สตรีแกร่งตระกูลไป๋ - ตอนที่ 772 ไม่ทันตั้งตัว
ตอนที่ 772 ไม่ทันตั้งตัว
เมื่อจี้หลางหวาซึ่งคาดผ้าคลุมหน้าผืนบางไว้ที่หน้ากล่าวจบ หญิงสาวก็เห็นทหารส่งสารคนหนึ่งวิ่งฝ่าสายฝนมาหยุดอยู่ตรงหน้าไป๋จิ่นจื้อ เขาคุกเข่าข้างหนึ่งลงบนพื้น จากนั้นยกหมัดคารวะ “เกาอี้จวิ้นจู่ ท่านแม่ทัพใหญ่เชิญท่านไปที่กระโจมของท่านแม่ทัพเดี๋ยวนี้ขอรับ!”
“ข้าจะไปเดี๋ยวนี้!” ไป๋จิ่นจื้อกล่าว จากนั้นเงยหน้าดื่มยาจนหมดถ้วยแล้วใช้แขนเสื้อเช็ดมุมปากที่เปื้อนคราบยาเล็กน้อย สาวน้อยยื่นถ้วยยาคืนให้จี้หลางหวา ไม่รอให้จี้หลางหวากลับเข้าไปหยิบร่มที่ด้านใน สาวน้อยก็วิ่งฝ่าสายฝนออกไปยังกระโจมแม่ทัพใหญ่ทันที
หลิวหงซึ่งถือโคมไฟอยู่ในมือยืนพิจารณาแผนที่อย่างละเอียดอยู่กับหลินคังเล่อที่หน้าแผนที่ เมื่อได้ยินรายงานว่าไป๋จิ่นจื้อมาถึงแล้ว หลิวหงจึงหันไปกวักมือเรืยกไป๋จิ่นจื้อที่เดินทางมาออกรบกับเขาจนผิวคล้ำลงกว่าเดิม “จวิ้นจู่มาดูนี่ขอรับ…”
หลินคังเล่อกำหมัดคารวะไป๋จิ่นจื้อ “เกาอี้จวิ้นจู่!”
ไป๋จิ่นจื้อรับผ้าเช็ดหน้าจากคนติดตามของหลิวหงมาเช็ดน้ำฝนออกจากใบหน้า จากนั้นเดินเข้าไปหาหลิวหงอย่างรวดเร็ว “ดูสิ่งใดกัน”
หลิวหงชี้ไปยังด้านจุดที่อยู่บนหน้าผาด้านซ้ายของด่านชิงซีซาน บริเวณนั้นถูกคนวาดเป็นเส้นเล็กๆ เอาไว้
หลิวหงกล่าว “ตรงนี้มีเส้นทางเล็กที่ไม่ค่อยชัดเจนอยู่อีกเส้นทางหนึ่ง ก่อนที่ข้าจะสั่งให้กองทัพถอยทัพออกมาจากด่านชิงซีซาน ข้าสั่งให้คนไปสำรวจมาแล้ว แม้เส้นทางนี้จะค่อนข้างแคบ ทว่า สามารถทะลุไปถึงด้านหลังของด่านชิงซีซานได้”
ไป๋จิ่นจื้อกำดาบที่เอวแน่น “แม่ทัพหลิวหงหมายความว่าจะให้ข้านำทัพอ้อมไปลอบโจมตีต้าเหลียงจากทางด้านหลังอย่างนั้นหรือ”
หลิวหงพยักหน้าแล้วกล่าวต่อ “ทว่า ไม่ใช่ตอนนี้ ข้ารู้ว่าจวิ้นจู่เป็นแม่ทัพที่กล้าหาญ ท่านคงกำลังตำหนิข้าเช่นเดียวกับแม่ทัพหลินที่ข้าไม่ยอมออกรบ ทว่า กลับถอยออกมาจากภูเขาชิงซีเช่นนี้”
เมื่อหลินคังเล่อได้ยินและเห็นหลิวหงมองมาทางเขา หลินคังเล่อจึงยกมือลูบศีรษะพลางหัวเราะแห้งออกมา
“ทว่า พวกท่านควรรู้ไว้ว่าที่จ้าวเซิ่งพากองทัพจ้าวบุกมาเร็วถึงเพียงนี้เป็นเพราะพวกเขารู้ข่าวเรื่องที่องค์หญิงเจิ้นกั๋วนำทัพมายังต้าเหลียงแล้ว พวกเขาต้องสู้ตายเพื่อยึดด่านชิงซีซานกลับมาให้ได้ก่อนที่องค์หญิงเจิ้นกั๋วจะมาถึง หากพวกเราดึงดันที่จะคุ้มกันอยู่ที่นั่น พวกเรามีแต่จะสูญเสียหนักกว่าเดิม ไม่สู้ถอยออกมาก่อนดีกว่า!”
