สตรีแกร่งตระกูลไป๋ - ตอนที่ 745 มองคนเก่ง
ตอนที่ 745 มองคนเก่ง
แม้ก่อนหน้านี้จะรู้ว่าไป๋ชิงเหยียนมีจดหมายที่เขาเคยเขียนถึงองค์ชายรองอยู่ในมือ ทว่า การที่ไป๋ชิงเหยียนจดจำเนื้อหาในจดหมายได้ทุกคำทำให้หลี่เม่าตกใจมากกว่า
เนื้อหาในจดหมายฉบับอื่นยังไม่เท่าใดนัก ทว่า หากบรรดาถ้อยคำยุแยงให้องค์ชายรองก่อกบฏในตอนนั้นถูกส่งไปให้ฮ่องเต้ในวังหลวง เขาคงไม่มีคำแก้ตัวจริงๆ
ไป๋ชิงเหยียนลุกขึ้นยืน กระชับเสื้อคลุมขนจิ้งจอกให้แน่นขึ้นจนเหลือให้เห็นเพียงใบหน้าสมบูรณ์แบบของตัวเองเท่านั้น แม้มองดูแล้วเหมือนสตรีอ่อนแอขี้โรค ทว่า แววตาของหญิงสาวเด็ดเดี่ยว “หากข้าไม่ได้ตัวเหล่าเวิงก่อนตะวันตกดินในวันนี้ จดหมายเหล่านี้จะถูกส่งไปให้องค์รัชทายาท ตอนนี้น้องหญิงรองและน้องหญิงเจ็ดของข้าอยู่ที่จวนองค์รัชทายาทแล้ว ขึ้นอยู่กับว่าอัครมหาเสนาบดีฝ่ายซ้ายจะตัดสินใจเช่นไร”
กล่าวจบไป๋ชิงเหยียนหมุนตัวจากไปทันที
หลี่เม่ามองตามแผ่นหลังที่จากไปของไป๋ชิงเหยียนนิ่ง เขาเกลียดจนแทบอยากฉีกหญิงสาวออกเป็นชิ้นๆ ทว่า ทำได้เพียงก้มศีรษะให้เท่านั้น เขาตะโกนเสียงดังลั่น “ผู้ใดก็ได้เข้ามาที!”
ผู้ดูแลจวนซึ่งยืนถือเสื้อคลุมของหลี่เม่าอยู่หน้าประตูรีบเดินเข้ามาด้านในทันที “ท่านมหาเสนาบดี”
“เตรียมรถม้าไปคุกศาลต้าหลี่!” หลี่เม่ากล่าวเสียงดังลั่น
คุกศาลต้าหลี่
หลี่หมิงรุ่ยไม่เห็นเหล่าเวิงกลับมารายงานผล ทว่า กลับเห็นบิดาเดินเข้ามาในคุกแทน
หลี่หมิงรุ่ยทำความเคารพบิดาผ่านห้องขัง “ท่านพ่อ…”
“เจ้าสั่งให้เหล่าเวิงไปจัดการองครักษ์สาวข้างกายของไป๋ชิงเหยียนอย่างนั้นหรือ” หลี่เม่ายืนเอามือไขว้หลังพลางกำหมัดที่อยู่ทางด้านหลังแน่น จากนั้นเอ่ยถามเสียงเย็น
เหล่าเวิงไม่กลับมาเสียที ส่วนท่านพ่อก็มาถามเขาเช่นนี้แสดงว่าเหล่าเวิงคงทำพลาดแล้ว “องครักษ์สาวข้างกายของไป๋ชิงเหยียนวรยุทธ์เก่งกาจถึงเพียงนี้เลยหรือ”
