สตรีแกร่งตระกูลไป๋ - ตอนที่ 783 สับสนมาก
ตอนที่ 783 สับสนมาก
ตอนเป็นหนุ่มจ้าวเซิ่งเคยติดตามท่านปู่และบิดาไปออกรบ เขาเคยเห็นกองทัพไป๋…
บรรดาทหารในกองทัพไป๋ล้วนมีความดุดัน นั่นเป็นสิ่งที่เขาไม่เคยเห็นในทหารกองทัพอื่นของแคว้นต้าจิ้น เขาจึงแยกออกได้อย่างง่ายดาย
“ไปเถิด” จ้าวเซิ่งกล่าว
จ้าวหร่านพาจ้าวเซิ่งที่สภาพเปียกปอนเกือบครึ่งตัวเดินออกมาจากคุกใต้ดินที่เย็นชื้นไปตามทางเดินที่ทะลุออกไปยังด้านนอก เมื่อบรรดาแม่ทัพของต้าเหลียงที่ถูกขังอยู่ในคุกมองเห็นจ้าวเซิ่ง พวกเขาต่างมายืนออกันอยู่หน้ากรงขังพลางตะโกนเรียกจ้าวเซิ่ง
ทว่า จ้าวเซิ่งที่พร้อมยอมรับชะตากรรมไม่ได้หันกลับไปมองพวกเขาแม้แต่น้อย เขาเดาว่าองค์หญิงเจิ้นกั๋วคงสั่งให้กองทัพไป๋พาตัวเขาไปสอบสวน มิเช่นนั้นก็อาจใช้วิธีทรมานของท่านปู่เขาจัดการกับเขาเช่นเดียวกับที่เคยจัดการกับน้องชายเขา
ทว่า สิ่งที่ทำให้จ้าวเซิ่งคาดไม่ถึงก็คือเขาไม่ได้ถูกพาไปยังห้องสอบสวนที่เต็มไปด้วยกลิ่นคาวเลือด ทว่า กลับถูกพาไปยังกระโจมที่เขาเคยพักอยู่ตอนที่ยึดด่านชิงซีซานกลับคืนมาได้แทน
องค์หญิงเจิ้นกั๋วที่ผู้คนต่างร่ำลือว่าป่วยอ่อนแอใกล้สิ้นใจนั่งอยู่ตรงโต๊ะด้านหน้าเขา หญิงสาวถือตะเกียงส่องอ่านแผนที่เมืองต้าเหลียงที่ค้นออกมาจากหีบเก็บของของเขาอย่างละเอียด
จ้าวหร่านก้าวเข้าไปรายงานไป๋ชิงเหยียนก่อนว่าจ้าวเซิ่งมาถึงแล้ว จากนั้นรายงานไป๋ชิงเหยียนต่อว่า “หลังจากผ่านสงครามดุดันมาตลอดคืน ทหารยอมจำนนของต้าเหลียงทานขนมปังที่มอบให้หมดเกลี้ยงไม่เหลือ มีเพียงจ้าวเซิ่งเท่านั้นที่ไม่ยอมแตะต้องอาหารขอรับ”
ไป๋ชิงเหยียนพยักหน้าแล้ววางตะเกียงน้ำมันลงบนโต๊ะ จากนั้นให้จ้าวหร่านเชิญจ้าวเซิ่งเข้ามาด้านใน
