สตรีแกร่งตระกูลไป๋ - ตอนที่ 806 ร่วมมือ
ตอนที่ 806 ร่วมมือ
ความรู้สึกแปลกประหลาดบางอย่างที่ยากจะควบคุมก่อตัวขึ้นท่ามกลางเปลวเทียนที่สะบัดไหวและเสียงปะทุของถ่านจากเตาผิง
มือที่โอบรอบคอของเซียวหรงเหยี่ยนของไป๋ชิงเหยียนกระชับแน่นขึ้นอย่างไม่รู้ตัว
“เหตุใดกระโจมที่พักขององค์หญิงเจิ้นกั๋วถึงไม่มีคนเฝ้าอยู่แม้แต่ผู้เดียวเช่นนี้ หายไปที่ใดกันหมด!”
“เข้าไปดูด้านในเถิด”
เสียงทุ้มหนาของจ้าวเซิ่งและหยางอู่เช่อดังมาจากด้านนอกกระโจม
ไป๋ชิงเหยียนรีบผลักร่างของเซียวหรงเหยี่ยนออกอย่างร้อนรน ทว่า เซียวหรงเหยี่ยนเม้มริมฝีปากแน่นอย่างไม่ให้ความร่วมมือ
เมื่อครู่เซียวหรงเหยี่ยนรู้สึกว่าร่างกายของตัวเองร้อนผ่าวไปทั้งร่าง เขาไม่รู้สึกตัวแม้แต่น้อยว่ามีคนเดินเข้ามาใกล้กระโจม เมื่อถูกคนขัดจังหวะเรื่องดีๆ เช่นนี้ ชายหนุ่มย่อมรู้สึกไม่สบอารมณ์เป็นธรรมดา
“องค์หญิงเจิ้นกั๋วอาจไม่อยู่ด้านใน”
ไป๋ชิงเหยียนฟังออกว่าจ้าวเซิ่งและหยางอู่เช่อเดินเข้ามาในกระโจมที่พักแล้ว มือของหญิงสาวเผลอไปโดนบาดแผลของเซียวหรงเหยี่ยนด้วยความร้อนรนอย่างไม่ได้ตั้งใจ เซียวหรงเหยี่ยนเจ็บจนต้องยกมือขึ้นกุมบาดแผลพลางคำรามออกมาเล็กน้อย
จ้าวเซิ่งและหยางอู่เช่อได้ยินเสียงของบุรุษดังออกมาจากด้านหลังฉากกันลม พวกเขาตะลึงงันอยู่หน้าประตูพลางมองสบตากันเอง จากนั้นเอื้อมมือไปแตะดาบที่เอวของตัวเองอย่างระวังตัว แววตาคมกริบขั้นทันที
ไป๋ชิงเหยียนที่อยู่ด้านหลังฉากกั้นไม่มีเวลาสนใจเซียวหรงเหยี่ยน หญิงสาวจัดเครื่องแต่งกายของตัวเองให้เรียบร้อยแล้วเดินออกไปนอกฉากกั้นโดยที่ใบหน้ายังคงแดงก่ำอยู่ หญิงสาวพยายามควบคุมใจที่เต้นแรงจนแทบจะหลุดออกมาจากร่างของตัวเอง แสร้งยกมือคารวะจ้าวเซิ่งและหยางอู่เช่อราวกับไม่มีสิ่งใดเกิดขึ้น จากนั้นเอ่ยถาม “แม่ทัพทั้งสองมีเรื่องอันใดอย่างนั้นหรือ”
เมื่อจ้าวเซิ่งและหยางอู่เช่อเห็นไป๋ชิงเหยียนเดินออกมาจากฉากกั้น ทั้งสองจึงรีบเก็บดาบเข้าฝักตามเดิม จากนั้นทำความเคารพไป๋ชิงเหยียน “คารวะองค์หญิงเจิ้นกั๋วพ่ะย่ะค่ะ!”