หลิวหงยิ้มออกมาราวกับจิ้งจอกชราเจ้าเล่ห์ เขาชี้นิ้วไปยังแผนที่ “ให้พวกเขาคิดว่าพวกเราถอยออกมาเพราะองค์หญิงเจิ้นกั๋วใกล้จะมาถึงแล้ว แม่ทัพใหญ่ที่ไร้ความสามารถอย่างข้าต้องการรอให้องค์หญิงเจิ้นกั๋วมาช่วยยึดด่านชิงซีซานคืนให้ ตอนนี้พวกเขาคงกำลังพักผ่อนอย่างเต็มที่เพื่อรอสู้กับองค์หญิงเจิ้นกั๋วอย่างแน่นอน!”
“ดังนั้นแม่ทัพหลิวหงจะให้พวกเราบุกไปโจมตีพวกเขาคืนนี้ใช่หรือไม่ขอรับ” หลินคังเล่อกำดาบที่เอวแน่น แววตาส่อแววตื่นเต้นขึ้นมาทันที
“สังหารพวกมันไม่ให้ทันตั้งตัว!” ไป๋จิ่นจื้อกัดฟันกรอด ในที่สุดความโมโหที่พยายามอดกลั้นไว้ในใจก็สงบลงเสียที
“วันนี้สายลับมารายงานว่ากองทัพจ้าวมาถึงแล้ว ข้าจึงสั่งให้ทหารกลุ่มย่อยสองกลุ่มซ่อนตัวอยู่ในด่านเพื่อรอคำสั่ง ข้าจะพาทหารบุกไปเผชิญหน้ากับกองทัพต้าเหลียงทางด้านหน้า จวิ้นจู่และแม่ทัพหลินพาทหารอ้อมไปลอบโจมตีพวกมันจากทางด้านหลัง” หลิวหงชี้ไปยังภูเขาที่ทอดยาวอยู่ทางสองฝั่งของด่านชิงซีซาน
“ด่านชิงซีซานอยู่ระหว่างหุบเขาชิงซีไม่ได้อยู่ในเมือง ขอเพียงพวกท่านเดินทางผ่านเส้นทางแคบนี้อ้อมไปยังด้านหลังของด่านชิงซีซานได้ เมื่อจ้าวเซิ่งพบว่าพวกท่านอ้อมไปโจมตีพวกเขาทางด้านหลัง จ้าวเซิ่งจะพาทหารไปสู้รบกับพวกท่านก่อนแน่นอน เพราะข้านำทัพไปโจมตีที่ด่านหน้าซึ่งมีกำแพงเมืองป้องกันอยู่อีกชั้น ทำเช่นนี้อาจสูญเสียหนักทั้งสองฝ่าย ทว่า ขอเพียงจ้าวเซิ่งพาทหารไปสู้รบกับพวกท่าน ทหารต้าจิ้นที่ข้าสั่งให้แฝงตัวอยู่ในด้านจะมาเปิดประตูเมืองให้ข้า ถึงเวลานั้นข้าจะนำกองทัพบุกเข้าไปด้านในทันที”
หลิวหงขยับคอเสื้อของตัวเองเล็กน้อย จากนั้นถอนหายใจยาวออกมาราวกับว่าเขาก็อดกลั้นมานานแล้วเช่นกัน
“ต่างกล่าวกันว่าข้าหลิวหงทำสงครามราวกับเต่า หากกล่าวดีหน่อยก็คือปลอดภัยและมั่นคง อยากชนะอย่างปลอดภัย! แย่หน่อยก็หาว่าข้าถนัดทำตัวเป็นไอ้เต่างั่ง วันนี้ข้าจะทำให้พวกมันได้เห็นว่าข้าแค่ไม่ออกรบในสงครามที่ข้าควบคุมไม่ได้เท่านั้น ไม่ใช่ไอ้เต่างั่ง!”
