สตรีแกร่งตระกูลไป๋ - ตอนที่ 838 หวาดผวา
ตอนที่ 838 หวาดผวา
ไป๋จิ่นซิ่วกล่าวต่อ “ทว่า บัดนี้เมืองหลวงคงถูกควบคุมโดยทหารของฟ่านอวี๋ไหวหมดแล้ว ไม่ว่าจะพาพระชายาเอกและองค์ชายน้อยหลบหนีหรือต้องการส่งจดหมายไปให้พี่หญิงใหญ่ล้วนต้องการความช่วยเหลือจากลูกน้องสังกัดเก่าของแม่ทัพเซี่ยอวี่จั่ง ให้เขาลอบนำคนของเขาไปสับเปลี่ยนกับทหารที่คุ้มกันประตูเมืองอยู่ตอนนี้เพคะ”
รัชทายาทที่กำลังหวาดหวั่นรีบพยักหน้าโดยเร็ว เมื่อนึกถึงองค์หญิงเจิ้นกั๋วที่จงรักภักดีต่อเขาขึ้นมาได้ รัชทายาทรีบกล่าวเสียงดังลั่น “เฉวียนอวี๋รีบไปหยิบตราพยัคฆ์ของเรามา จากนั้นให้องครักษ์ลับรีบนำไปมอบให้คงมือองค์หญิงเจิ้นกั๋วโดยเร็วที่สุด!”
“องค์ชาย!” เริ่นซื่อเจี๋ยรีบก้าวไปด้านหน้า “หากส่งตราพยัคฆ์ไปให้องค์หญิงเจิ้นกั๋วแล้วตราพยัคฆ์ถูกขโมยตอนออกจากเมืองหลวงจะทำเช่นไรพ่ะย่ะค่ะ ฮูหยินฉินกล่าวว่าไม่ว่าจะส่งพระชายาเอกและองค์ชายน้อยออกจากเมืองหลวงหรือส่งคนไปแจ้งข่าวองค์หญิงเจิ้นกั๋วล้วนต้องรอให้แม่ทัพเซี่ยอวี่จั่งสับเปลี่ยนทหารที่คุ้มกันเมืองเป็นคนของเราให้หมดก่อนพ่ะย่ะค่ะ ไม่สู้มอบตราพยัคฆ์ให้แม่ทัพเซี่ยก่อนดีหรือไม่พ่ะย่ะค่ะ”
รัชทายาทพยักหน้าทันทีที่ฟังจบ จากนั้นหันไปสั่ง “ให้คนนำตราพยัคฆ์ไปมอบให้แม่ทัพเซี่ยอวี่จั่ง”
เมื่อไป๋จิ่นซิ่วปรึกษากับเริ่นซื่อเจี๋ยและรัชทายาทเสร็จ ทุกคนตัดสินใจมอบหน้าที่รักษาความปลอดภัยของรัชทายาทให้เริ่นซื่อเจี๋ยและองครักษ์ของจวนรัชทายาท หญิงสาวคิดว่ายิ่งคนรู้ตำแหน่งหลบซ่อนตัวของรัชทายาทมากเท่าใดรัชทายาทก็จะยิ่งตกอยู่ในอันตรายมากเท่านั้น ดังนั้นหญิงสาวจึงมอบหน้าที่หาที่หลบซ่อนตัวให้รัชทายาทให้แก่ที่ปรึกษาเริ่นซื่อเจี๋ยที่รัชทายาทไว้วางใจ จากนั้นกำชับพวกเขาว่าหากยังไม่รู้ว่าเซี่ยอวี่จั่งสามารถรวบรวมกองกำลังรักษาพระองค์ได้เท่าใด ห้ามพารัชทายาทเข้าไปในวังหลวงเด็ดขาด
ยุ่งวุ่นวายทั้งคืน ในที่สุดไป๋จิ่นซิ่วก็กลับไปถึงจวนฉินก่อนฟ้าสว่าง
