สตรีแกร่งตระกูลไป๋ - ตอนที่ 778 ตายไปพร้อมกัน
ตอนที่ 778 ตายไปพร้อมกัน
เมื่อจ้าวเซิ่งที่กำลังสู้รบอย่างเอาเป็นเอาตายได้ยินจึงกระชากหอกออกมาจากศพของทหารที่นอนตายอยู่ด้านข้าง จากนั้นเขวี้ยงหอกไปทางหลินคังเล่อ เขาจะไม่ยอมให้ผู้ใดมาทำให้กองทัพต้าเหลียงหวั่นไหวเด็ดขาด
ทว่า การต่อสู้ที่ยืดเยื้อมาทั้งคืนทำให้จ้าวเซิ่งไม่มีแรงอีกต่อไป หอกยาวหล่นลงพื้นก่อนที่จะถูกร่างของหลินคังเล่อ
จ้าวเซิ่งหอบหายใจอย่างรุนแรง เขาหันกลับมองไปบรรดาทหารต้าเหลียงหนีตายที่กำลังวิ่งมาทางเขาพลางทิ้งเกราะและอาวุธลงบนพื้น ด้านหลังของพวกเขาคือทหารต้าจิ้นที่ไล่ตามพลางโห่ร้องอย่างไม่ลดละ ทหารส่วนใหญ่ของต้าเหลียงทิ้งเกราะลงบนพื้น พวกเขานั่งคุกเข่าแล้วเอามือวางไว้บนศีรษะสื่อว่ายอมจำนน ทหารส่วนใหญ่ของต้าเหลียงไม่มีกำลังใช้จะสู้รบอีกต่อไป ทั้งๆ ที่ต้าเหลียงมีกองกำลังเยอะกว่าต้าจิ้นเป็นเท่าตัว ทว่า กลับถูกกองทัพจิ้นไล่ต้นจนต้องทิ้งกำแพงเมืองและอาวุธ ไม่มีความกล้าที่จะต่อสู้อีกต่อไป
“ท่านแม่ทัพ ประตูเมืองพังแล้ว กองทัพจิ้นบุกเข้ามาด้านในแล้ว พวกเราต้านไว้ไม่ไหวแล้วขอรับ พวกข้าจะคุ้มกันท่านแม่ทัพหนีออกไปนะขอรับ” ทหารกองทัพจ้าวที่ยืนอยู่ด้านข้างจ้าวเซิ่งประคองจ้าวเซิ่งเอาไว้ “ทหารกองทัพจ้าวทุกคน พวกเราต้องช่วยกันพาท่านแม่ทัพออกไปจากที่นี่ บุก!”
ผลแพ้ชนะเป็นที่ประจักษ์แล้ว จ้าวเซิ่งรู้สึกหดหู่มาก
เขาเงยหน้ามองฟ้าใสหลังเกิดพายุฝนเมื่อคืนอย่างสิ้นหวัง มองดูแสงอาทิตย์สีทองสาดส่องลงบนยอดเขาซีซาน ทว่า ในใจของเขากลับมีแต่ความมืดหม่นไร้สีใดๆ มีเพียงความสิ้นหวังที่น่าหดหูใจเท่านั้น
หากปกป้องด่านชิงซีซานไว้ได้ ต้าเหลียงอาจยังพอมีทางรอด
การสูญเสียด่านชิงซีซานเท่ากับเป็นการเปิดประตูใหญ่ของต้าเหลียงออก ไม่มีด่านเช่นนี้เป็นปราการของแคว้น ต้าเหลียงใกล้ดับสูญแล้ว!
ทว่า นี่คือด่านชิงซีซานที่แกร่งที่สุดในใต้หล้า ด่านนี้ถูกสร้างมาหลายร้อยปีไม่เคยมีแคว้นใดบุกเข้ามาได้มาก่อน ทว่า บัดนี้กลับถูกต้าจิ้นโจมตีจนพังทลายอย่างง่ายดายถึงสองครั้ง สวรรค์ต้องการให้ต้าเหลียงดับสูญ ต้องการชีวิตของเขาอย่างนั้นหรือ!
