สตรีแกร่งตระกูลไป๋ - ตอนที่ 782 ทำประโยชน์เพื่อแคว้น
ตอนที่ 782 ทำประโยชน์เพื่อแคว้น
อีกอย่างแทนที่จะคิดว่าองค์หญิงเจิ้นกั๋วคิดกบฏ หลิวหงอยากเชื่อว่าองค์หญิงเจิ้นกั๋วจงรักภักดีต่อรัชทายาท นางคิดวางแผนทำเพื่อพระองค์มากมายเช่นนี้เพราะปณิธานขององค์รัชทายาทมากกว่า
เพื่อส่วนรวม ตอนนี้หลิวหงจึงทำได้เพียงเก็บความสงสัยนี้ไว้ก่อน เมื่อสงครามที่ต้าเหลียงจบลง เขาค่อยเดินทางกลับไปถามความจริงจากรัชทายาท
“ในเมื่อองค์หญิงเจิ้นกั๋วตรัสเช่นนี้ กระหม่อมก็จะไม่รายงานเรื่องทหารยอดฝีมือกลุ่มนี้ลงไปในฎีกา ทว่า เมื่อเรานำชัยชนะกลับไปยังเมืองหลวง กระหม่อมจะไม่แย่งความดีความชอบที่สมควรเป็นขององค์หญิงเจิ้นกั๋วเด็ดขาด กระหม่อมจะทูลรายงานตามความจริงพ่ะย่ะค่ะ” หลิวหงคารวะไป๋ชิงเหยียนอย่างจริงจังด้วยสีหน้าหนักแน่น
ไป๋ชิงเหยียนทำความเคารพกลับ “ไป๋ชิงเหยียนไม่สนใจเรื่องความดีความชอบ แม่ทัพหลิวไม่จำเป็นต้องเก็บเรื่องนี้ไปใส่ใจ พวกเราทุกคนล้วนสังหารศัตรูเพื่อแคว้น ขอเพียงพวกเราได้รับชัยชนะ ความดีความชอบตกเป็นของผู้ใดไม่ใช่เรื่องสำคัญ ท้ายที่สุดพวกเราล้วนทำเพื่อผลประโยชน์ของแคว้นเราเท่านั้น”
“กระหม่อมนับถือในน้ำใจขององค์หญิงเจิ้นกั๋วยิ่งนักพ่ะย่ะค่ะ” หลิวหงกล่าว
เมื่อไป๋ชิงเหยียนเดินออกมาจากที่พักของหลิวหง จ้าวหร่านที่มารออยู่นานแล้วจึงก้าวเข้าไปทำความเคารพไป๋ชิงเหยียน จากนั้นกล่าวอย่างไม่พอใจ
“คุณหนูใหญ่ ข้ามอบยารักษาโรคระบาดที่ต้มเสร็จแล้วให้เหล่าทหารของต้าเหลียงตามที่คุณหนูใหญ่สั่งแล้วขอรับ ทว่า ทหารของต้าเหลียงปัดยาของพวกเราทิ้งพลางกล่าวว่าพวกเขายินดีตาย ทว่า ไม่มีทางรับความเมตตาจากพวกเราขอรับ ช่างไม่รู้จักบุญคุณคนเสียเลย! ข้าตั้งใจมาถามว่าจะจัดการกับทหารเหล่านั้นเช่นไรดีขอรับ”
บัดนี้จ้าวหร่านรู้สึกเดือดดาลมาก อยากตายเหตุใดไม่วิ่งเอาหัวชนเสาให้ตายไปเลย เหตุใดต้องแสร้งทำเป็นทหารกล้าของแคว้นเช่นนี้ด้วย ตอนนี้ยารักษาโรคระบาดมีค่ามาก ขนาดยาในแคว้นต้าจิ้นยังขึ้นราคาเกือบเท่าตัว จักรพรรดิต้าเหลียงไม่ได้ใจกว้างมอบยาให้พวกเขารักษาตัวเช่นเดียวกับคุณหนูใหญ่ของเขา ทว่า พวกนั้นกลับปัดยาทิ้ง หากไม่ใช่เพราะคุณหนูใหญ่สั่งไว้ เขาคงสังหารทหารเลวเหล่านั้นจนสิ้นซากไปแล้ว
ไป๋ชิงเหยียนคิดอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นกล่าวขึ้น “เจ้าไปพาแม่ทัพจ้าวเซิ่งแห่งกองทัพจ้าวมาพบข้าที”
จ้าวหร่านพยักหน้า จากนั้นกำหมัดรับคำ “ขอรับ”
ตอนที่ไป๋ชิงเหยียนกลับไปยังที่พักของไป๋จิ่นจื้อ จี้งหลางหวาทำแผลให้ไป๋จิ่นจื้อเสร็จเรียบร้อยแล้ว ไป๋ชิงเหยียนยืนลูบหน้าผากของน้องสาวอย่างแผ่วเบาอยู่ข้างเตียง หญิงสาวห่มผ้าให้ไป๋จิ่นจื้อ ถ้อยคำตำหนิที่เตรียมมาต่อว่าไป๋จิ่นจื้อหายไปทันทีที่เห็นใบหน้าที่อ่อนล้าของน้องสาว
ไป๋ชิงเหยียนปลดเสื้อคลุมกันลมที่แห้งสนิทของตัวเองออก เตรียมเปลี่ยนเป็นเสื้อคลุมกันลมสะอาดตัวใหม่
จี้หลางหวาถือยาทำความสะอาดบาดแผลเข้าไปหาไป๋ชิงเหยียน เมื่อเห็นใบหน้าที่เหนื่อยล้าของหญิงสาว จี้หลางหวาจึงถอนหายใจยาวออกมา ไป๋ชิงเหยียนเตรียมถอดรองเท้าหนังออก จี้หลางหวาเห็นจึงรีบวางถาดยาลงบนโต๊ะแล้วคุกเข่าลงไปช่วย “ข้าช่วยเจ้าค่ะคุณหนูใหญ่…”
จี้หลางหวาถอดรองเท้าหนังให้ไป๋ชิงเหยียน รองเท้าหนังของไป๋ชิงเหยียนเกือบแห้งสนิทแล้ว มีข้างหนึ่งที่ยังชื้นอยู่เล็กน้อย เมื่อเห็นเท้าของไป๋ชิงเหยียนบวมจากการใส่รองเท้าที่เปียกน้ำเป็นเวลานาน จี้หลางหวารีบเช็ดเท้าของไป๋ชิงเหยียนให้สะอาดจากนั้นสวมถุงเท้าคู่ใหม่ให้หญิงสาวด้วยความปวดใจ หญิงสาวกล่าวเสียงเบาหวิว “คุณหนูใหญ่เร่งเดินทางมาด้วยความลำบากตลอดทาง เมื่อคืนทำศึกหนักทั้งคืน คุณหนูใหญ่พักผ่อนสักนิดเถิดเจ้าค่ะ”
ไป๋ชิงเหยียนหยิบรองเท้าหนังสะอาดคู่ใหม่มาสวม หยิบเครื่องแต่งกายชุดใหม่ออกมา จากนั้นถอดชุดเกราะชุดเก่าออกพลางเดินไปเปลี่ยนชุดใหม่ด้านหลังฉากกั้น “เจ้าพักผ่อนเถิด ข้ายังมีเรื่องต้องจัดการ”
