สตรีแกร่งตระกูลไป๋ - ตอนที่ 800 เป็นห่วง
ตอนที่ 800 เป็นห่วง
หลิวหงรู้ดีว่าการไป๋ชิงเหยียนนำทหารยอมจำนนของต้าเหลียงไปกับตัวเองทั้งหมดเพราะไม่ต้องการให้เขากับไป๋จิ่นจื้อเสี่ยงอันตราย
ทว่า หลิวหงก็ยังอดเป็นห่วงไป๋ชิงเหยียนไม่ได้อยู่ดี ไป๋ชิงเหยียนไม่พากองทัพผิงอันและกองทัพจิ้นไปด้วย ทหารที่นำไปเกือบทั้งหมดล้วนเป็นทหารของต้าเหลียง จ้าวเซิ่งและหยางอู่เช่อล้วนเป็นแม่ทัพของต้าเหลียง หากสถานการณ์เกิดการเปลี่ยนแปลงขึ้นมากลางคัน ทหารที่ไป๋ชิงเหยียนใช้การได้มีเพียงทหารซั่วหยางไม่กี่พันนายเท่านั้น ช่างไม่ควรจริงๆ
ไป๋ชิงเหยียนบอกให้หลิวหงไม่ต้องกังวล นางเชื่อใจจ้าวเซิ่งและหยางอู่เช่อ
ที่สำคัญครอบครัวของจ้าวเซิ่งยังอยู่ในมือของไป๋ชิงเหยียน อีกอย่างหากหยางอู่เช่อจะคิดทรยศนาง เขาคงไม่ใช้เวลาไตร่ตรองนานถึงหนึ่งเดือนเช่นนี้หรอก
แม้หลิวหงจะไม่สบายใจ ทว่า เขารู้ดีว่าไป๋ชิงเหยียนเป็นคนตัดสินใจเด็ดขาด เขาคิดว่าในเมื่อไป๋ชิงเหยียนกล้าพาจ้าวเซิ่ง และหยางอู่เช่อไปด้วยแสดงว่าหญิงสาวคงมั่นใจแล้วว่าสามารถควบคุมพวกเขาได้ หลิวหงจึงได้แต่ยอมอนุญาตให้ไป๋ชิงเหยียนทำเช่นนี้
ไป๋ชิงเหยียนเลือกเส้นทางนี้เพราะต้องการช่วยลดความกดดันจากทหารต้าเหลียงให้ไป๋จิ่นจื้อและหลิวหง ดังนั้นเส้นทางของหญิงสาวจึงผ่านเมืองมากมาย แน่นอนว่าหากยึดเมืองได้มากเท่าใด หญิงสาวก็จะมีของล้ำค่าส่งกลับไปยังซั่วหยางได้มากเท่านั้น เช่นนี้นางก็สามารถส่งของต่อไปให้ไป๋จิ่นถงได้แล้ว
ไป๋ชิงเหยียนนำทัพออกไปเป็นกลุ่มแรก ก่อนออกเดินทางหญิงสาวเรียกไป๋จิ่นจื้อและไช่จื่อหยวนมาพบเพื่อกำชับ
“แม้ทางที่พี่เลือกให้เจ้าในครั้งนี้จะล้วนเป็นทางราบที่เต็มไปด้วยทุ่งหญ้า ทว่า เจ้าต้องพยายามหลีกเลี่ยงเมืองทุกเมืองของต้าเหลียงให้ได้มากที่สุด จำไว้ว่าเป้าหมายของเจ้าคือเมืองหาน พี่และแม่ทัพหลิวหงจะนำทัพออกไปก่อนเพื่อดึงดูดความสนใจของทหารต้าเหลียง พี่หวังว่าเจ้าจะเป็นกองกำลังกลุ่มแรกที่บุกไปถึงเมืองหาน จงจำไว้ว่าอย่ามัวเสียเวลาอยู่ในเมืองต่างๆ ของต้าเหลียงเด็ดขาด!”
