สตรีแกร่งตระกูลไป๋ - ตอนที่ 827 ยุคที่รุ่งเรืองและสงบสุข
ตอนที่ 827 ยุคที่รุ่งเรืองและสงบสุข
เมื่อกองทัพต้าเยี่ยนบุกเข้าไปในเมืองชาง องค์ชายรองมู่หรงผิงสั่งไม่ให้ทหารทุกคนปล้นทรัพย์สินหรือรังแกชาวบ้านตามคำสั่งของเซียวหรงเหยี่ยน พวกเขาต้องการใช้ระบบการปกครองแบบใหม่ของต้าเยี่ยนในเมืองชาง
ชาวบ้านต่างก้มศีรษะคำนับขอบคุณ ทว่า บรรดาเชื้อพระวงศ์ของราชวงศ์เว่ยที่ไม่อยากย้ายถิ่นฐานไปจากเมืองหลวงเดิมต่างรู้สึกไม่พอใจ พวกเขาต้องการเจรจากับมู่หรงผิง หวังใช้การสนับสนุนจากราชวงศ์เก่าของแคว้นเว่ยบีบบังคับมู่หรงผิง ทว่า พวกเขาไม่ได้พบหน้ามู่หรงผิงแม้แต่ครั้งเดียว
การใช้ระบบการปกครองแบบใหม่มักทำลายผลประโยชน์ของตระกูลและราชวงศ์เก่าแก่ ดังนั้นตอนที่จีโฮ่วเสนอรูปแบบการปกครองนี้แทนที่รูปแบบการปกครองเก่าของต้าเยี่ยน แคว้นอื่นถึงได้ดูถูกแคว้นต้าเยี่ยน
ทว่า แคว้นอื่นกลับเห็นต้าเยี่ยนค่อยๆ แข็งแกร่งขึ้นเรื่อยๆ จนเป็นใหญ่เหนือทุกแคว้น สาเหตุที่พวกเขาไม่สามารถเลียนแบบต้าเยี่ยนได้ก็เพราะผู้นำแคว้นอื่นไม่ได้กุมอำนาจไว้ในมือเพียงผู้เดียวเหมือนดั่งจีโฮ่ว อีกทั้งไม่กล้าเป็นศัตรูกับตระกูลสูงศักดิ์ทั้งหมดในแคว้นของตัวเอง
อำนาจของตระกูลสูงศักดิ์ต่างๆ ฝังรากลึกอยู่ในแคว้น หากประมาทไปเพียงนิดเดียวผู้นำแคว้นจะสูญเสียอำนาจไปทันที เคยมีตัวอย่างเช่นนี้เกิดขึ้นมาแล้วในหลายแคว้น ดังนั้นทุกแคว้นจึงค่อยๆ สร้างความแข็งแกร่งให้แคว้นของตัวเองอย่างช้าๆ ราวคนไร้เรี่ยวแรง ผู้นำส่วนใหญ่ของแคว้นมักถูกกดดันจากตระกูลสูงศักดิ์ต่างๆ แคว้นที่ขุนนางได้ขึ้นเป็นใหญ่แทนผู้นำมักมีจุดจบที่ไม่ดีเสมอ
ที่การเปลี่ยนแปลงของจีโฮ่วได้ผลเป็นเพราะสภาพแวดล้อม จังหวะที่เหมาะสมและความสามัคคีของคนในแคว้น
ผู้นำแคว้นใดอยากเลียนแบบแคว้นต้าเยี่ยน หากไม่มีใจที่เด็ดเดี่ยวแน่วแน่ ไม่มีความกล้าหาญและจิตวิญญาณที่ไม่กลัวการถูกโค่นล้มราชวงศ์ก็ยากที่จะทำได้สำเร็จ
วันที่ยี่สิบสี่ เดือนสาม องค์ชายรองมู่หรงผิงซ่อมแซมพระราชวังของแคว้นเว่ยเสร็จสมบูรณ์ เขานำกองทัพออกไปรอต้อนรับจักรพรรดิมู่หรงอวี้แห่งต้าเยี่ยนที่นอกเมืองชาง