“เจ้าเป็นบ้าไปแล้วหรืออย่างไร! องค์หญิงเจิ้นกั๋วโมโหเรื่องที่เจ้าใส่ร้ายนางเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว เจ้ายังกล้าคิดสังหารคนข้างกายของนางอีก เจ้ารู้หรือไม่ว่านางกุมความลับของพวกเราอยู่ เจ้ายังกล้าลงมือกับคนของนางอีกหรือ! พ่อเตือนเจ้าไว้ว่าอย่างไร!” หลี่เม่าขบกรามแน่น ตวาดลูกชายเสียงเบา “พ่อเคยบอกเจ้าแล้วไม่ใช่หรือว่าอย่าไปหาเรื่ององค์หญิงเจิ้นกั๋ว”
หลี่หมิงรุ่ยก้มหน้าลงด้วยสีหน้าย่ำแย่ “องค์หญิงเจิ้นกั๋วข่มขู่ท่านพ่อหรือขอรับ”
หลี่เม่าแสยะยิ้มเย็น ยืนเอามือไขว้หลังพลางกล่าวเสียงเบา “ตอนนี้องค์หญิงเจิ้นกั๋วต้องการตัวเหล่าเวิงก่อนพระอาทิตย์ตกดินในวันนี้ มิเช่นนั้นนางจะให้ข้านำชีวิตของทุกคนในตระกูลหลี่ไปพบองค์รัชทายาท ตอนนี้จดหมายอยู่ที่จวนองค์รัชทายาทแล้ว เหลือเพียงรอฟังคำสั่งขององค์หญิงเจิ้นกั๋วอย่างเดียวเท่านั้น”
หลี่หมิงรุ่ยเงยหน้ามองหลี่เม่าอย่างตกตะลึง “ท่านพ่อ ท่านจะส่งตัวเหล่าเวิงให้องค์หญิงเจิ้นกั๋วหรือขอรับ เหล่าเวิงแค่ทำตามคำสั่งของข้าเท่านั้น ที่สำคัญเขาเคยช่วยชีวิตท่านแม่และข้าเอาไว้ หลายปีมานี้เขาดูแลข้าดีมากขอรับ”
“หากไม่มอบตัวเหล่าเวิงให้นาง เจ้าจะปล่อยให้ตระกูลของเราเดือดร้อนอย่างนั้นหรือ!”
ผู้ดูแลที่มากับหลี่เม่ากระแอมออกมาเบาๆ หลี่เม่าจึงตระหนักได้ว่าตอนนี้เขาอยู่ในคุกของศาลต้าหลี่ ไม่ควรใช้เสียงดังเกินไป
“เหล่าเวิงอยู่ที่ใด” หลี่เม่าถามเสียงเข้ม
“ท่านพ่อ!” หลี่หมิงรุ่ยไม่อยากส่งตัวเหล่าเวิงให้ไป๋ชิงเหยียน เหล่าเวิงไม่เพียงเคยช่วยชีวิตเขาไว้เท่านั้น หลายปีมานี้หลี่หมิงรุ่ยผูกพันกับเหล่าเวิงที่สูญเสียความทรงจำมาก เหล่าเวิงเป็นคนพูดน้อย ทว่า เขามักอยู่เป็นเพื่อนหลี่หมิงรุ่ยในยามที่หลี่หมิงรุ่ยอารมณ์ไม่ดีหรือมีเรื่องไม่สบายใจเสมอ หลี่หมิงรุ่ยจำสิ่งเหล่านี้ได้ไม่เคยลืม
“เหล่าเวิงอยู่ที่ใด” หลี่เม่าถามเสียงสูงขึ้น แววตาเต็มไปด้วยไอสังหาร
สีหน้าของหลี่หมิงรุ่ยย่ำแย่ลงกว่าเดิม เขาสะบัดชายชุด จากนั้นคุกเข่าก้มศีรษะคำนับแนบพื้น “ท่านพ่อได้โปรดเห็นแก่ที่เหล่าเวิงเคยช่วยชีวิตข้าและท่านแม่เอาไว้ อีกทั้งดูแลข้าเป็นอย่างดีตลอดหลายปีที่ผ่านมาไว้ชีวิตเหล่าเวิงเถิดขอรับ หากท่านพ่อไม่รู้จะขอร้ององค์หญิงเจิ้นกั๋วเช่นไร ท่านพ่อได้โปรดให้ข้าได้พบนางสักครั้งเถิดขอรับ!”