“เสี่ยวซื่อจะจำไว้เจ้าค่ะ พี่หญิงใหญ่ไม่ต้องเป็นห่วงนะเจ้าคะ ครั้งนี้เสี่ยวซื่อจะไม่วู่วาม จะทำทุกอย่างด้วยความรอบคอบและมีสติ หากตัดสินใจเรื่องใดไม่ได้ เสี่ยวซื่อจะขอความเห็นจากไช่เซียนเซิงเจ้าค่ะ”
ไป๋จิ่นจื้อกล่าวพลางหันไปมองไช่จื่อหยวน
ไช่จื่อหยวนรีบโค้งกายคำนับไป๋จิ่นจื้ออย่างทำตัวไม่ถูก
ไป๋ชิงเหยียนพยักหน้า จากนั้นเอื้อมมือไปลูบศีรษะของน้องสาวอย่างอดไม่ได้ หญิงสาวหันไปทางไช่จื่อหยวน “ไช่เซียนเซิง ข้าฝากเสี่ยวซื่อไว้กับท่านด้วย!”
ไช่จื่อหยวนในชุดหนาสีเขียวคลุมทับด้วยเสื้อคลุมกันลมรีบรับปากไป๋ชิงเหยียนอย่างหนักแน่น “องค์หญิงเจิ้นกั๋วไม่ต้องเป็นห่วงพ่ะย่ะค่ะ ไช่จื่อหยวนสาบานว่าจะจงรักภักดีต่อเกาอี้จวิ้นจวบจนวันตายพ่ะย่ะค่ะ”
ไช่จื่อหยวนและไป๋จิ่นจื้อยืนมองส่งไป๋ชิงเหยียนนำกองทัพใหญ่เดินทางจากไปอยู่หน้าประตูเมืองหลิ่วโจว จากนั้นไช่จื่อหยวนจึงหันกลับไปกล่าวกับไป๋จิ่นจื้ออย่างอาลัยอาวรณ์
“ได้ยินว่าแม่ทัพหลิวหงกำลังแก้ฎีกาที่จะส่งกลับไปยังเมืองหลวง เกาอี้จวิ้นจู่ควรถือโอกาสนี้ส่งจดหมายกลับไปให้องค์รัชทายาทสักฉบับเพื่อขอความดีความชอบแทนองค์หญิงเจิ้นกั๋วขอรับ”
ไป๋จิ่นจื้อที่ยืนเอามือไขว้หลังหันไปมองไช่จื่อหยวน “ควรขอสิ่งใดจากองค์รัชทายาทดี”
“ขอสิ่งตอบแทนไม่ใช่เรื่องสำคัญ สิ่งสำคัญคือแสดงความจงรักภักดีให้องค์รัชทายาททรงรับรู้ขอรับ บัดนี้…ยิ่งองค์รัชทายาททรงไว้พระทัยองค์หญิงเจิ้นกั๋วมากเท่าใด องค์หญิงเจิ้นกั๋วก็จะมีเวลามากขึ้นเท่านั้นขอรับ”
ไช่จื่อหยวนกระซิบเสียงเบาหวิว
“ยิ่งองค์รัชทายาทใส่พระทัยองค์หญิงเจิ้นกั๋วมากเท่าใด พระองค์ก็จะยิ่งให้ความสำคัญกับองค์หญิงเจิ้นกั๋วมากขึ้นเท่านั้น ยิ่งไม่มีทางหวาดระแวงในตัวองค์หญิงเจิ้นกั๋วขอรับ”
“เช่นนั้นข้าขอยาสมุนไพรรักษาโรคระบาดดีหรือไม่” ไป๋จิ่นจื้อถาม
“ไม่เพียงยาเท่านั้น ทว่า ควรขอเสบียงอาหารและเบี้ยงเลี้ยงของทหารด้วยขอรับ องค์หญิงเจิ้นกั๋วนำทัพออกมารบโดยไม่ได้ใช้เบี้ยเลี้ยงจากราชสำนักเลยแม้แต่น้อย เดิมทีตั้งใจว่าจะนำของมีค่าของเมืองที่ยึดได้มาชดเชย ทว่า องค์หญิงเจิ้นกั๋วต้องการช่วยองค์รัชทายาทซื้อใจชาวบ้านต้าเหลียงจึงสั่งไม่ให้ทหารต้าจิ้นปล้นของจากชาวบ้าน ทว่า เมื่อเป็นเช่นนี้ทหารจากซั่วหยางจึงไม่มีเบี้ยเลี้ยงใดๆ ทั้งสิ้น