จี้หลางหวาอึกอักในลำคอ เมื่อเห็นไป๋ชิงเหยียนที่เปลี่ยนเครื่องแต่งกายเสร็จแล้วเดินออกไปจากที่พักอีกครั้ง จี้หลางหวาจึงเดินตามออกไปสองสามก้าว หญิงสาวยืนมองไป๋ชิงเหยียนที่เดินจากไปไกลอยู่หน้าที่พักด้วยความรู้สึกเป็นห่วง เมื่อนึกถึงไป๋จิ่นจื้อที่เมื่อกลับมาถึงที่พักก็ผล็อยหลับไปเพราะความอ่อนล้า หญิงสาวก็อดนึกถึงไป๋ชิงเหยียนที่นำทัพมาเสริมและทำศึกตลอดคืนจนถึงตอนนี้ยังไม่มีเวลาแม้แต่จะพักทานอาหารขึ้นมาไม่ได้
จี้หลางหวาถูมือกับเครื่องแต่งกายของตัวเองเล็กน้อย หันกลับไปมองไป๋จิ่นจื้อที่กำลังนอนหลับสนิท จี้หลางหวาปิดม่านของกระโจมที่พักแล้วกำชับทหารเฝ้ากระโจมไม่ให้ผู้ใดเข้าไปรบกวนไป๋จิ่นจื้อ จากนั้นวิ่งออกไปขอยืมไฟจากทหารที่คุ้นเคยเพื่อต้มบะหมี่ร้อนๆ ให้ไป๋ชิงเหยียนและไป๋จิ่นจื้อ
จ้าวเซิ่งและบรรดาแม่ทัพของต้าเหลียงถูกขังอยู่ในคุกใต้ดินของด่านชิงซีซาน ฝนตกหนักตลอดคืน ภายในคุกจึงเต็มไปด้วยน้ำฝนที่ระบายออกไม่ทัน
บรรดาแม่ทัพของต้าเหลียงยืนแช่น้ำอยู่ในคุก ไม่มีแม้แต่ที่นั่งพักผ่อน
ทหารต้าเหลียงบางที่เริ่มไม่พอใจถีบประตูกรงขังอย่างแรง จากนั้นตะโกนเสียงดังลั่น “ให้ตายเถิด เอาโต๊ะหรือเก้าอี้มาให้สักหน่อยไม่ได้หรืออย่างไร เท้าขาจะเปื่อยหมดแล้ว!”
ทหารต้าจิ้นที่ถูกส่งมาควบคุมทหารต้าเหลียงทำเป็นไม่ได้ยิน ต่างยืนตัวตรงอยู่บนบันไดสูงของคุก
แม่ทัพที่เตะกรงขังเมื่อครู่เขย่ากรงขังอย่างแรง เสียงเหล็กกระทบกันและเสียงเดินไปมาของเหล่าแม่ทัพที่ถูกขังอยู่ในคุกดังแว่วออกไปนอกคุกท่ามกลางเสียงก่นด่าของทหารต้าเหลียง
คุกใต้ดินของด่านชิงซีซานทั้งลึกทั้งยาว แสงของโคมไฟที่อยู่บนกำแพงสูงสะท้อนน้ำสกปรกภายในคุกจนเห็นเป็นสีเหลืองนวล หากไม่ใช่เพราะสองขายังแช่อยู่ในน้ำที่เย็นเฉียบ อาจมีคนเข้าใจผิดว่าน้ำที่อยู่ตรงหน้าเป็นน้ำอุ่นแน่ๆ
แม่ทัพบางคนแช่ตัวลงในน้ำอย่างทนไม่ไหว ความอ่อนล้าตามร่างกายผ่อนคลายลงเล็กน้อย ทว่า ความหนาวเย็นคืบคลานเข้ามาแทนที่จนรู้สึกทรมานมาก
จ้าวเซิ่งที่ถูกปลดชุดเกราะและอาวุธทิ้งถูกขังอยู่คนเดียวในคุกด้านในสุด เขานั่งขัดสมาธิอยู่กลางน้ำพลางหลับตาลงอย่างคนสิ้นหวัง
ความกล้าในการปลิดชีพตัวเองของคนเรามีเพียงชั่วขณะเท่านั้น เมื่อเขาถูกองค์หญิงเจิ้นกั๋วช่วยชีวิตไว้ได้ เขาก็ไม่มีความกล้าที่จะฆ่าตัวตายอีกครั้ง ทว่า ถูกจับเป็นเชลยถึงสองครั้งเช่นนี้ เมื่อกลับไปต้าเหลียงเขาคงมีแต่โทษตายสถานเดียว