เขาให้คำสัตย์ไว้แล้วว่าหากปกป้องด่านชิงซีซานไว้ไม่ได้เขาจะถือศีรษะไปพบจักรพรรดิ เหตุใดเขาต้องให้ทการกองทัพจ้าวเสี่ยงชีวิตพาเขาหนีออกไปด้วย
เขาประมาทศัตรูมากเกินไป เขาปกป้องด่านชิงซีซานไว้ไม่ได้ เขาทำผิดต่อบรรพบุรุษตระกูลจ้าวทุกรุ่นที่คอยปกป้องด่านชิงซีซาน ทำผิดต่อทหารต้าเหลียงทุกคนที่สละชีพเพื่อปกป้องด่านชิงซีซาน ยิ่งทำผิดต่อองค์ชายสามที่อุตส่าห์ขอโอกาสครั้งนี้มาให้เขา
จ้าวเซิ่งมองขึ้นไปบนหน้าผาจนเห็นแสงสว่างของดวงอาทิตย์ที่เปรียบเสมือนแสงสีทองในนรก มองดูแสงอาทิตย์ส่องไปยังซากศพมากมายที่กองเป็นภูเขาสูง
จ้าวเซิ่งที่อยู่ในความเศร้าโศกและโกรธแค้นผลักร่างของทหารกองทัพจ้าวออก จากนั้นตะโกนเสียงเศร้า “องค์ชายสามจ้าวเซิ่งทำผิดต่อพระองค์ กระหม่อมขอลาก่อนพ่ะย่ะค่ะ”
กล่าวจบจ้าวเซิ่งชูดาบใหญ่ขึ้น จากนั้นปลิดชีพตัวเอง
“ท่านแม่ทัพ!”
“ท่านแม่ทัพ!”
“ท่านแม่ทัพ!”
บรรดาทหารกองทัพจ้าวหน้าเปลี่ยนสีด้วยความตกใจ
วินาทีที่ดาบของจ้าวเซิ่งใกล้สัมผัสโดนคอของตัวเอง โลหะสีทองแหลมคมอันหนึ่งลอยมากลางอากาศ ผ่านศีรษะของทหารกองทัพจ้าวที่ห้ามจ้าวเซิ่งไว้ไม่ทัน…
“เพล้ง!”
ดาบคมใหญ่ที่สัมผัสโดนผิวบริเวณคอของจ้าวเซิ่งแล้วถูกแรงกระแทกมหาศาลปะทะจนลอยกระเด็นไปกลางอากาศ
จ้าวเซิ่งหันกลับไปมอง เขาเห็นเพียงม้าศึกสีขาวกระโดดข้ามสิ่งกีดขวางและบรรดาทหารที่กำลังต่อสู้มุ่งตรงมาทางเขาท่ามกลางแสงอาทิตย์ที่ส่องสว่าง
สตรีร่างปราดเปรียวในชุดนักรบนั่งอยู่บนหลังม้าขาวด้วยสีหน้าเคร่งขรึม เสื้อคลุมกันลมสีแดงปลิวสยายตามแรงลม หญิงสาวง้างสายธนูขึ้นอีกครั้งแล้วยิงออกไป…
ลูกธนูแหลมลอยผ่านใบหูของไป๋จิ่นจื้อไปอย่างเฉียดฉิว เสียบทะลุลำคอของทหารต้าเหลียงคนหนึ่งที่ลอบโจมตีไป๋จิ่นจื้อ ลูกธนูลอยทะลุไปปักอยู่บนกำแพงทางด้านหลัง ปลายธนูเปื้อนเลือดสั่นไหวอย่างรุนแรง
ไป๋จิ่นจื้อเงยหน้าขึ้นจึงเห็นพี่หญิงใหญ่ของตัวเอง สาวน้อยตื่นเต้นจนเลือดร้อนพุ่งพล่านไปทั้งร่าง “พี่หญิงใหญ่!”