ชุ่ยอวี้ยืนรอไป๋จิ่นซิ่วอยู่หน้าจวนฉินตลอดคืน เมื่อเห็นไป๋จิ่นซิ่วกลับมาจึงรีบถลาเข้าไปหา จากนั้นกล่าวกับไป๋จิ่นซิ่ว “ฮูหยิน เมื่อคืนข้าเรียนคุณหนูทั้งสองแล้วว่าให้พวกนางพาคุณชายรองไปเยี่ยมญาติฝั่งมารดาของพวกนางในเช้าวันนี้ ทว่า พวกนางไม่เพียงไม่ยอมไป ยังกล่าวว่าร้ายฮูหยินอีกเจ้าค่ะ พวกนางหาว่าฮูหยินถือโอกาสตอนที่พี่ชายของพวกนางไม่อยู่ยึดครองจวนฉินไว้เอง หาว่าฮูหยินรังแกพวกนาง พวกนางจะไปฟ้องทางการเจ้าค่ะ…”
ชุ่ยอวี้กล่าวอย่างอ้อมๆ ไม่ได้รายงานวาจาหยาบคายที่คุณหนูทั้งสองของจวนฉินใช้ต่อว่าไป๋จิ่นซิ่วให้ไป๋จิ่นซิ่วฟังทั้งหมด นางไม่อยากให้หูของไป๋จิ่นซิ่วต้องแปดเปื้อน
ไป๋จิ่นซิ่วปลดเสื้อคลุมกันลมออก จากนั้นกล่าวขึ้น “ในเมื่อพวกนางไม่ยอมไปก็ปล่อยพวกนางไปเถิด”
“เจ้าค่ะ!” ชุ่ยอวี้รับคำแล้วเดินเข้าไปในห้องที่จุดไฟสว่างจ้าพร้อมกับไป๋จิ่นซิ่ว
ท้องฟ้าเหนือเมืองหลวงยังคงมืดสนิท ไม่มีท่าทีว่าจะสว่างแม้แต่น้อย ลมหนาวพัดอย่างรุนแรง บรรยากาศรอบเมืองหลวงเต็มไปด้วยเสียงลมที่น่าหวาดผวา
เสิ่นไป่จ้งพาหลิวซื่อที่ยังคงสลบไม่ได้สติและชุ่ยปี้ที่อุ้มวั่งเกอไว้ในอ้อมแขนออกมาจากเมืองหลวงได้สำเร็จ พวกเขากำลังมุ่งหน้าไปยังวัดของราชวงศ์
ชุ่ยปี้อุ้วั่งเกอไปเคาะประตูหลังของวัด นางพบกับคุณหนูเจ็ดไป๋จิ่นเซ่อที่เดินออกมาเป็นคนแรกทันทีที่ได้รับรายงาน
แม้ไป๋จิ่นเซ่อจะอายุยังน้อย ทว่า เด็กสาวมีความคิดเป็นของตัวเอง เมื่อได้ยินบ่าวรับใช้มารายงานว่าชุ่ยปี้อุ้มวั่งเกอมาขอพบ เด็กสาวจึงรีบลุกขึ้นเปลี่ยนเครื่องแต่งกายพลางเอ่ยกำชับสาวใช้ไม่ให้รบกวนท่านย่า นางจะออกไปพบเอง
ชุ่ยปี้เล่าเรื่องทุกอย่างที่เกิดขึ้นในเมืองหลวงให้ไป๋จิ่นเซ่อฟังทั้งหมด “คุณหนูเจ็ด เสิ่นเซียนเซิงยังรอพวกเราอยู่ด้านนอก คุณหนูเจ็ดไปรายงานองค์หญิงเจิ้นกั๋วแล้วรีบไปกับข้าเถิดเจ้าค่ะ”
ไป๋จิ่นเซ่อนั่งเงียบอยู่ครู่ใหญ่ จากนั้นจึงเอ่ยเรียก “เว่ยจง!”
เว่ยจงแหวกม่านเข้ามาทันทีที่ได้ยินเสียงเรียก “คุณหนูเจ็ด!”
