือของไป๋จิ่นหวา จากนั้นเอนกายซบอกของไป๋ชิงเหยียนด้วยท่าทีน่าเอ็นดูเป็นที่สุด
“พี่หญิงใหญ่ดูสิเจ้าคะ เสี่ยวปาแย่งผ้าเช็ดหน้าของข้าเจ้าค่ะ!” ไป๋จิ่นหวาเบิกตาโพลง
“ตอนเล็กๆ เจ้าก็เป็นเช่นนี้” ฮูหยินสี่หวังซื่อกล่าว “ตอนเจ้าอายุเท่านี้ก็ชอบแย่งผ้าเช็ดหน้าของพี่หญิงรองของเจ้า เมื่อแย่งได้แล้วก็ทำสีหน้าทะเล้นเช่นเดียวกับเสี่ยวปาตอนนี้เลย”
“ไม่จริงกระมังเจ้าคะ” ไป๋จิ่นหวาหันไปทางมารดาหวังซื่อ “ท่านแม่ต้องจำผิดแน่ๆ เลยเจ้าค่ะ ต้องเป็นพี่หญิงห้าต่างหาก พวกเราหน้าเหมือนกัน ท่านแม่ต้องจำผิดแน่ๆ เจ้าค่ะ”
ไป๋จิ่นเจาที่กำลังทานของว่างอยู่เงยหน้าขึ้นมองโดยที่มุมปากยังมีเศษขนมติดอยู่เล็กน้อย สีหน้าของเด็กสาวมึนงงอย่างน่าเอ็นดู
ฮูหยินห้าฉีซื่อปิดปากหัวเราะ “ดูความเก่งกาจของเสี่ยวลิ่วของเราในตอนนี้ก็รู้แล้วว่าคนที่แย่งผ้าเช็ดหน้าของจิ่นซิ่วในตอนนั้นต้องเป็นเจ้าแน่นอน”
ทุกคนรับประทานอาหารค่ำของวันปีใหม่เล็กอย่างครื้นเครงจนถึงยามไห่[1] ไป๋หวั่นชิงผล็อยหลับไปในอ้อมกอดของไป๋ชิงเหยียน ฉีซื่อจึงสั่งให้แม่นมรับตัวไป๋หวั่นชิงมาจากไป๋ชิงเหยียนและขอตัวจากไปก่อน ฮูหยินสี่หวังซื่อเห็นว่าดึกมากแล้วจึงพาบุตรสาวทั้งสองกลับเรือนเช่นเดียวกัน
มีเพียงฮูหยินสามที่วันนี้ดื่มน้ำกุหลาบหมักน้ำผึ้งไปถึงสองจอก นางมองไปยังหิมะด้านนอกหน้าต่าง นึกถึงบุตรสาวไป๋จิ่นจื้อที่ทำสงครามอยู่ด้านนอกขึ้นมา น้ำตาของนางไหลออกมาอย่างเป็นกังวล “ไม่รู้ว่าเสี่ยวซื่อจะได้รับเสื้อคลุมกันหนาวที่ข้าส่งไปให้แล้วหรือไม่ ไม่รู้ว่านางจะกินอิ่มนอนหลับดีหรือไม่ เด็กใจดำนั่น เวลาส่งจดหมายกลับมาไม่เคยไถ่ถามสารทุกข์สุกดิบของคนเป็นแม่อย่างข้าบ้างเลย ข้ากลัวว่านางจะรายงานแต่เรื่องดีๆ ไม่ยอมบอกว่าตัวเองเจ็บตัวเช่นเดียวกับอาเป่า!”