องค์หญิงเจิ้นกั๋วไม่ให้พวกเรารายงานรัชทายาทเพราะไม่อยากสร้างความยุ่งยากให้พระองค์ ทว่า เกาอี้จวิ้นจู่ทนต่อไปไม่ไหว ท่านทนเห็นองค์หญิงเจิ้นกั๋วที่ร่างกายอ่อนแอเป็นทุนเดิมทุ่มเทแรงกายและแรงใจทั้งหมดให้สถานการณ์รบตรงหน้า อีกทั้งยังต้องมาเป็นห่วงเรื่องเบี้ยเลี้ยงของทหารอีก เกาอี้จวิ้นจู่จึงคิดขอจากองค์รัชทายาท”
ไป๋จิ่นจื้อเป็นคนฉลาด เมื่อมีคนชี้แนะนางจึงเข้าใจขึ้นมาทันที ไช่จื่อหยวนพยักหน้าให้ยิ้มๆ
ปณิธานของไป๋ชิงเหยียนอยู่ที่ใต้หล้า วันหน้าหญิงสาวต้องการเงินจำนวนมากในการทำเรื่องนี้ให้สำเร็จ หากสามารถขอจากรัชทายาทได้แม้เพียงเล็กน้อยก็ถือว่าช่วยประหยัดเงินของตระกูลไป๋ได้แล้ว
ที่สำคัญจากการสังเกตดูพฤติกรรมของรัชทายาทองค์นี้มานานหลายปี ไช่จื่อหยวนคิดว่าหากรัชทายาทรับรู้ว่าไป๋ชิงเหยียนทำเพื่อเขามากมายถึงเพียงนี้ เขาต้องควักเงินในพระคลังสมบัติออกมาตอบแทนไป๋ชิงเหยียนให้มากกว่าแน่นอน
วันที่ยี่สิบแปด เดือนสิบเอ็ด สมัยรัชศกเซวียนเจียปีที่สิบเจ็ด กองกำลังขององค์หญิงเจิ้นกั๋วบุกยึดเมืองเจี้ยนเย่ได้สำเร็จ แม่ทัพหวังซิ่งผู้คุมกันเมืองเจี้ยนเย่ปกป้องเมืองไว้ไม่ได้จึงปลิดชีพตัวเอง องค์หญิงเจิ้นกั๋วสั่งห้ามทหารทุกคนที่เข้าไปในเมืองเจี้ยนเย่รังแกหรือปล้นทรัพย์สินของชาวบ้าน กองทัพของไป๋ชิงเหยียนรับช่วงต่อค่ายรักษาตัวในเมือง ส่งหมอทหารไปช่วยรักษาอาการป่วยของชาวบ้าน
วันที่เก้า เดือนสิบสอง สมัยรัชศกเซวียนเจียปีที่สิบเจ็ด กองกำลังของหลิวหงไปถึงเมืองหวายซ่าง โรคระบาดในเมืองหวายซ่างค่อนข้างรุนแรง ชาวบ้านในเมืองคุกเข่าขอร้องให้ทหารคุ้มกันเมืองยอมสงบศึกกับต้าจิ้น เชิญกองทัพจิ้นเข้ามารักษาอาการป่วยให้ชาวบ้าน แม่ทัพคุ้มกันเมืองหวายซ่างมองดูชาวบ้านที่คุกเข่าขอร้องพวกเขาอยู่เต็มถนนด้วยสีหน้ายอมจำนน เขานำทัพออกไปยอมจำนนกับกองทัพจิ้น ขอให้หลิวหงช่วยรักษาอาการป่วยของชาวบ้านเมือง
วันที่สิบ เดือนสิบสอง สมัยรัชศกเซวียนเจียปีที่สิบเจ็ด องค์หญิงเจิ้นกั๋วนำทัพยึดเมืองหย่งอันของต้าเหลียงได้สำเร็จ ทหารในกองทัพของหญิงสาวเพิ่มขึ้นเป็นหนึ่งหมื่นห้าพันนาย เมื่อชาวบ้านเมืองหย่งอันเห็นว่าทหารต้าจิ้นไม่สังหารหรือปล้นข้าวของของพวกเขา ทั้งยังช่วยรักษาอาการป่วยของพวกเขาอีก ทุกคนต่างร้องไห้ด้วยความซาบซึ้ง พากันมอบสมบัติล้ำค่าของตัวเองให้กองทัพต้าจิ้น