จ้าวเซิ่งสังเกตเห็นว่าด้านหลังฉากกั้นยังมีคนอยู่อีกคน เขาอาศัยแสงไฟจากเปลวเทียนมองเห็นบุรุษร่างสูงโปร่งคนหนึ่งกำลังผูกเชือกที่เอวของตัวเองอยู่
หยางอู่เช่อกล่าวรายงานไป๋ชิงเหยียนด้วยน้ำเสียงตื่นเต้น
“องค์หญิงเจิ้นกั๋ว แม่ทัพที่คุ้มกันเมืองต้าหมิง…”
ใบหน้าของจ้าวเซิ่งร้อนผ่าวขึ้นทันที เขารีบก้มหน้าลง รู้สึกว่าตัวเองและหยางอู่เช่อมาไม่ถูกเวลาจริงๆ เขารีบกระชากแขนของหยางอู่เช่อ
จ้าวเซิ่งขัดบทสนาที่หยางอู่เช่อกำลังจะรายงานไป๋ชิงเหยียนว่าแม่ทัพเฉาเหรินอี้ยินดีนำทัพสวามิภักดิ์กับต้าจิ้น ขอเพียงองค์หญิงเจิ้นกั๋วยอมมอบยารักษาโรคระบาดให้ชาวบ้าน
“หากองค์หญิงเจิ้นกั๋วทรงมีเรื่องสำคัญต้องจัดการ พวกเราทั้งสองขอตัวก่อน พรุ่งนี้จะมารายงานองค์หญิงเจิ้นกั๋วใหม่พ่ะย่ะค่ะ”
กล่าวจบ จ้าวเซิ่งก็เตรียมลากตัวหยางอู่เช่อจากไป…
“ข้ายังกล่าวไม่จบเลย เรื่องดีอย่างการที่เมืองต้าหมิงยอมจำนนโดยไม่ทำสงครามเช่นนี้จะรอรายงานวันพรุ่งนี้ได้อย่างไรกัน!” หยางอู่เช่อสะบัดแขนจ้าวเซิ่งออก เขาร้อนใจอยากรายงานเรื่องนี้ให้ไป๋ชิงเหยียนทราบจนรอให้ถึงวันพรุ่งนี้ไม่ไหว
เมื่อเห็นจ้าวเซิ่งขบกรามแน่นพลางส่งสัญญาณให้หยางอู่เช่อมองไปในฉากกั้น ไป๋ชิงเหยียนจึงกำมือที่ไขว้อยู่ทางด้านหลังแน่นขึ้นกว่าเดิม หากอธิบายไม่ดี จ้าวเซิ่งและหยางอู่เช่ออาจคิดว่านางเป็นสตรีอันธพาล
ไป๋ชิงเหยียนกระแอมออกมาเล็กน้อย ไม่รอให้หยางอู่เช่อที่มองไปทางฉากกั้นได้สติขึ้นมา หญิงสาวก็เอ่ยขัดขึ้นก่อน “นั่นคือเซียวหรงเหยี่ยนเซียนเซิงพ่อค้าแห่งแคว้นเว่ยที่มีพระคุณต่อตระกูลไป๋”
เหงื่อซึมออกมาจากฝ่ามือของไป๋ชิงเหยียนมากกว่าเดิม หญิงสาวรีบอธิบายเพิ่มเติมเพื่อไม่ให้ทุกคนเข้าใจผิด “เซียวเซียนเซิงได้รับบาดเจ็บมา ตอนที่พวกท่านมาถึง ข้ากำลังใส่ยาให้เซียวเซียนเซิงอยู่”
กล่าวจบไป๋ชิงเหยียนถึงคิดได้ว่ายิ่งอธิบายยิ่งแย่เข้าไปใหญ่
ค่ายทหารไม่มีหมอทหารหรืออย่างไรถึงต้องให้นางที่เป็นสตรีมาทำแผลให้บุรุษเช่นนี้
จ้าวเซิ่งให้ความร่วมมืออย่างเต็มที่ เขาแสร้งทำเป็นพยักหน้าอย่างเข้าใจ