หลินคังเล่อกระแอมออกมาเล็กน้อย จากนั้นเบนสายหนีไปอีกทาง
ไป๋จิ่นจื้อมองไปทางหลิวหง ทว่า ไม่ได้กล้ากล่าวตอบ สาวน้อยลอบด่าว่าหลิวหงเป็นเต่าที่เอาแต่หดหัวอยู่ในกระดองอยู่ในใจไม่รู้กี่ครั้งต่อกี่ครั้ง นึกไม่ถึงเลยว่าหลิวหงจะทำทุกอย่างลงไปเพื่อเตรียมความพร้อมสำหรับการบุกโจมตีในคืนนี้
หลิวหงรู้ว่าไป๋จิ่นจื้อเป็นคนเก็บอารมณ์ไม่อยู่ สีหน้าของสาวน้อยแสดงออกมาชัดเจนว่านางเคยด่าเขาอยู่ในใจไม่รู้กี่รอบต่อกี่รอบ เขาจึงกล่าวออกมายิ้มๆ “ครั้งนี้องค์หญิงเจิ้นกั๋วมาได้ทันเวลา พายุฝนตกลงมาได้ถูกเวลาจริงๆ พวกเราจึงมีโอกาสเช่นนี้ต้องคว้ามันไว้ให้ดี ไปเตรียมตัวเถิด! ข้าจะให้คนที่ไปสำรวจเส้นทางก่อนหน้านี้พาพวกท่านไปสำรวจเส้นทางแคบนั้นก่อน ฝนตกหนักเช่นนี้จะช่วยอำพรางตัวของพวกท่านได้ดี พวกท่านจะเดินอ้อมไปถึงด้านหลังด่านชิงซีซานอย่างง่ายราบรื่น อย่าลืมนำธงเฮยฟานไป๋หมั่งไปด้วย ให้พวกนั้นเข้าใจว่าองค์หญิงเจิ้นกั๋วมาถึงแล้ว ข่มขวัญให้พวกมันหวาดกลัว พวกเราต้องยึดด่านชิงซีซานกลับคืนมาให้ได้ก่อนองค์หญิงเจิ้นกั๋วจะเดินทางมาถึง มิเช่นนั้นผู้อื่นจะคิดว่านอกจากองค์หญิงเจิ้นกั๋วแล้วต้าจิ้นไม่มีแม่ทัพที่แข็งแกร่งเหลืออยู่อีกแล้ว!”
“เปรี้ยง!”