ลูกจากไปไกล หัวอกคนเป็นแม่ย่อมเป็นห่วงเป็นธรรมดา ที่สำคัญไป๋จิ่นจื้อไปทำสงครามที่สนามรบอีกต่างหาก
ต่งซื่อยื่นผ้าเช็ดหน้าให้หลี่ซื่อ กล่าวปลอบโยนเสียงแผ่วเบา “เจ้าไม่ต้องเป็นห่วง อาเป่าส่งคนไปคุ้มกันข้างกายเสี่ยวซื่อ หากเสี่ยวซื่อได้รับบาดเจ็บ คนข้างกายของเสี่ยวซื่อต้องส่งจดหมายมารายงานแน่นอน”
หลี่ซื่อใช้ผ้าเช็ดหน้าซับน้ำตา จากนั้นกล่าวเสียงแผ่วเบา “ตอนที่เสี่ยวซื่ออยู่ในจวน ข้าเอาแต่รังเกียจว่านางไม่ได้เรื่อง ทำตัวไม่สมกับการเป็นกุลสตรี ทว่า พอลูกจากไป ข้ากลับรู้สึกโหวงเหวงในใจ ไม่เป็นกุลสตรีก็มิเป็นอันใด ขอแค่นางกลับมาอย่างปลอดภัย ข้าจะไม่บังคับให้นางเรียนในสิ่งที่นางไม่อยากเรียนอีกแล้ว”
เทศกาลปีใหม่เล็กเช่นนี้ขาดเสียงของไป๋จิ่นจื้อไปทำให้จวนไป๋เงียบเหงากว่าเมื่อก่อนมากนัก อย่าว่าแต่ท่านอาสะใภ้สามเลย แม้แต่ไป๋ชิงเหยียนเองก็คิดถึงไป๋จิ่นจื้อมาก หญิงสาวกล่าวเสียงแหบพร่า “ท่านอาสะใภ้สาม อาเป่าต้องขอโทษท่านและเสี่ยวซื่อเจ้าค่ะ…”
หลี่ซื่อได้สติ นางรู้ดีว่าการที่นางเป็นเช่นนี้จะทำให้อาเป่าพลอยเสียใจไปด้วย นางรีบใช้ผ้าเช็ดหน้าซับน้ำตาแล้วกล่าวขึ้น “อาแค่ดื่มมากไปหน่อย เจ้าอย่าใส่ใจเลย คำขอโทษนี้ควรให้ท่านอาสามของเจ้ามาขอโทษอาเอง บุรุษของตระกูลไป๋ไม่หลงเหลืออยู่แล้ว อาเป่าและพี่สะใภ้ใหญ่ต้องดูแลประคับประคองจวนไป๋อย่างยากลำบาก อาไม่ใช่คนไม่รู้ความ เสี่ยวซื่อมีความสามารถ สามารถช่วยแบ่งเบาภาระของตระกูลไป๋ได้เหมือนที่พี่ชายน้องชายของนางเคยทำ อารู้สึกดีใจมาก แค่เกิดคิดถึงนางขึ้นมาเท่านั้นเอง”
ถ่านจากในเตาผิงเกิดเสียงปะทุขึ้น หลี่ซื่อมองไปทางไป๋ชิงเหยียนด้วยสีหน้าทุกข์ใจ นางเอื้อมมือไปกุมมือของหลานสาวเอาไว้ ลูบไปที่หลังมือของหลานสาวเบาๆ จากนั้นกล่าวเสียงจริงจัง “ตั้งแต่ปีที่แล้วจนถึงตอนนี้ ปีหนึ่งยาวนานราวกับหนึ่งชีวิต สตรีหม้ายที่เหลืออยู่ของตระกูลไป๋สามารถย้ายกลับมาอยู่ซั่วหยางได้อย่างราบรื่นล้วนเป็นเพราะอาเป่าทั้งสิ้น อารู้ดีว่าอาเป่าลำบากมาก”
ไป๋ชิงเหยียนมองไปทางอาสะใภ้สามของตัวเองทั้งน้ำตา
ไม่นานหมัวมัวข้างกายของหลี่ซื่อจึงประคองหลี่ซื่อกลับไปที่เรือนของตัวเอง