วันที่สิบเอ็ด เดือนสิบสอง สมัยรัชศกเซวียนเจียปีที่สิบเจ็ด แม่ทัพเซี่ยสวินแห่งแคว้นต้าเยี่ยนยิงธนูสังหารจักรพรรดิต้าเว่ยจนตกลงจากหลังม้า จักรพรรดิต้าเว่ยสิ้นพระชนม์ในทันที
วันที่ยี่สิบแปด เดือนสิบสอง สมัยรัชศกเซวียนเจียปีที่สิบเจ็ด องค์ชายน้อยแห่งต้าเว่ยที่มีพระชนม์พรรษาเพียงแปดปีถูกไทเฮาแต่งตั้งให้ครองราชย์ต่อจากจักรพรรดิองค์ก่อน กลายเป็นจักรพรรดิองค์ใหม่แห่งแคว้นเว่ยโดยมีไทเฮาสำเร็จราชการอยู่เบื้องหลัง จากนั้นตัดสินใจย้ายเมืองหลวงไปยังเมืองเว่ยสู่เพื่อหลบหนีกองทัพต้าเยี่ยน
วันสิ้นปีของรัชศกเซวียนเจียปีที่สิบเจ็ด กองทัพของแม่ทัพเซี่ยสวินและองค์ชายรองมู่หรงผิงเดินทางไปถึงเมืองชางซึ่งเป็นเมืองหลวงของต้าเว่ย แม่ทัพใหญ่ซ่งกวนซวี่นำทัพป้องกันเมืองชางไว้อย่างแน่นหนา
เสิ่นชิงจู๋ขี่ม้าเร็วตามมาสมทบกับไป๋ชิงเหยียนได้ทันในคืนวันสิ้นปี หญิงสาวนำจดหมายลายมือของต่งซื่อและเสื้อกันหนาวที่ต่งซื่อเย็บด้วยตัวเองมามอบให้ไป๋ชิงเหยียน
อากาศในแคว้นต้าเหลียงค่อนข้างอบอุ่น ฤดูหนาวไม่มีหิมะตก ความจริงไม่จำเป็นต้องสวมเสื้อกันหนาวตัวหนาเช่นนี้ ทว่า เมื่อไป๋ชิงเหยียนลูบไปยังเสื้อกันหนาวหนานุ่มตัวนั้น หญิงสาวรู้สึกอุ่นวาบขึ้นในใจทันที
คืนวันสิ้นปี ไป๋ชิงเหยียนนั่งรวมกลุ่มฉลองกับบรรดาทหารอย่างมีความสุข ชาวบ้านและเจ้าของโรงสุราในเมืองหย่งอันซาบซึ้งในบุญคุณขององค์หญิงเจิ้นกั๋ว พวกเขาจึงส่งเกี๊ยวมาให้เหล่าทหารฉลองคืนวันสิ้นปีกันในค่ายทหาร
เมืองหย่งอันที่ถูกกองทัพจิ้นยึดครองไม่ได้มีสภาพหดหู่ราวกับอยู่ในคุกเหมือนเมืองอื่น ทหารและชาวบ้านในเมืองต่างเข้ากันได้ดีเป็นอย่างมาก
เมื่อไป๋ชิงเหยียนฉลองกับบรรดาทหารเสร็จจึงกลับไปยังที่พักของตัวเอง หญิงสาวถอดชุดเกราะออก จากนั้นนั่งลงตรงหน้าเตาผิงด้วยชุดสบายๆ หญิงสาวอ่านจดหมายของมารดาพลางเอ่ยถามเสิ่นชิงจู๋ที่นั่งคุกเข่าอยู่ฝั่งตรงข้ามตน
“ข้าให้เจ้าอยู่ดูแลท่านอาจารย์ของเจ้าที่เมืองหลวงไม่ใช่หรือ เหตุใดเจ้าถึงมาที่นี่กัน”
เสิ่นชิงจู๋แขวนกาน้ำชาไว้เหนือเตาผิง จากนั้นชงชาให้ไป๋ชิงเหยียนพลางกล่าว
“ข้าเป็นห่วงคุณหนูใหญ่เจ้าค่ะ”
“เจ้าคิดว่าข้าจะวู่วามบุกเป็นด่านหน้าเหมือนตอนที่เจ้าเคยอยู่ข้างกายข้าอย่างนั้นหรือ”