หลังผ่านศึกมาตลอดทั้งคืนดวงตาของจ้าวเซิ่งแดงฉานเพราะความเหนื่อยล้า หนวดเครายาวรุงรัง สภาพสะบักสะบอมดูไม่ได้ ทว่า ไป๋ชิงเหยียนกลับอยู่ในเครื่องแต่งกายใหม่สะอาด แม้ดวงตาของนางจะแดงฉานเพราะพักผ่อนไม่เพียงพอเช่นเดียวกัน ทว่า หญิงสาวไม่ได้อยู่ในสภาพดูไม่ได้ หญิงสาวยังคงนั่งหยัดแผนหลังตรง กริยาท่าทางงามสง่าเช่นเดิม
เมื่อเห็นจ้าวเซิ่งเดินเข้ามา ไป๋ชิงเหยียนยกกาน้ำชาที่วางอยู่บนเตาดินเผาขึ้นมารินน้ำชาให้จ้าวเซิ่ง “เชิญแม่ทัพจ้าว”
จ้าวเซิ่งเดินไปหยุดอยู่ด้านหน้าไป๋ชิงเหยียน จากนั้นนั่งลงบนเบาะรองนั่งฝั่งตรงข้ามหญิงสาวโดยมีโต๊ะตัวเล็กวางกั้นอยู่ เขากวาดสายตามองแผนที่ที่เขาทำสัญลักษณ์ไว้อย่างละเอียดแล้วกำมือแน่น
กองทัพต้าจิ้นบุกโจมตีอย่างกะทันหัน จ้าวเซิ่งจึงไม่มีเวลาทำลายสิ่งเหล่านี้ทิ้ง
ทว่า แผนที่ฉบับนี้ไม่ได้สำคัญมากนัก เป็นเพียงแผนที่ของต้าเหลียง ต้าจิ้น ซีเหลียง แคว้นเว่ย หรงตี๋และต้าเยี่ยนที่ถูกทำสัญลักษณ์ตามด่านสำคัญต่างๆ ของแต่ละแคว้นเท่านั้น
“ไม่ทราบว่าองค์หญิงเจิ้นกั๋วต้องการถามสิ่งใดจากข้า” จ้าวเซิ่งมองไปทางไป๋ชิงเหยียนนิ่ง แม้สภาพของเขาจะดูสะบักสะบอม ทว่า ยังคงมีความทะนงประหนึ่งองค์ชายที่ตกยาก
“ข้ามีเรื่องอยากให้แม่ทัพจ้าวช่วย…” ไป๋ชิงเหยียนพับแผนที่เก็บ จากนั้นวางไว้ด้านข้าง หญิงสาวเงยหน้าสบตากับจ้าวเซิ่งพลางกล่าวเสียงอ่อนโยน “บรรดาทหารต้าเหลียงที่ติดเชื้อโรคระบาดไม่ยอมทานยา พวกเขาอยากตายเพื่อแคว้นเพียงอย่างเดียว แม่ทัพจ้าวช่วยเกลี้ยกล่อมพวกเขาให้ข้าที”
จ้าวเซิ่งอึ้งไปครู่ใหญ่ ตั้งแต่ที่ต้าจิ้นและต้าเหลียงเกิดโรคระบาดขึ้น ค่ายารักษาโรคระบาดแพงขึ้นเป็นเท่าตัว ต้าจิ้นจะมอบยารักษาโรคระบาดให้ทหารต้าเหลียงอย่างนั้นหรือ!
