สตรีแกร่งตระกูลไป๋ - ตอนที่ 734 เผชิญหน้า
ตอนที่ 734 เผชิญหน้า
หลังจากที่ฮ่องเต้กักบริเวณเหลียงอ๋อง หลี่หมิงรุ่ยเคยไปเข้าเฝ้าฮ่องเต้ กล่าวว่าตนเองรู้จักเหลียงอ๋อง และเคยร่วมชะตากรรมด้วยกันที่เยี่ยนว่อ เขาจึงอยากส่งบ่าวรับใช้สองสามคนไปดูแลรับใช้เหลียออ๋องที่จวน ฮ่องเต้คิดว่าหลี่หมิงรุ่ยเห็นแก่ความสัมพันธ์ครั้งเก่าดังนั้นจึงสั่งให้องครักษ์ลับแสร้งทำเป็นไม่รู้ไม่เห็น อีกทั้งกำชับไม่ให้รัชทายาทเข้าไปวุ่นวายกับเรื่องนี้
ส่วนทางด้านของเหลียงอ๋อง หลี่หมิงรุ่ยอ้างว่าเหลียงอ๋องมีจดหมายลายมือของหลี่เม่าที่เขียนถึงองค์ชายรองในตอนนั้นอยู่ในมือ เขากลัวว่าเหลียงอ๋องจะลากจวนหลี่ลงเหวไปด้วยดังนั้นจึงส่งคนมาดูแลรับใช้หรือกล่าวอีกอย่างก็คือต้องการส่งคนมาจับตาดูเหลียงอ๋องไว้
หลี่หมิงรุ่ยมักให้คนแอบนำอาหารมาให้เหลียงอ๋องและบ่าวรับใช้ของเหลียงอ๋องเป็นประจำ ดังนั้นคนในจวนของเหลียงอ๋องจึงล้วนเป็นคนของหลี่หมิงรุ่ย เมื่อองครักษ์ลับเห็นว่าคนในจวนเหลียงอ๋องออกมาเชิญหวังชิวลู่เข้าไปในจวนทางประตูข้าง พวกเขาจึงคิดว่าหลี่หมิงรุ่ยให้คนนำของสิ่งใดมอบให้เหลียงอ๋องเหมือนที่เคยทำอยู่บ่อยครั้งเท่านั้น
แผนการของหลี่หมิงรุ่ยแนบเนียนมาก…
ฟางเหล่ากำมือที่วางอยู่บนหน้าตักแน่น เขารู้สึกว่าตอนนี้รัชทายาทไม่ได้สงสัยในตัวไป๋ชิงเหยียน ทว่า สงสัยเหลียงอ๋องและหลี่หมิงรุ่ยแทน เขาพยักหน้าให้เล็กน้อย “พ่ะย่ะค่ะ…”
“หลี่หมิงรุ่ยและเหลียงอ๋องอาจต้องการวางแผนให้เราและตัวองค์หญิงเจิ้นกั๋วบาดหมางกันหรือไม่ มิเช่นนั้นเหตุใดหลี่หมิงรุ่ยถึงกำชับไม่ให้เจ้าบอกเราว่าเขามีส่วนช่วยเหลือในเรื่องนี้ด้วย ทั้งที่เขาสามารถบอกให้เจ้ากำชับเราว่าห้ามบอกเรื่องนี้ให้อัครมหาเสนาบดีฝ่ายซ้ายทราบก็พอแล้ว” รัชทายาทวางแขนบนที่วางแขน
“ไม่ว่าจะคิดอย่างไรก็น่าแปลกอยู่ดี”
“ในเมื่อเป็นเช่นนี้ไม่สู้เรียกตัวหลี่หมิงรุ่ยและตัวองค์หญิงเจิ้นกั๋วมาสอบถามต่อหน้าเลยดีหรือไม่พ่ะย่ะค่ะ” ฟางเหล่ากล่าว
รัชทายาทมองไปทางฟางเหล่าอย่างไม่พอใจที่เขาเอาแต่คิดจะหาเรื่องตัวองค์หญิงเจิ้นกั๋ว “ตอนที่เราเข้าวังไปรายงานข่าวดีให้เสด็จพ่อทรงทราบ อาการของตัวองค์หญิงเจิ้นกั๋วไม่ค่อยสู้ดีนัก ฮูหยินฉินมาขอยืมตัวหมอหลวงที่จวนรัชทายาท เจ้าจะให้องค์หญิงเจิ้นกั๋วมาเผชิญหน้ากับเจ้าเช่นไร เจ้าไม่ได้ยินเฉวียนอวี๋เรียกให้หมอหลวงตามเขาไปที่จวนองค์หญิงเจิ้นกั๋วเมื่อครู่หรืออย่างไร ฟางเหล่าเจ้าอายุปูนนี้แล้ว เหตุใดถึงไม่ยอมปล่อยเด็กสาวที่จงรักภักดีต่อเราเหมือนเจ้าและยินดีสละชีพเพื่อเราอย่างองค์หญิงเจิ้นกั๋วไปเสียที!”