เมื่อจักรพรรดิต้าเยี่ยนเสด็จเข้าไปในเมืองชางเมื่อใดเท่ากับเป็นการป่าวประกาศให้ทั่วทั้งใต้หล้ารับรู้ว่าแคว้นต้าเยี่ยนที่เคยถูกทุกแคว้นดูถูกกลับมาเป็นใหญ่อีกครั้งแล้ว แสดงให้ทุกคนได้เห็นว่าต้าเยี่ยนสยบแคว้นเว่ยที่เคยแข็งแกร่งให้อยู่แทบเท้าได้แล้ว
ต้าจิ้นและซีเหลียงจะหวาดระแวงต้าเยี่ยนขึ้นมาอีกครั้งทันที
ทุกอย่างย่อมมีการเปลี่ยนแปลง เมื่อต้าเยี่ยนกลับมายิ่งใหญ่อีกครั้งย่อมมีแคว้นที่ต้องดับสูญลง
ทหารยอดฝีมือนับแสนของซีเหลียงที่ค่อยๆ แข็งแกร่งขึ้นจากการกำจัดแคว้นเล็กๆ มากมายถูกสังหารจนสิ้นขณะทำสงครามที่หนานเจียงกับแคว้นต้าจิ้น ต่อมาเมืองหลวงอวิ๋นจิงเกิดความวุ่นวาย แคว้นเริ่มเสื่อมอำนาจลง แม้จักรพรรดินีแห่งซีเหลียงในตอนนี้จะเป็นจักรพรรดิที่ปรีชาชาญ เก่งเรื่องการวางแผน ทว่า ซีเหลียงก็ต้องใช้เวลาสร้างตัวอีกครั้งอยู่ดี
ต้าเยี่ยนเริ่มทำสงครามทำลายล้างแคว้นเว่ย ต่อมาต้าจิ้นต้องการทำลายล้างต้าเหลียง ซีเหลียงรู้สึกไม่ปลอดภัยขึ้นมาทันที เขาต้องการร่วมมือกับหรงตี๋และต้าจิ้นต่อต้านต้าเยี่ยน
ก่อนเซียวหรงเหยี่ยนจะเดินทางไปถึงเมืองชางครึ่งชั่วยาม ชายหนุ่มได้รับข่าวว่าจักรพรรดินีของซีเหลียงส่งทูตไปยังหรงตี๋ หวังจะจับมือเป็นพันธมิตรกับหรงตี๋
ทว่า จักรพรรดินีแห่งซีเหลียงคงคิดไม่ถึงว่าต้าเยี่ยนเพิ่งทำสัญญากับหรงตี๋ไปว่าจะไม่บุกไปโจมตีซีเหลียงเป็นเวลาสามปี หรงตี๋และต้าจิ้นต่างหากที่กำลังจะร่วมมือกันบุกไปโจมตีซีเหลียง
วันนี้จักรพรรดิมู่หรงอวี้ในชุดสง่างามเต็มยศถูกเฝิงเย่าประคองออกมาจากกระโจมใหญ่ เขาเห็นเซียวหรงเหยี่ยนยืนเอามือไขว้หลังอยู่ใต้ธงสัญลักษณ์ปักษาสีดำและฟ้าพลางโยนจดหมายที่ถูกเผาลงไปในบ่อน้ำ ท่าทีของเซียวหรงเหยี่ยนสง่างามราวกับผู้นำแคว้น
มู่หรงอวี้ยกยิ้มมุมปากที่ซีดเซียวของตัวเองน้อยๆ ใบหน้าเต็มไปด้วยรอยยิ้มอ่อนโยน
ความจริงมู่หรงอวี้ป่วยติดเตียงมาครึ่งเดือนกว่าแล้ว ทว่า ครั้งนี้มู่หรงอวี้จำเป็นต้องเข้าไปในเมืองชาง ต้องเข้าไปในวังหลวงของแคว้นเว่ยในฐานะของจักรพรรดิแห่งต้าเยี่ยนท่ามกลางสายตาของชาวบ้านมากมายนับไม่ถ้วน เช่นนี้ความหมายจะเปลี่ยนไปในทันที
เขาต้องป่าวประกาศให้ทุกแคว้นรับรู้ว่าแคว้นเว่ยอยู่แทบเท้าของต้าเยี่ยนแล้ว
เขาต้องแสดงให้ชาวบ้านแคว้นเว่ยรับรู้ว่าแคว้นเว่ยมีการผลัดเปลี่ยนผู้นำแล้ว บัดนี้มู่หรงอวี้จะเป็นผู้นำของพวกเขา เป็นคนกำหนดชะตาชีวิตของพวกเขา!