ขณะที่จ้าวเซิ่งกำลังคิดอยู่ว่าจะปลิดชีพของตัวเองอีกครั้งตอนนี้หรือรอกลับไปตายที่เมืองหลวงต้าเหลียงหลังสงครามสิ้นสุด ทหารต้าจิ้นสามสี่นายก็เดินถือดาบตรงมายังห้องขัง พวกเขาชูป้ายในมือขึ้นพลางกล่าวว่าองค์หญิงเจิ้นกั๋วสั่งให้มานำตัวคนไปหา
เมื่อแม่ทัพต้าเหลียงใจร้อนบางคนได้ยินเช่นนั้นก็รีบเดินไปยังประตูห้องขัง จากนั้นตะโกนใส่ทหารต้าจิ้นที่จะมารับตัวคนไป
“นี่ พวกแกน่ะ ถ้าจะฆ่าก็รีบฆ่าพวกเราเสียให้สิ้นเรื่อง หากไม่ฆ่าก็หาที่สะอาดกว่านี้ให้พวกเราอยู่ที”
จ้าวหร่านที่เดินนำอยู่ด้านหน้าสุดเก็บป้ายคำสั่งไว้ที่เอวตามเดิม เมื่อเขาเดินนำทหารคนอื่นๆ เข้ามาในคุกด้านในสุด เขากวาดสายตามองดูแม่ทัพต้าเหลียงที่โวยวายด้วยสายตาเยือกเย็นแวบหนึ่ง ทว่า ไม่ได้หยุดฝีเท้าอยู่หน้าแม่ทัพผู้นั้นแม้แต่น้อย “แพ้สงครามกลายเป็นเพียงเชลย หากอยากตายก็ตามสบาย”
“เจ้า!” แม่ทัพต้าเหลียงผู้นั้นไปต่อไม่เป็นทันที
พ่ายแพ้สงครามกลายเป็นเพียงเชลยถือเป็นความอัปยศสูงสุด…
จ้าวหร่านเดินนำคนไปหยุดยืนอยู่หน้าห้องขังของจ้าวเซิ่ง เขากวาดสายตามองดูขนมปังที่วางอยู่บนถาดอาหารสี่เหลี่ยมสีดำที่ลอยอยู่เหนือน้ำแวบหนึ่ง แม้จะรู้ดีว่าจ้าวเซิ่งกำลังอดอาหาร ทว่า เขาก็กล่าวต่ออย่างไม่ใส่ใจ “จ้าวเซิ่ง องค์หญิงเจิ้นกั๋วของพวกข้าอยากพบเจ้า”
ประตูห้องขังถูกเปิดออก จ้าวเซิ่งเงยหน้ามองบุรุษหนุ่มร่างสูงโปร่งตรงหน้าแวบหนึ่ง จากนั้นใช้มือข้างหนึ่งจับกำแพงเพื่อยันกายลุกขึ้น หยดน้ำไหลจากเสื้อผ้าบางเบาของเขาลงสู่ด้านล่าง
“เจ้าคือ…ทหารกองทัพไป๋อย่างนั้นหรือ” จ้าวเซิ่งถาม
“ใช่แล้ว!”
เป็นทหารกองทัพไป๋แม้เพียงวันเดียวถือเป็นทหารกองทัพไป๋ตลอดชีวิต
แม้จ้าวเซิ่งจะถอนตัวมาเป็นองครักษ์ของตระกูลไป๋หลังจากได้รับบาดเจ็บในสงคราม แม้ต่อมาทหารที่เขาตามไปช่วยฝึกฝนกับจี้ถิงอวี๋ที่ภูเขาหนิวเจี่ยวจะถูกเรียกว่าทหารแห่งภูเขาหนิวเจี่ยว ทว่า ในใจของเขาทหารหนิวเจี่ยวก็คือทหารกองทัพไป๋!
จ้าวเซิ่งพยักหน้า