ฟางเหล่าฟังออกว่ารัชทายาทเริ่มไม่พอใจ เขารีบคุกเข่าก้มศีรษะคำนับแนบพื้น “องค์ชายโปรดระงับโทสะพ่ะย่ะค่ะ กระหม่อมไม่ทราบจริงๆ ว่าองค์หญิงเจิ้นกั๋วอาการไม่สู้ดีพ่ะย่ะค่ะ”
“ช่างเถิด เจ้าอคติกับองค์หญิงเจิ้นกั๋วจนเข้ากระดูกดำแล้ว ผู้ใดก็ได้…” รัชทายาทตะโกนออกไปด้านนอก
“รีบไปตามหลี่หมิงรุ่ยมาที่จวนเดี๋ยวนี้”
องครักษ์จวนรัชทายาทที่อยู่ด้านนอกรีบรับคำ
รัชทายาทนวดขมับที่ปวดตุบๆ ของตัวเอง เขารู้สึกว่าเรื่องวุ่นวายเหล่านี้คงไม่จบลงเพียงนี้แน่!
เหลียงอ๋องสร้างปัญหาเก่งเสียจริง เขาเป็นเหมือนรากหญ้าที่ขึ้นตามกำแพง ไม่ว่าจะเหยียบอย่างไรก็ไม่ตายเสียที
หลี่หมิงรุ่ยผู้นี้ก็ช่างจงรักภักดีต่อเหลียงอ๋องเสียจริง เหลียงอ๋องก่อกบฏล้มเหลว เขาก็ยังคงจงรักภักดีต่อเหลียงอ๋องอยู่เช่นเดิม คนเช่นนี้…รัชทายาทไม่อาจปล่อยเอาไว้ให้เขาสร้างปัญญาให้ตนภายหลังได้
หลี่หมิงรุ่ยคือบุตรชายของหลี่เม่า ผู้ใดจะรู้ว่าภายภาคหน้าหลี่เม่าจะแปรพักตร์ไปเข้าร่วมกับเหลียงอ๋องหรือไม่
รัชทายาทสะดุดกับความคิดของตัวเอง เขากำลังสงสัยว่าหลี่เม่าอาจเข้าร่วมกับเหลียงอ๋องนานแล้วก็ได้
“ส่งคนไปตามหลู่จิ้นแห่งศาลต้าหลี่มาพบเราด่วน นักโทษของศาลต้าหลี่หายตัวไป…เขาต้องรับผิดชอบเรื่องนี้!” รัชทายาทกล่าวเสียงจริงจัง
“พ่ะย่ะค่ะ” เริ่นซื่อเจี๋ยรับคำแล้วเดินออกไปสั่งการด้านนอก
“นำตัวสามคนนี้ออกไปจากห้อง เราเห็นแล้วรำคาญตา!” รัชทายาทชี้ไปยังหวังชิวลู่ ผู้คุมคุกและนักพนันที่คุกเข่าอยู่บนพื้น
องครักษ์ที่อยู่ด้านนอกรับคำ จากนั้นเข้ามาพาตัวคนทั้งสามออกไป
ภายในห้องเหลือเพียงรัชทายาทและฟางเหล่า ฟางเหล่ายังคงคุกเข่าอยู่บนพื้น รัชทายาทรู้สึกเหนื่อยใจมาก “เอาล่ะ เจ้าลุกขึ้นมาเถิด!”