เมื่อได้ยินไป๋ชิงเหยียนแนะนำให้เขาจ้าวเซิ่งและหยางอู่เช่อรู้จัก เซียวหรงเหยี่ยนติดกระดุมเสื้อให้เรียบร้อย จากนั้นจึงเดินออกมาจากฉากกั้น ชายหนุ่มก้มศีรษะทักทายจ้าวเซิ่งและหยางอู่เช่อด้วยรอยยิ้ม ร่างของเขาดูสุขุมและสูงศักดิ์มาก
“หรงเหยี่ยน…คารวะท่านแม่ทัพทั้งสอง”
จ้าวเซิ่งมองดูเซียวหรงเหยี่ยนที่ใบหน้าหล่อเหลาและคมคายเดินไปหยุดอยู่ข้างกายของไป๋ชิงเหยียน เขาดูแข็งแกร่งสมชายชาตรี ทว่า ดูภูมิฐานเหมือนบันฑิตด้วยเช่นกัน ร่างของเขามีบารมีที่สูงศักดิ์และน่ายำเกรง บารมีของชายหนุ่มดูสูสีกับองค์หญิงเจิ้นกั๋วจนแทบไม่เหมือนกับพ่อค้าธรรมดาคนหนึ่งด้วยซ้ำไป
เดิมทีจ้าวเซิ่งคิดว่าไป๋ชิงเหยียนอาจถูกใจทหารคนใดคนหนึ่งในกองทัพจึงเรียกคนมาพบในยามวิกาล นึกไม่ถึงเลยว่าคนผู้นั้นจะคือพ่อค้าแห่งแคว้นเว่ยที่ร่ำรวยเป็นอันดับหนึ่งในใต้หล้าอย่างเซียวหรงเหยี่ยน
นอกจากความประหลาดใจแล้ว จ้าวเซิ่งยังรู้สึกเสียวสันหลังวาบอีกด้วย เซียวหรงเหยี่ยนลอบเข้ามาในค่ายทหารโดยไม่มีผู้ใดรู้ตั้งแต่เมื่อใดกัน
หรือว่าเซียวหรงเหยี่ยอยู่ในค่ายทหารมาตั้งแต่แรก ทว่า เขาไม่รู้เรื่องกันแน่
จ้าวเซิ่งมองไปทางไป๋ชิงเหยียนราวกับกำลังขอคำอธิบาย
ไป๋ชิงเหยียนกล่าวเสียงนิ่งๆ “ไม่ปิดบังท่านทั้งสอง องค์รัชทายาทเป็นคนจับคู่ให้ข้ากับเซียวเซียนเซิง ตอนนี้พวกเราหมั้นหมายกันแล้ว วันนี้เป็นคืนวันสิ้นปี เซียวเซียนเซิงจึงเร่งเดินทางมาร่วมฉลองกับข้า ข้าให้คนไปรับเซียวเซียนเซิงเข้ามาในค่ายทหาร เขาได้รับบาดเจ็บเล็กน้อย วันนี้เป็นวันสิ้นปี ข้าไม่อยากรบกวนหมอทหารในค่ายจึงทำแผลให้เขาด้วยตัวเอง”
จ้าวเซิ่งและหยางอู่เช่อเข้าใจเรื่องทั้งหมดในทันที จ้าวเซิ่งรีบยกมือคารวะเซียวหรงเหยี่ยน “ล่วงเกินเซียวเซียนเซิงแล้วขอรับ”
“มิเป็นอันใด” เซียวหรงเหยี่ยนยิ้มกว้างขึ้นทันทีที่ไป๋ชิงเหยียนบอกทุกคนว่าพวกเขาเป็นคู่หมั้นกัน ไอสังหารรอบกายของชายหนุ่มถูกความอ่อนโยนเข้าแทนที่ทันที
“เซียวเซียนเซิง!” หยางอู่เช่อรีบทำความเคารพเซียวหรงเหยี่ยนเช่นเดียวกัน ทว่า เขาอดสงสัยขึ้นมาไม่ได้ เซียวหรงเหยี่ยนเป็นคนแคว้นเว่ย เขาเดินทางมาขอร้องให้องค์หญิงเจิ้นกั๋วช่วยแคว้นบ้านเกิดของตัวเองอย่างนั้นหรือ ตอนนี้แคว้นเว่ยกำลังโดนต้าเยี่ยนโจมตีจนแทบสู้กลับไม่อยู่แล้ว