จ้าวเซิ่งคิดว่าด้วยนิสัยของไป๋ชิงเหยียน เมื่อยึดด่านชิงซีซานได้ หญิงสาวคงจะกำจัดทหารต้าเหลียงที่ติดเชื้อโรคระบาดทิ้งทั้งหมด จากนั้นเผาซากศพให้สิ้นซากจะได้ไม่เปลืองเสบียงอาหารของต้าจิ้นเสียอีก ทว่า เหตุใดหญิงสาวจึงจะมอบยาให้ทหารยอมจำนนของต้าเหลียงกัน
ความคิดที่แทบจะเป็นไปไม่ได้อย่างหนึ่งผุดขึ้นในสมองของจ้าวเซิ่ง จ้าวเซิ่งถามออกไปทันทีโดยไม่คิด “องค์หญิงเจิ้นกั๋วต้องการให้ทหารต้าเหลียงยอมรับใช้องค์หญิงเจิ้นกั๋วอย่างนั้นหรือพ่ะย่ะค่ะ”
ใบหน้าของไป๋ชิงเหยียนที่นั่งอยู่ใต้แสงไฟสงบนิ่ง แววตาล้ำลึก น้ำเสียงเรียบนิ่งเป็นธรรมชาติ “หลายร้อยปีก่อนหน้านี้พวกเราเคยเดินทางด้วยถนนสายเดียวกัน เคยใช้อักษรเดียวกัน เคยใช้ระบอบการปกครองแบบเดียวกัน ทุกแคว้นล้วนเป็นคนครอบครัวเดียวกัน เหตุใดต้องแบ่งแยกกันเองด้วย”
ใจของจ้าวเซิ่งเต้นรัวราวกับคลื่นในมหาสมุทร
ถนนสายเดียวกัน อักษรแบบเดียวกัน การปกครองแบบเดียวกันล้วนเป็นรากฐานของความเป็นหนึ่งเดียว องค์หญิงเจิ้นกั๋วกำลังจะบอกเขาว่าต้าจิ้นต้องการรวบรวมใต้หล้าให้เป็นหนึ่งหรือองค์หญิงเจิ้นกั๋วอยากรวบรวมใต้หล้าให้เป็นหนึ่งกันแน่!
“เช่นนั้นที่ต้าจิ้นส่งองค์หญิงเจิ้นกั๋วมาออกรบในครั้งนี้เพราะต้องการทำลายต้าเหลียงให้ดับสูญอย่างนั้นหรือ” จ้าวเซิ่งแสร้งแสดงท่าทีเยาะเย้ย ทว่า แท้จริงแล้วเขาไม่มีความมั่นใจแม้แต่น้อย ยิ่งเขาเสียงดังมากเท่าใดก็ยิ่งแสดงให้เห็นว่าเขาต้องการปกปิดความหวาดกลัวมากเท่านั้น
ต้าเหลียงสูญเสียด่านชิงซีซานที่เป็นด่านที่ขึ้นชื่อว่าแกร่งที่สุดในใต้หล้าไปแล้ว ด่านต่อไปหากต้าเหลียงไม่มีแม่ทัพที่ดุดันแข็งแกร่งคอยต้านทาน หากต้าจิ้นรวมใจเป็นหนึ่ง อีกไม่กี่ปีต้าเหลียงคงต้องดับสูญแน่นอน
ไป๋ชิงเหยียนยกยิ้มมุมปากเล็กน้อย รอยยิ้มของหญิงสาวไม่มีไอสังหารใดๆ เป็นเพียงรอยยิ้มบางๆ ทว่า กลับทำให้คนรู้สึกหวาดผวาตลอดเวลา หญิงสาวกล่าวขึ้น “แม่ทัพจ้าว นักรบอย่างพวกเราทำสงครามสังหารศัตรูเพื่อจุดประสงค์ใดกัน ท่านเคยคิดบ้างหรือไม่”
ไม่รอให้จ้าวเซิ่งกล่าวตอบ ไป๋ชิงเหยียนก็เอ่ยต่อ “พวกเราทำเพื่อปกป้องแผ่นดินและชาวบ้าน เพื่อผลประโยชน์ของแคว้นตัวเอง ถูกต้องหรือไม่”
จ้าวเซิ่งเม้มปากแน่น
“ทว่า ทหารต้องเสียชีวิตไปมากเพียงใดกับการยึดครองดินแดนเพียงแห่งเดียว ยึดครองเมืองเพียงเมืองเดียว ทหารคนใดไม่ใช่ทายาทของครอบครัว ไม่ใช่พ่อแม่ของผู้อื่นบ้าง! บุรุษหนุ่มใช้เวลาเป็นสิบปีกว่าจะเติบโตขึ้นมาได้กลับถูกเรียกไปเกณฑ์ทหาร พวกเขาต้องเสียสละชีพเพื่อชาติ เพื่อผลประโยชน์ของแคว้นหรืออาจเสียชีวิตในสนามรบเพราะปกป้องชีวิตของชาวบ้านธรรมดา แม่ทัพจ้าวมองดูทหารของตัวเองเสียชีวิตไปทีละคนเช่นนี้ แม่ทัพจ้าวไม่เจ็บปวดบ้างหรืออย่างไร” ไป๋ชิงเหยียนยกชาขึ้นจิบ จากนั้นกล่าวพลางถอนหายใจ “ยกตัวอย่างด่านอวี้ซานก็แล้วกัน ต้าจิ้นและต้าเหลียงทำสงครามกันเป็นร้อยปีเพียงเพราะด่านอวี้ซานด่านเดียว แม่ทัพจ้าวและข้าล้วนรู้ดีว่าที่นั่นเต็มไปด้วยกระดูกของทหารต้าจิ้นและต้าเหลียงมากมาย!”