“ขอบพระทัยองค์ชายพ่ะย่ะค่ะ” ฟางเหล่าจับเก้าอี้ด้านข้างพยุงกายลุกขึ้นยืนด้วยร่างที่สั่นเทา
เมื่อเห็นท่าทางของฟางเหล่าที่จงรักภักดีต่อเขาไม่เคยเปลี่ยนแปลง รัชทายาทจึงใจอ่อนลงทันที เขากล่าวขึ้น “ฟางเหล่า เราไม่อยากว่าเจ้านะ องค์หญิงเจิ้นกั๋วไม่เพียงแต่ช่วยชีวิตเราเอาไว้ ตอนนี้ต้าเหลียงกำลังทำสงครามกับต้าจิ้นอยู่ หากเจ้ายั่วโมโหจนองค์หญิงเจิ้นกั๋วเป็นอันใดขึ้นมา เจ้าเชื่อหรือไม่ว่าไป๋จิ่นจื้อที่นิสัยมุทะลุผู้นั้นต้องกลับมาเอาเรื่องเจ้าโดยไม่สนว่าจะขัดต่อคำสั่งเราหรือไม่แน่นอน“
ฟางเหล่านึกถึงนิสัยตรงไปตรงมาของไป๋จิ่นจื้อแล้วพยักหน้าตาม “องค์ชายตรัสถูกต้องพ่ะย่ะค่ะ”
รัชทายาทถอนหายใจยาว “อาการป่วยขององค์หญิงเจิ้นกั๋วหนักถึงเพียงนี้ เจ้าจำเป็นต้องหวาดระแวงนางถึงเพียงนี้ด้วยหรือ ยังไม่รู้ว่านางจะมีชีวิตอยู่จนถึงสิ้นปีนี้ได้หรือไม่เลย แม้องค์หญิงเจิ้นกั๋วจะร่างกายแข็งแรง ต่อให้เจ้ารู้สึกไม่ชอบใจนางก็ยังไม่ถึงเวลาที่เหมาะสมอยู่ดี! ตอนนี้ต้าจิ้นกำลังทำสงครามกับต้าเหลียง เราต้องพึ่งพาตระกูลไป๋อยู่ ที่สำคัญองค์หญิงเจิ้นกั๋วจงรักภักดีต่อเรา ต่อให้นางจะทรยศเรา ตอนนี้เราก็ยังไม่สามารถกำจัดนางได้อยู่ดี เจ้าเข้าใจหรือไม่!”
ฟางเหล่าได้ยินเช่นนี้จึงคุกเข่าลงอีกครั้ง “กระหม่อมทำผิดต่อความเชื่อใจขององค์ชายพ่ะย่ะค่ะ กระหม่อมเห็นว่าองค์ชายทรงไว้พระทัยองค์หญิงเจิ้นกั๋วมากขึ้นทุกวัน กระหม่อมกลัวว่าองค์ชายจะถูกนางปั่นหัวพ่ะย่ะค่ะ ไม่ปิดบังองค์ชาย กระหม่อมคิดว่าองค์หญิงเจิ้นกั๋วไม่ได้จงรักภักดีต่อองค์ชายจากใจจริงพ่ะย่ะค่ะ”
“ฟางเหล่า…” รัชทายาทพยายามข่มโทสะเอาไว้ในใจ
“เราไม่ใช่คนโง่ เจ้าคิดว่าเราจะถูกสตรีคนหนึ่งหลอกปั่นหัวเล่นอย่างนั้นหรือ ในสายตาของเจ้า เราโง่ถึงเพียงนั้นเลยหรือ! การที่เจ้าเอาแต่หาเรื่ององค์หญิงเจิ้นกั๋วทำให้เราหงุดหงิดใจมาก เจ้ารู้บ้างหรือไม่!”