ภายในเรือนเหมยเซียงเหลือเพียงต่งซื่อและไป๋ชิงเหยียน ต่งซื่อก็รู้สึกปวดใจเช่นเดียวกัน อย่าว่าแต่ถักเสื้อคลุมกันหนาวให้อาอวี๋เลย แม้แต่เสื้อธรรมดาสักชุด ต่งซื่อก็ไม่กล้าทำ นางกลัวว่าหากผู้อื่นรู้เรื่องที่อาอวี๋ยังมีชีวิตอยู่อาอวี๋อาจตกอยู่ในอันตรายได้
ต่งซื่อกุมมือบุตรสาวยิ้มๆ โดยไม่กล่าวสิ่งใดทั้งสิ้น นางได้แต่ภาวนาของให้สวรรค์คุ้มครองบุตรสาวและบุตรชายทั้งคนของนางให้มีชีวิตอยู่อย่างปลอดภัย แค่นี้นางก็พอใจมากแล้ว
“ท่านแม่ น้ำแกงหวานที่ถงหมัวมัวทำกับแม่ครัวในโรงครัวรสชาติดีมากเจ้าค่ะ อาเป่าทราบดีว่าท่านแม่ไม่ชอบทานหวาน ทว่า วันนี้คือวันปีใหม่เล็ก ความทุกข์ทรมานของปีที่แล้วผ่านพ้นไปแล้ว อาเป่าหวังว่าปีนี้ท่านแม่จะใช้ชีวิตอย่างมีความสุขมากขึ้นในทุกๆ วันเจ้าค่ะ ท่านแม่ชิมสักนิดเถิดเจ้าคะ”
ต่งซื่อพยักหน้ายิ้มๆ น้ำตาไหลอาบใบหน้า “ได้”
ใช้ชีวิตอย่างมีความสุขมากขึ้น…
ความจริงขอเพียงบุตรสาวและบุตรชายของนางยังมีชีวิตอยู่ แม้ชีวิตจะยากลำบากสักเพียงใด ใจของต่งซื่อก็มีความสุขอยู่ดี
“ไม่รู้ว่าคนที่ท่านแม่สั่งให้นำของขวัญไปให้ที่เติงโจวจะเดินทางกลับมายังซั่วหยางแล้วหรือไม่นะเจ้าคะ” ไป๋ชิงเหยียนหวังว่าคนที่ส่งไปยังเติงโจวจะรีบนำข่าวของอาอวี๋กลับมาให้นางและมารดาโดยเร็วที่สุด
ต่งซื่อหันไปมองบุตรสาว นางรู้ดีว่าเหตุใดบุตรสาวจึงนึกถึงคนที่นำของไปมอบให้ที่เติงโจวขึ้นมา นางกล่าวยิ้มๆ “คนที่แม่ส่งไปยังเติงโจวที่ผู้ดูแลที่มาจากสินเดิมของแม่ เขาไม่ได้กลับไปเติงโจวนานแล้ว แม่อนุญาตให้เขาอยู่ฉลองปีใหม่ที่เติงโจวก่อนแล้วค่อยกลับมา”
ก่อนผู้ดูแลจะออกเดินทางไปยังซั่วหยาง ต่งซื่อกำชับให้เขาติดตามข่าวคราวของหนานหรงให้นางด้วย
ต่งซื่อก็หวังจะได้รับข่าวของบุตรชายจากผู้ดูแลที่ส่งไปยังเติงโจวเช่นเดียวกัน แม้เป็นเพียงเรื่องเล็กน้อยก็ตาม
หิมะในเมืองซั่วหยางตกหนักมากขึ้นเรื่อยๆ หิมะสีขาวปกคลุมต้นไม้เก่าแก่ หลังคากระเบื้องและเสาหินสีแดงต้นใหญ่ของตระกูลไป๋จนมิดชิด
ลานหญ้าเต็มไปด้วยกองหิมะและเกล็ดหิมะปลิวกระจายไปทั่วบริเวณ
แม้พายุหิมะด้านนอกจะพัดแรงสักเพียงใด ลมด้านนอกจะหนาวเย็นสักเพียงไร ทว่า ไออุ่นจากเตาผิงในเรือนเหมยเซียงไม่ลดน้อยสักนิด
เสมือนกับตระกูลไป๋ในตอนนี้ ที่ไม่ว่าพายุหิมะจะพัดแรงสักเท่าใดก็ไม่อาจสั่นคลอนตระกูลไป๋ได้
[1] ยามไห่ ช่วงเวลาระหว่าง 21.00-23.00 นาฬิกา