“แม่ทัพจ้าวและแม่ทัพหยางเชิญนั่งก่อน ช่วยเล่าเรื่องที่แม่ทัพคุ้มกันเมืองต้าหมิงยอมจำนนต่อต้าจิ้นให้ข้าฟังอย่างละเอียดที” ไป๋ชิงเหยียนผายมือเชิญจ้าวเซิ่งและหยางอู่เช่อ
“ขอรับ!” จ้าวเซิ่งและหยางอู่เช่อกำหมัดรับคำ
ในเมื่อเซียวหรงเหยี่ยนคือคู่หมั้นของไป๋ชิงเหยียน เช่นนั้นก็ไม่จำเป็นต้องหลบฉาก ชายหนุ่มนั่งลงข้างกายไป๋ชิงเหยียน
หยางอู่เช่อทำความเคารพไป๋ชิงเหยียนจากนั้นกล่าวขึ้น “แม่ทัพเฉาเหรินอี้สนิทสนมกับบิดาของกระหม่อม ดังนั้นเมื่อยึดเมืองหย่งอันได้ กระหม่อมจึงปรึกษากับแม่ทัพจ้าวว่าข้าจะขอเข้าไปเกลี้ยกล่อมแม่ทัพเฉาในเมืองต้าหมิงก่อนตามลำพัง ทว่า แม่ทัพจ้าวคิดว่าการที่ข้าบุกเข้าไปในเมืองคนเดียวเสี่ยงเกินไป เขาจึงเสนอให้ข้าเขียนจดหมายไปก่อน! หลายวันมานี้เมืองต้าหมิงไม่มีความเคลื่อนไหวใดๆ ทั้งสิ้นจนข้าคิดว่าพวกเราอาจต้องเปลืองแรงสักหน่อยในการยึดเมืองต้าหมิงในครั้งนี้”
เซียวหรงเหยี่ยนที่นั่งอยู่ข้างกายของไป๋ชิงเหยียนกวาดสายตามองไปยังกองตำราไม้ไผ่บนโต๊ะของไป๋ชิงเหยียน จากนั้นมองดูตำราที่กางอยู่ตรงหน้าไป๋ชิงเหยียน นึกไม่ถึงเลยว่าจะเป็นตำรา ‘พ่อค้า’
ตำรา ‘พ่อค้า’ ที่เขียนโดยจวินซางยางเป็นตำราต้องห้ามของทุกแคว้น มีเพียงต้าเยี่ยนเท่านั้นที่มีตำราที่สมบูรณ์และถูกยกย่องเป็นยอดตำรา เนื้อหาในนั้นล้วนเป็นศิลปะในการควบคุมคน
เซียวหรงเหยี่ยนมองไปทางไป๋ชิงเหยียนที่กำลังตั้งใจฟังหยางอู่เช่อกล่าว…
บัดนี้เมื่อเห็นไป๋ชิงเหยียนอ่านตำราเล่มนี้ เซียวหรงเหยี่ยนก็เข้าใจทันทีว่าไป๋ชิงเหยียนต้องการเป็นผู้นำแคว้นจริงๆ
เซียวหรงเหยี่ยนหยิบตำราที่อยู่ทางซ้ายของโต๊ะที่ไป๋ชิงเหยียนยังเขียนไม่จบขึ้นมาดูแล้วก็ต้องประหลาดใจกว่าเดิม…
ไป๋ชิงเหยียนกำลังเขียนตำราพิชัยสงคราม ทว่า ยังเขียนไม่จบ เซียวหรงเหยี่ยนยกมาอ่านอย่างคร่าวๆ
เนื้อหาที่ไป๋ชิงเหยียนเขียนลงไปในตอนนี้ บทแรก…หญิงสาวเขียนว่าการใช้ใจและกำลังของชาวบ้านเป็นกองทัพในการโจมตีคือเรื่องที่เป็นต่อสำหรับทุกคนไม่ว่าจะเป็นทหารฝ่ายศัตรูหรือทหารของตัวเอง ขวัญและกำลังใจคือสิ่งที่สำคัญที่สุด