“องค์ชายโปรดระงับโทสะพ่ะย่ะค่ะ” ฟางเหล่ารีบก้มศีรษะคำนับ
“เอาล่ะๆ! เจ้าลุกขึ้นมาเถิด ไม่ต้องเอะอะก็คุกเข่าให้เราเช่นนี้” รัชทายาทยกถ้วยชาขึ้นจิบ “ต่อไปอย่าสงสัยองค์หญิงเจิ้นกั๋วไปเสียทุกเรื่องเช่นนี้อีก เรารู้ว่าเจ้ารอบคอบเพื่อเรา เมื่อหลี่หมิงรุ่ยมาถึง พวกเราจะได้สอบถามความจริงจากเขา แน่นอนว่าจะฟังความจากเขาฝ่ายเดียวไม่ได้ ต้องฟังองค์หญิงเจิ้นกั๋วด้วย”
“องค์ชายที่กระหม่อมทูลว่าต้องการให้องค์หญิงเจิ้นกั๋วและหลี่หมิงรุ่ยมาเผชิญหน้ากันซึ่งๆ หน้า กระหม่อมไม่ได้ต้องการทำให้องค์หญิงเจิ้นกั๋วลำบากพระทัยนะพ่ะย่ะค่ะ องค์หญิงเจิ้นกั๋วและหลี่หมิงรุ่ยล้วนเป็นคนมีวาทศิลป์ มีเพียงให้พวกเขามาอธิบายกันซึ่งๆ หน้าเท่านั้นถึงทราบความจริงพ่ะย่ะค่ะ กระหม่อมกล่าวออกมาจากใจจริง องค์ชายได้โปรดพิจารณาด้วยเถิดพ่ะย่ะค่ะ” ฟางเหล่าก้มศีรษะคำนับ
รัชทายาทขมวดคิ้วแน่นพลางเอนกายพิงเก้าอี้ ฟางเหล่ากล่าวมีเหตุผล ให้ทั้งสองคนมาเผชิญหน้ากันซึ่งๆ หน้าถึงจะรู้ว่าความจริงเป็นเช่นไร
เพราะไป๋ชิงเหยียนก็มีแรงจูงใจในเรื่องนี้เช่นเดียวกัน หวังเจียงไห่ใช้ป้ายหยกของท่านอาสี่ของไป๋ชิงเหยียนหลอกหญิงสาวไปหาในคุกเพื่อขอให้ไป๋ชิงเหยียนช่วยหวังชิวลู่ออกมาจากคุก
รัชทายาทใช้มือลูบริมฝีปากของตัวเอง “ทว่า ร่างกายขององค์หญิงเจิ้นกั๋วเป็นเช่นนี้ เกรงว่าคงให้นางมาเผชิญหน้าได้ยาก”
ฟางเหล่าเตรียมกล่าวสิ่งใดต่อก็เห็นขันทีเล็กคนหนึ่งเดินเข้ามาด้านในอย่างรวดเร็ว เขาทำความเคารพรัชทยาทแล้วกล่าวขึ้น
“องค์รัชทายาท ฮูหยินฉินน้องสาวคนรองขององค์หญิงเจิ้นกั๋วพาคนมาขอเข้าเฝ้าองค์ชายพ่ะย่ะค่ะ หมัวมัวข้างกายของพระชายาเอกและหมอหลวงตามกลับมาด้วยพ่ะย่ะค่ะ”
รัชทายาทนั่งหลังตรง “เชิญเข้ามาได้”
ขันทีเล็กรับคำแล้วเดินออกไปต้อนรับไป๋จิ่นซิ่วที้ด้านนอก
“เจ้าลุกขึ้นมาก่อนเถิด” รัชทายาทอยากให้เกียรติฟางเหล่าเมื่ออยู่ต่อหน้าผู้อื่น