เมื่อไป๋ชิงเหยียนที่ต่อสู้จนร่างโชกไปด้วยเหงื่อเห็นว่าไป๋จิ่นจื้อปลอดภัยดี หญิงสาวจึงกระชากม้าให้หยุดลงจากนั้นตะโกนเสียงดังลั่น “ด่านชิงซีซานแตกแล้ว กองทัพต้าเหลียงพ่ายแพ้ ผู้ใดยอมจำนนจะไว้ชีวิต ผู้ใดขัดขืนสังหารให้สิ้น!”
น้ำเสียงของหญิงสาวมั่นคง หนักแน่นและเด็ดเดี่ยวจนผู้ฟังรู้สึกขนลุกซู่ บารมีของนางมากล้นจนน่าหวั่นเกรง ทหารต้าจิ้นที่อยู่ทางด้านหลังของไป๋ชิงเหยียนชี้คมดาบไปทางทหารต้าเหลียง ทำเอาทหารต้าเหลียงที่เดิมทีเสียขวัญมากแล้วหวาดกลัวจนไม่กล้าต่อสู้อีก
จ้าวเซิ่งถูกทหารกองทัพจ้าวประคองไว้ ลูกน้องของเขากลัวว่าเขาจะคิดสั้นขึ้นมาอีกจึงได้แต่จับตัวจ้าวเซิ่งไว้แน่น
ไป๋ชิงเหยียนพยายามควบคุมจังหวะการหายใจที่เหนื่อยหอบของตัวเองอยู่บนหลังม้าท่ามกลางแสงอาทิตย์ หญิงสาวเห็นบรรดาทหารต้าเหลียงต่างพากันทิ้งอาวุธในมือลง คุกเข่าแสดงท่าทียอมจำนน หญิงสาวจึงมองไปทางจ้าวเซิ่งที่มีทหารกองทัพจ้าวมากมายคอยคุ้มกันอยู่
สองสายตาประสานกัน จ้าวเซิ่งมองเห็นแววตาที่ราบเรียบทว่า มีแรงกดดันของไป๋ชิงเหยียน ความรู้สึกอยากสู้รบอีกครั้งเพื่อล้างความอัปยศในครั้งนั้นดับสนิทราวกับมอดไหม้ไปกับไฟกองสุดท้าย
“องค์หญิงเจิ้นกั๋ว!” หลินคังเล่อยิ้มให้ไป๋ชิงเหยียน “นั่นองค์หญิงเจิ้นกั๋วจริงๆ ด้วย!”
องค์หญิงเจิ้นกั๋วพาทหารมาล้อมทหารยอมจำนนของต้าเหลียงไว้หมดแล้ว ชัยชนะเป็นของต้าจินแล้ว พวกเขาจะไม่ตื่นเต้นได้อย่างไรกัน
ไป๋จิ่นจื้อวิ่งเหยียบศพทหารของศัตรูเข้าไปหาไป๋ชิงเหยียน สาวน้อยดีใจราวกับเด็ก ทหารข้างกายของจ้าวเซิ่งจับดาบที่เอวแน่น เขามองไปทางไป๋จิ่นจื้อที่กำลังวิ่งไปหาไป๋ชิงเหยียนนิ่งราวกับกำลังรอจังหวะที่จะตายไปพร้อมกัน
เมื่อเห็นไป๋จิ่นจื้อวิ่งเข้ามาใกล้ขึ้นเรื่อยๆ เขาก็ยิ่งกำดาบที่เอวแน่นขึ้นเท่านั้น
ทว่า เขายังไม่ทันพุ่งตัวออกไปก็ถูกจ้าวเซิ่งจับตัวไว้เสียก่อน