เขาต้องประกาศให้ชาวบ้านและเชื้อพระวงศ์ของแคว้นเว่ยรับรู้ว่านับจากนี้เป็นต้นไป วังของแคว้นเว่ยจะกลายเป็นของเขา เขาจะใช้การปกครองของต้าเยี่ยนปกครองดินแดนแห่งใหม่ของต้าเยี่ยนแห่งนี้
ดังนั้นแม้มู่หรงอวี้จะใกล้ทนไม่ไหว เขาก็ต้องฝืนจับมือเฝิงเย่าลุกขึ้นมา บนศีรษะของเขาประดับด้วยมงกุฎหยกสิบสองชั้นที่หนักอึ้ง สวมอาภรณ์ของจักรพรรดิต้าเยี่ยนที่สง่างามและประณีต คาดดาบจักรพรรดิไว้ที่เอว
มู่หรงอวี้หอบหายใจแรงทุกก้าวที่เดินไป แค่เดินจากเตียงไปถึงประตูหน้าห้อง ใบหน้าของมู่หรงอวี้ก็ชื้นไปด้วยเหงื่อแล้ว
เขาแสร้งทำเป็นไม่มีสิ่งใดเกิดขึ้น เอ่ยเรียกน้องชายออกมาเบาๆ “อาเหยี่ยน…”
เซียวหรงเหยี่ยนหันกลับไปมอง เขาเห็นพี่ชายของตัวเองที่ปกติแค่ลุกนั่งก็ลำบากมากแล้ว บัดนี้อยู่ในชุดทางการสง่างามและสวมมงกุฎที่หนักอึ้ง…
แสงอาทิตย์ทองอร่ามของเมืองหานส่องกระทบไปที่ใบหน้างดงามสมบูรณ์แบบของมู่หรงอวี้ ใบหน้าที่ขาวซีดไร้สีเลือดของมู่หรงอวี้ดูอบอุ่นขึ้นมานิดหนึ่ง ทำให้สีหน้าที่อ่อนล้าของเขาดูดีขึ้นกว่าเมื่อวานมากนัก
“เสด็จพี่…” เซียวหรงเหยี่ยนเดินไปหามู่หรงอวี้ รีบเข้าช่วยประคองมู่หรงอวี้อีกแรง ชายหนุ่มมองสำรวจมู่หรงอวี้ ใบหน้าเต็มไปด้วยรอยยิ้ม “สีหน้าของเสด็จพี่ดูดีกว่าเมื่อวานมากพ่ะย่ะค่ะ”
มู่หรงอวี้ไม่อยากให้น้องชายเป็นกังวล เขาก้มหน้ากุมมือของเซียวหรงเหยี่ยนไว้ จากนั้นกล่าวยิ้มๆ “ใช่นะสิ วันนี้จะได้เข้าไปในเมืองแล้ว พี่อารมณ์ดี ร่างกายจึงดีตามไปด้วย!”
มุมปากของเซียวหรงเหยี่ยนมีรอยยิ้มขึ้นมาทันที เขาบีบมือของพี่ชายแน่นพลางกล่าวขึ้น “เสด็จพี่ต้องดีขึ้นเรื่อยๆ ต้าเยี่ยนต้องดีขึ้นเรื่อยๆ แน่นอนพ่ะย่ะค่ะ!”