“เจ้าเอาตัวแทบไม่รอดยังคิดจะช่วยผู้อื่นอีกหรือ!” หลี่เม่าเดือดดาลถึงขีดสุด เขาจับกรงขังแน่น “หมิงรุ่ย เจ้าคือลูกชายคนโตของข้า ข้าหวังในตัวเจ้าไว้มาก อนาคตของตระกูลหลี่ขึ้นอยู่กับเจ้า ข้ารู้ว่าเจ้าเป็นคนให้ความสำคัญกับความสัมพันธ์ ทว่า เจ้าต้องรู้จักเสียสละบางสิ่งเพื่อสิ่งที่ยิ่งใหญ่กว่า!”
หลี่หมิงรุ่ยที่คุกเข่าอยู่บนพื้นกำหมัดแน่น
“บอกพ่อมาว่าเหล่าเวิงอยู่ที่ใด!” หลี่เม่าย่อตัวลง จ้องหน้าบุตรชายนิ่ง “หากเจ้าบอก เจ้าจะได้ไปจากที่นี่ทันที”
ความจริงหลี่หมิงรุ่ยก็ไม่รู้ว่าเหล่าเวิงอยู่ที่ใด ทว่า หลี่หมิงรุ่ยกลัวว่าหากเขาบอกว่าไม่รู้ ท่านพ่อจะให้คนไปค้นที่จวนตู้ หากเหล่าเวิงได้รับบาดเจ็บอยู่ในจวนตู้ เขาคงถูกจับอย่างง่ายดาย
หลี่หมิงรุ่ยขบกรามแน่น จากนั้นก้มศีรษะคำนับบิดา “ท่านพ่อ ตอนนั้นข้าเป็นคนพาเหล่าเวิงกลับมาตระกูลหลี่ หากต้องส่งตัวเขาให้องค์หญิงเจิ้นกั๋ว ข้าจะเป็นคนไปส่งเหล่าเวิงเองขอรับ!”
มองดูท่าทีของบุตรชาย หลี่เม่าจึงรู้ทันทีว่าบุตรชายยังคงคิดปกป้องเหล่าเวิงอยู่ เขาถอนหายใจยาวออกมา “เจ้าคิดเอาเองก็แล้วกันว่าชีวิตของคนในตระกูลหลี่ทั้งตระกูลกับเหล่าเวิงที่ไม่รู้จักแม้แต่แซ่ สิ่งใดสำคัญกว่ากัน หากในใจของเจ้าเหล่าเวิงมีความสำคัญมากกว่าคนตระกูลหลี่ พ่อก็จะยอมรับตามนั้น”
กล่าวจบหลี่เม่าลุกขึ้นยืนสั่งผู้ดูแลจวน “เจ้าไปบอกผู้คุมคุกที ตอนนี้หลู่จิ้นคงได้รับคำสั่งให้ปล่อยตัวหมิงรุ่ยแล้ว”
“ขอรับ!” ผู้ดูแลจวนรีบเดินไปเจรจากับผู้คุมคุก
หลี่เม่าเหลือบมองบุตรชายแวบหนึ่ง จากนั้นหมุนตัวจากไปทันที
เมื่อออกมาจากคุก หลี่หมิงรุ่ยที่ปกติเป็นคนรักสะอาดรีบขึ้นไปบนหลังม้าที่ผู้ดูแลจวนเตรียมไว้ให้ จากนั้นควบม้าเตรียมจากไปทันทีโดยไม่คิดเปลี่ยนเครื่องแต่งกายใหม่ก่อนแม้แต่น้อย ผู้ดูแลจวนรีบก้าวเข้าไปจับเชือกม้าของหลี่หมิงรุ่ยไว้ “คุณชาย นายท่านหวังในตัวคุณชายมาก คุณชายอย่าทำให้นายท่านผิดหวังนะขอรับ!”