“เจ้ารับพี่หญิงใหญ่เป็นนายของเจ้า บัดนี้ข้าต้องการให้เจ้าทำบางอย่างเพื่อพี่หญิงใหญ่ ไม่รู้ว่าเจ้าจะยินดีทำหรือไม่” ไป๋จิ่นเซ่อมองไปทางขันทีชราที่นิ้วขาดไปข้างหนึ่งด้วยมาดของคุณหนูเจ็ดแห่งตระกูลไป๋ กล่าวเสียงจริงจัง
เว่ยจงอึ้งไปเล็กน้อย เขาเอ่ยถามไป๋จิ่นเซ่อโดยไม่เงยหน้าขึ้นแม้แต่น้อย “คุณหนูเจ็ดต้องการให้ข้าปิดบังองค์หญิงใหญ่หรือขอรับ”
นี่ถือเป็นการตอบรับ
“ข้าต้องการให้เจ้ารีบออกเดินทางนำข่าวที่หลี่หมิงรุ่ยบุตรชายของอัครมหาเสนาบดีฝ่ายซ้ายหลี่เม่าและหัวหน้ากองกำลังรักษาพระองค์ฟ่านอวี๋ไหวร่วมมือกับเหลียงอ๋องก่อกบฏ คิดใส่ร้ายว่ารัชทายาทสังหารบิดาของตัวเองไปรายงานให้พี่หญิงใหญ่ของข้าที่กำลังทำสงครามอยู่ที่ต้าเหลียงทราบโดยเร็วที่สุด ระหว่างทางเจ้าจงแพร่กระจายข่าวนี้ให้ชาวบ้านรับรู้ด้วย ยิ่งคนรับรู้มากเท่าใดยิ่งดี!” ไป๋จิ่นเซ่อกล่าวเสียงจริงจัง
เว่ยจงตกตะลึง นึกไม่ถึงว่าคุณหนูเจ็ดแห่งตระกูลไป๋ที่อายุน้อยเพียงนี้จะเก่งกาจและรอบคอบถึงเพียงนี้ นางกำลังปูทางให้องค์หญิงเจิ้นกั๋วนำทัพกลับมายังต้าจิ้นอย่างชอบธรรม
“เว่ยจงน้อมรับคำสั่ง จะออกเดินทางเดี๋ยวนี้ขอรับ!” เว่ยจงทำความเคารพเสร็จก็จากไปทันที เขาออกเดินทางทันทีโดยไม่รอช้า
ไป๋จิ่นเซ่อมองไปทางชุ่ยปี้ที่กำลังรอนางด้วยสีหน้าร้อนรน “ชุ่ยปี้ เจ้าพาวั่งเกอไปหาท่านพี่เขยรองเถิด ไม่ต้องห่วงข้า! ข้าจะส่งคนไปแจ้งให้ทางซั่วหยางทราบเอง ฝากเจ้าดูแลท่านอาสะใภ้สองและวั่งเกอให้ดีด้วย”
ชุ่ยปี้ตกใจ “คุณหนูเจ็ดไม่ไปกับพวกเราหรือเจ้าคะ”
ไป๋จิ่นเซ่อส่ายหน้า “ข้ายังมีเรื่องต้องทำ เจ้าไม่ต้องเป็นห่วง ข้าอยู่ข้างกายท่านย่า ท่านย่าต้องคุ้มครองข้าแน่นอน ข้าต้องอยู่ปกป้องท่านย่าด้วย!”
วั่งเกอที่อยู่ในอ้อมกอดของชุ่ยปี้ขยับตัวเล็กน้อย น้ำตาของชุ่ยปี้เกือบไหลออกมา นางอยากเกลี้ยกล่อมคุณหนูเจ็ดต่อ ทว่า นางกลัวคนเหล่านั้นจะรู้ตัวและไล่ตามพวกนางทัน ตัวนางตายไม่เท่าใด ทว่า นายน้อยคือชีวิตของคุณหนูรอง ฮูหยินก็คือชีวิตของคุณหนูรอง นางไม่กล้าลังเลต่อไปอีก ได้แต่ย่อกายทำความเคารพไป๋จิ่นเซ่อ จากนั้นกำชับทั้งน้ำตา
“คุณหนูเจ็ดรักษาตัวด้วยนะเจ้าคะ!”
ไป๋จิ่นเซ่อพยักหน้า “พี่ชุ่ยปี้ไม่ต้องร้องไห้แล้ว ฝากพี่ดูแลวั่งเกอและท่านอาสะใภ้สองให้ดีด้วย!”