มู่หรงอวี้กล่าว “ไปเถิด เตรียมเข้าไปในเมืองกัน…”
เฝิงเย่าตามรถม้าศึกสี่ล้อมา จากนั้นประคองมู่หรงอวี้ขึ้นไปบนรถม้าเป็นคนแรก
เดิมทีเซียวหรงเหยี่ยนตั้งใจจะให้มู่หรงอวี้นั่งรถม้าเข้าไปในเมือง ทว่า มู่หรงอวี้รู้สึกว่าในเมื่อต้องการแสดงบารมีของต้าเยี่ยน ต้องการให้ชาวบ้านและตระกูลสูงศักดิ์ทั้งหลายรับรู้ว่าแคว้นเว่ยเปลี่ยนผู้นำแล้ว เขาก็ควรยืนบนรถม้าศึกเข้าไปในเมืองชางอย่างสง่าผ่าเผย ให้คนเหล่านั้นได้เห็นอย่างชัดเจนว่าผู้ใดคือเจ้านายของพวกเขากันแน่
เซียวหรงเหยี่ยนรู้ดีว่ามู่หรงอวี้ทำไปเพื่อต้องการข่มขู่ตระกูลสูงศักดิ์ที่คิดจะมาต่อรองกับพวกเขา เขาจึงได้แต่ยอมตามนั้น
เมื่อมู่หรงอวี้ถูกประคองขึ้นไปบนรถม้าศึก เขาหอบหายใจรัว สองมือจับยึดที่วางแขนที่หุ้มด้วยทองแดงแน่น เฝิงเย่ารีบหยิบผ้าเช็ดหน้าออกมาเช็ดเหงื่อบนใบหน้าให้มู่หรงอวี้พลางกล่าวเสียงสะอื้น “ฝ่าบาท พวกเราประทับรถม้าเถิดพ่ะย่ะค่ะ!”
เซียวหรงเหยี่ยนเงยหน้ามองพี่ชายของตัวเองที่ฝืนร่างกายอยู่ข้างรถม้า เขารู้สึกปวดใจอย่างบอกไม่ถูก
มู่หรงอวี้ยกมือห้ามไม่ให้เฝิงเย่าเช็ดเหงื่อต่อ เขามองไปทางเซียวหรงเหยี่ยนที่มองมาที่เขาอย่างกังวลแล้วส่งยิ้มให้น้องชาย “อาเหยี่ยน…ขึ้นมา”
เฝิงเย่ารีบลงจากรถม้าศึกทันที จากนั้นเชิญเซียวหรงเหยี่ยนขึ้นไปบนรถม้าอย่างนอบน้อม เซียวหรงเหยี่ยนพยักหน้าจากนั้นก้าวขึ้นไปบนรถม้าศึก เอ่ยถามเสียงเบา “เสด็จพี่มีสิ่งใดจะรับสั่งหรือพ่ะย่ะค่ะ”
มู่หรงอวี้ยิ้มออกมาเล็กน้อย เอื้อมมือไปจับมือของน้องชายไว้แล้วบีบแน่น แววตาของเขาเต็มไปด้วยความอ่อนโยนท่ามกลางแสงตะวัน จากนั้นกล่าวเสียงหนักแน่น “พวกเราสองพี่น้องยืนบนรถม้าศึกเข้าไปในเมืองพร้อมกัน!”
เซียวหรงเหยี่ยนขมวดคิ้วแน่น “เสด็จพี่ ขุนนางตระกูลสูงศักดิ์ล้วนเคยพบหน้าเซียวหรงเหยี่ยนพ่ะย่ะค่ะ!”
“เมื่อวานพี่ได้รับข่าวว่าเซี่ยสวินเดินทางไปถึงเมืองเว่ยสู่แล้ว แคว้นเว่ยใกล้ดับสูญแล้ว ถึงเวลาคืนนามจริงให้แก่เจ้าเสียที” มู่หรงอวี้ต้องการมอบแคว้นต้าเยี่ยนที่กำลังต่อสู้พัฒนาไปข้างหน้าเรื่อยๆ ไว้ในมือของน้องชายมู่หรงเหยี่ยน “เวลานี้พี่ต้องการให้เจ้าอยู่ข้างกายพี่”
เขารู้ปณิธานและความสามารถของน้องชายดี มีน้องชายของเขาอยู่ ต้าเยี่ยนจึงจะรวบรวมใต้หล้าให้เป็นหนึ่งได้ มีเขาอยู่จึงจะสามารถสร้างยุคที่เจริญรุ่งเรืองและมีแต่ความสงบสุขได้