สายฟ้าฟาดกระหน่ำลงกลางก้อนเมฆบนท้องฟ้า ท้องฟ้าสว่างวาบขึ้นชั่วขณะจนเห็นทางแคบริมหน้าผาอย่างชัดเจน ไป๋จิ่นจื้อนำทัพเดินทางอ้อมไปตามเส้นทางแคบนั้น
วินาทีที่สายฟ้าฟาดลงมา แม้แต่หนูที่อยู่กลางสายฝนก็ไม่มีที่หลบซ่อนตัว ยิ่งไม่ต้องกล่าวถึงขบวนกองทัพจิ้นที่สวมชุดเกราะหนักอึ้งภายใต้การนำของไป๋จิ่นจื้อและหลินคังเล่อเลย พวกเขาถือธนูเดินไปตามทางแคบชิดริมหน้าผาทีละคนอย่างระมัดระวัง เงียบเชียบและรวดเร็ว เมื่อฟ้าแลบขึ้นกลางท้องฟ้า ไป๋จิ่นจื้อยกมือส่งสัญญาณให้ทหารทุกคนหยุดนิ่งแนบกายชิดริมหน้าผาเพราะกลัวว่าจะถูกทหารหน่วยลาดตระเวนของอีกฝ่ายจับได้
ด้านหลังของเหล่าทหารคือบรรดาม้าศึกที่นำโดยผิงอัน ฝนที่ตกหนักทำให้ขนของม้าศึกเปียกลู่จนแนบไปกับลำตัว ปากของม้าศึกทุกตัวถูกครอบไว้ด้วยที่ครอบปากเพื่อป้องกันพวกมันส่งเสียงร้องจนศัตรูรู้ตัว
บัดนี้จ้าวเซิ่งกำลังเดินสำรวจทหารที่ได้รับบาดเจ็บและทหารที่ติดเชื้อโรคระบาดที่ถูกย้ายตัวไปรักษาที่ห้องพักรักษาตัวในด่านชิงซีซาน จ้าวเซิ่งเดินสำรวจโดยใช้ผ้าปิดปากปิดจมูกเอาไว้จนครบหนึ่งรอบ เมื่อเดินออกมาก็เห็นทหารสี่นายถูกแบกเข้าไปในห้องพักรักษาเพิ่ม
หมอเดินออกมาจากห้องพร้อมกับจ้าวเซิ่ง จากนั้นกล่าวกับจ้าวเซิ่งที่อยู่ด้านล่างระเบียงทางเดิน “โรคระบาดรุนแรงมากจริงๆ ขอรับ ต้าเหลียงไม่เหมือนต้าจิ้นที่เคยรับมือกับโรคระบาดที่เคยเกิดขึ้นที่เมืองเจียวโจวมาก่อน พวกเรายังคิดสูตรยารักษาโรคระบาดออกมาไม่ได้ ราชสำนักก็ไม่ค่อยเต็มใจส่งยามาให้พวกเรา หากเป็นเช่นนี้ต่อไปทหารของเราคงล้มป่วยมากขึ้นเรื่อยๆ ขอรับ”
จ้าวเซิ่งกำดาบซึ่งเย็นเฉียบที่เอวแน่น บัดนี้ทหารต้าเหลียงและต้าจิ้นล้วนติดเชื้อโรคระบาด ทว่า ต้าจิ้นมียารักษาโรค ส่วยต้าเหลียงไม่มี
จ้าวเซิ่งรู้สึกหงุดหงิดใจมาก จักรพรรดิต้าเหลียงไม่ยอมเจรจาสงบศึกกับต้าจิ้น คิดแต่จะแก้แค้นให้องค์ชายสี่เพียงอย่างเดียวเท่านั้น ทว่า หากเป็นเช่นนี้ต่อไปกำลังทหารและชาวบ้านของต้าเหลียงก็จะลดน้อยลงเรื่อยๆ เช่นนี้เท่ากับว่าต้าจิ้นจะชนะศึกโดยไม่ต้องทำสงครามแม้แต่น้อย
ตอนนี้ผู้นี้ยื้อต่อไปไม่ได้คือต้าเหลียง!
ยิ่งคิดจ้าวเซิ่งก็ยิ่งรู้สึกหวาดกลัว รู้สึกเสียวแผ่นหลังวูบ เขาหันไปมองหมอ
“ไม่มีวี่แววว่าจะคิดค้นยาได้เลยหรือ”