เขาสงสารทหารของตัวเองหรือไม่ แน่นอนว่าจ้าวเซิ่งสงสารมาก!
เขาจำได้ว่าครั้งแรกที่เขาติดตามท่านปู่และบิดาไปออกรบเมื่อครั้งเป็นเด็ก กองทัพจ้าวเผชิญหน้ากับกองทัพไป๋ เขาเห็นท่านลุงของตัวเองช่วยชีวิตเขาจนถูกธนูของไป๋ฉีซานยิงทะลุลำคอจนเสียชีวิตลงต่อหน้าต่อตา
สหายสมัยเด็กที่อายุโตกว่าเขาไม่กี่ปีเสียชีวิตอยู่ในกองเลือดทีละคนสองคน ไม่เคยกลับมาหาเขาอีกเลย จ้าวเซิ่งรู้สึกปวดใจมาก!
ทว่า นอกจากความเจ็บปวดแล้ว เขาเริ่มรู้สึกว่าที่ที่ทหารอย่างพวกเขาควรจบชีวิตลงมากที่สุดคือในสนามรบ!
ทว่า คำกล่าวขององค์หญิงเจิ้นกั๋วในวันนี้ทำให้เขาสับสนมาก
หลายร้อยปีก่อนตอนที่ใต้หล้ายังรวมเป็นหนึ่ง พวกเขาคือคนแคว้นเดียวกัน เดินบนถนนสายเดียวกัน ใช้อักษรชนิดเดียวกัน ใช้ระบอบการปกครองแบบเดียวกัน แม้แต่วันเวลาก็เดินเหมือนกัน พวกเขาจะทำสงครามไปเพื่อสิ่งใด เหตุใดต้องแก่งแย่งกันเช่นนี้!
พวกเขากำลังทำเพื่อปกป้องแผ่นดินของตัวเองหรือเพราะผลประโยชน์ของจักรพรรดิกันแน่
“หากวันหนึ่งใต้หล้ารวมเป็นหนึ่งอีกครั้ง ไม่มีการแบ่งแยกการปกครอง ไม่มีสงครามนับร้อยปี มีเพียงการทำประโยชน์ให้แคว้นๆ เดียวเท่านั้น ใต้หล้าแห่งนี้ก็จะไม่เกิดสงครามขึ้นอีก ทุกที่จะอยู่กันอย่างสงบสุข ไม่มีกองกระดูกและการจากลา คนชราไม่ต้องสูญเสียบุตรหลาน ครอบครัวไม่ต้องแยกจากกันอีกต่อไป!” ไป๋ชิงเหยียนมองไปที่ดวงตาที่ไหววูบของจ้าวเซิ่ง จากนั้นกล่าวต่อ “ชาวบ้านวุ่นวายกับการทำไร่นา พ่อค้าแม่ค้าตั้งใจขายของ บัณฑิตร่ำเรียนวิชาอย่างสงบ ใต้หล้ามีเพียงหนึ่งเดียว ชาวบ้านทุกคนอยู่ในใต้หล้าอันเดียวกัน ทุกสารทิศสงบสุข แม่ทัพจ้าวไม่อยากเห็นสิ่งเหล่านี้อย่างนั้นหรือ”