“ท่านแม่ทัพ!” ทหารกองทัพจ้าวหันไปมองจ้าวเซิ่ง เขาเห็นจ้าวเซิ่งมองไปทางไป๋ชิงเหยียนนิ่ง เขาจึงมองตามไปเช่นเดียวกัน ทันใดนั้นเขารู้สึกเย็นวาบไปทั้งร่างทันที
ลูกธนูแหลมคมสีทองขององค์หญิงเจิ้นกั๋วชี้มาทางเขาอย่างแม่นยำ แววตาที่องค์หญิงเจิ้นกั๋วมองมาทางเขาล้ำลึกจนมองไม่เห็นก้นบึ้ง เยือกเย็นจนเขารู้สึกหวาดหวั่น
หากเมื่อครู่แม่ทัพไม่ได้ห้ามเขาไว้ เขาคงถูกธนูยิงทะลุลำคอแน่
ดาบของทหารกองทัพจ้าวผู้นั้นหล่นลงพื้นจนเกิดเสียงดัง ‘เพล้ง!’ สนามรบถูกกองทัพจิ้นควบคุมไว้หมดแล้ว
ไป๋ชิงเหยียนลดธนูลง เก็บลูกธนูไว้ในกระบอกไม้ไผ่ตามเดิม หญิงสาวลงจากหลังม้า จากนั้นรวบตัวไป๋จิ่นจื้อที่วิ่งมาทางนางมากอดไว้ในอ้อมกอด
“พี่หญิงใหญ่ ในที่สุดพี่หญิงใหญ่ก็มาเสียทีนะเจ้าคะ” ไป๋จิ่นจื้อกอดไป๋ชิงเหยียนแน่นพลางกล่าวเสียงสะอื้นจนตัวโยน
หลินคังเล่อที่ขี่ม้าเข้ามาทำความเคารพไป๋ชิงเหยียนมองไปทางไป๋จิ่นจื้อที่ปกติเข้มแข็งและกล้าหาญ บัดนี้กลับซุกศีรษะไว้ในอ้อมกอดขององค์หญิงเจิ้นกั๋วพลางร้องไห้ออกมาราวกับเด็ก เขารู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย เขาไม่เคยเห็นท่าทีราวกับเด็กเช่นนี้ของไป๋จิ่นจื้อมาก่อน
“เอาล่ะ พอแล้ว…” ไป๋ชิงเหยียนลูบศีรษะของไป๋จิ่นจื้ออย่างปลอบโยน กลืนคำตำหนิที่ที่ไป๋จิ่นจื้อบุ่มบ่ามเกินไปลงไปในลำคอ เมื่อเห็นร่างที่เต็มไปด้วยเลือดของน้องสาว แววตาของไป๋ชิงเหยียนส่อแววสงสารมากยิ่งขึ้น หญิงสาวกล่าวเสียงเบาหวิว
“ทหารของเจ้าอยู่ที่นี่ เจ้าจะให้พวกเขาเห็นเจ้ามีท่าทีออดอ้อนพี่เช่นนี้อย่างนั้นหรือ”
ไป๋จิ่นจื้อได้ยินดังนี้จึงรีบหยัดกายตรงทันที สาวน้อยเอื้อมมือเช็ดน้ำตาบนใบหน้าออกอย่างเขินอาย จากนั้นส่งยิ้มกว้างให้พี่สาว
“หากพี่หญิงใหญ่มาช้ากว่านี้อีกสักนิด ข้าตัดศีรษะของจ้าวเซิ่งออกมาให้เหล่าทหารของข้ามีกำลังใจแล้วเจ้าค่ะ”
ไป๋ชิงเหยียนเอื้อมมือไปเช็ดคราบฝุ่นและเลือดบนใบหน้าของไป๋จิ่นจื้อออก
“พวกเราทำสงครามเพื่อยุติสงคราม เหตุใดต้องกวาดล้างให้หมดด้วย”