หลี่หมิงรุ่ยกัดฟันกรอด กระชากบังเหียนม้ากลับมาแล้วควบทะยานจากไปทางจวนองค์หญิงเจิ้นกั๋วทันทีโดยไม่กล่าวสิ่งใดทั้งสิ้น
เมื่อกลับมาจากจวนหลี่ เสิ่นชิงจู๋กระวนกระวายใจมาก นางรอให้จวนหลี่ส่งตัวท่านอาจารย์เสิ่นไป่จ้งกลับมาอย่างใจจดใจจ่อ เมื่อได้ยินคนเฝ้าประตูรายงานว่าหลี่หมิงรุ่ยมาขอพบ เสิ่นชิงจู๋จึงหมดความอดทนทันที
จู่ๆ อาจารย์ที่หายไปนานหลายปีก็ปรากฏตัวขึ้นที่เมืองหลวง ทว่า กลับทำเหมือนไม่รู้จักนาง เสิ่นชิงจู๋จะไม่เป็นห่วงได้อย่างไรกัน
ตอนนั้นท่านอาจารย์แม่คิดว่าท่านอาจารย์เสียชีวิตไปแล้ว ไม่ถึงปีนางก็ล้มป่วยหนักเพราะความคิดถึงและเสียชีวิตลง
ไป๋ชิงเหยียนยกมือสื่อให้เสิ่นชิงจู๋ซึ่งพันผ้าพันแผลอยู่ที่แขนนั่งลงตามเดิม จากนั้นหันไปถามหญิงชราเฝ้าประตู “หลี่หมิงรุ่ยมาคนเดียวหรือพาคนมาด้วย”
หญิงชรารีบกล่าว “มาคนเดียวเจ้าค่ะคุณหนูใหญ่”
“คุณหนูใหญ่!” เสิ่นชิงจู๋หันไปมองไป๋ชิงเหยียน “หลี่หมิงรุ่ยจะมาต่อรองอันใดอีกหรือไม่เจ้าคะ”
ไป๋ชิงเหยียนเคาะนิ้วลงบนโต๊ะไม้กฤษณาอย่างใช้ความคิด จากนั้นกล่าวด้วยแววตาแน่วแน่ “หลี่หมิงรุ่ยอาจคิดไม่เหมือนกับหลี่เม่า บางทีเขาอาจไม่อยากมอบตัวท่านอาจารย์ของเจ้าให้พวกเรา ออกไปดูก่อนเถิด”
หากหลี่หมิงรุ่ยไม่ทำตัวเหมือนหลี่เม่าที่ส่งผู้อื่นมารับผิดแทนอย่างง่ายดาย ไป๋ชิงเหยียนอาจมองหลี่หมิงรุ่ยใหม่
ไป๋ชิงเหยียนใช้มือยันโต๊ะเพื่อลุกขึ้น จากนั้นหยิบเสื้อคลุมมาสวมเตรียมเดินไปยังเรือนหน้า เมื่อเห็นเสิ่นชิงจู๋เดินตามอยู่ทางด้านหลัง ไป๋ชิงเหยียนจึงหันไปกล่าวกับนาง “เจ้าไม่ต้องตามข้าไปหรอก เจ้ากำลังว้าวุ่นใจ หลี่หมิงรุ่ยมองคนเก่ง เขาอาจจับสังเกตได้ มันไม่เป็นผลดีต่อเจ้า”
เสิ่นชิงจู๋กำหมัดแน่น พยักหน้า “เจ้าค่ะ! ข้าเชื่อคุณหนูใหญ่เจ้าค่ะ”