“คุณหนูเจ็ดไม่ต้องเป็นห่วงเจ้าค่ะ ต่อให้ข้าต้องตาย ข้าก็จะปกป้องวั่งเกอและฮูหยินสองให้ได้เจ้าค่ะ” ชุ่ยปี้อุ้มวั่งเกอคุกเข่าลงบนพื้นแล้วก้มศีรษะคำนับไป๋จิ่นเซ่อ จากนั้นรีบลุกขึ้นแล้ววิ่งออกไปด้านนอกอย่างรวดเร็ว
ไป๋จิ่นเซ่อมองส่งจนร่างของชุ่ยปี้หายลับไปกับความมืด จากนั้นจึงหมุนกายเดินไปยังเรือนของท่านย่า
เจี่ยงหมัวมัวปลุกองค์หญิงใหญ่ กล่าวว่าคุณหนูเจ็ดมีเรื่องด่วนมารายงาน
องค์หญิงใหญ่สวมเสื้อคลุมสีแดงอ่อนลายก้อนเมฆที่ปักด้วยด้ายสีเงิน นางนั่งเอนพิงหัวเตียงโดยปล่อยผมสีขาวสยายคลอเคลียบ่า จากนั้นสั่งให้สาวใช้เชิญไป๋จิ่นเซ่อเข้ามาด้านใน
เจี่ยงหมัวมัวนำหมอนอิงลายดอกบัวสีเหลืองขมิ้นไปรองไว้ทางด้านหลังองค์หญิงใหญ่อีกชั้น จากนั้นจึงเดินไปรวบม่านของเตียงแขวนไว้บนตะขอทองแดงแล้วเชิญไป๋จิ่นเซ่อเข้ามาด้านใน
“ท่านย่า…” ผมสีดำขลับของไป๋จิ่นเซ่อคลอเคลียอยู่บริเวณบ่า เด็กสาวเดินเข้าไปที่เตียงขององค์หญิงใหญ่ จากนั้นคุกเข่าลงบนเก้าอี้ไม้หนานมู่สีทองลายดอกไม้สำหรับวางเท้าแล้วกล่าวขึ้น “ท่านย่า เมืองหลวงส่งข่าวมาว่าหลี่หมิงรุ่ยและหัวหน้ากองกำลังรักษาพระองค์ฟ่านอวี๋ไหวร่วมมือกับเหลียงอ๋องกบฏ ต้องการใส่ร้ายว่าองค์รัชทายาทสังหารบิดาของตัวเองเพื่อขึ้นครองราชย์เจ้าค่ะ! พี่หญิงรองให้คนพาท่านอาสะใภ้รองและวั่งเกอหนีออกมาจากเมืองหลวงแล้ว ทว่า พี่หญิงรองยังอยู่ในเมืองหลวง ท่านย่าเราควรทำเช่นไรต่อไปดีเจ้าคะ พี่หญิงรองจะเป็นอันตรายหรือไม่เจ้าคะ”
องค์หญิงใหญ่หายง่วงเป็นปลิดทิ้ง นางผุดลุกขึ้นยืนด้วยความตกใจ “ตอนนี้ท่านอาสะใภ้สองและวั่งเกออยู่ที่ใด”
“พี่หญิงรองตีท่านอาสะใภ้รองจนสลบ จากนั้นให้ชุ่ยปี้พาท่านอาสะใภ้รองและวั่งเกอไปหาพี่เขยรองที่ไป๋ว่อเจ้าค่ะ เมื่อครู่ชุ่ยปี้มารายงานข้า ตอนนี้จากไปแล้วเจ้าค่ะ…” ไป๋จิ่นเซ่อเอื้อมไปกุมมือขององค์หญิงใหญ่ที่กุมเสื้อคลุมผืนบางสีเขียวไว้แน่น จากนั้นเงยหน้ามององค์หญิงใหญ่ “ท่านย่า พวกเรากลับซั่วหยางกันเถิดเจ้าค่ะ!”
“เสี่ยวชีไม่ต้องกลัว!” องค์หญิงใหญ่พยายามควบคุมสติของตัวเอง ก้มมองดูหลานสาวตัวน้อยในอ้อมแขนของตัวเอง จากนั้นเอื้อมมือลูบศีรษะของหลานสาวอย่างแผ่วเบา นางหันไปทางเจี่ยงหมัวมัว “เว่ยจงอยู่ที่ใด”