สตรีแกร่งตระกูลไป๋ - ตอนที่ 885 วิงวอนขอร้อง
ตอนที่ 885 วิงวอนขอร้อง
บรรดาขุนนางต้าจิ้นที่ยอมจำนนต่อไป๋ชิงเหยียนเพราะอำนาจทางทหารที่หญิงสาวมีในมือและขุนนางที่สวามิภักดิ์ต่อไป๋ชิงเหยียนจากใจต่างกำชับครอบครัวของตนเอง แม้บัดนี้ไป๋ชิงเหยียนจะยังไม่ได้ขึ้นครองราชย์อย่างเป็นทางการ ทว่า บัดนี้แคว้นต้าจิ้นกลายเป็นแคว้นต้าโจวแล้ว ไป๋ชิงเหยียนคือจักรพรรดินีของต้าโจว พวกเขากำชับให้ทุกคนในครอบครัวเคารพไป๋ชิงเหยียน แม้ลับหลังก็ห้ามกล่าววาจาล่วงเกินหญิงสาวเด็ดขาด มิเช่นนั้นอาจทำให้ทุกคนในตระกูลเดือดร้อนได้
ไม่นานราชโองการแต่งตั้งตำแหน่งใหม่ของขุนนางทุกคนจึงถูกส่งไปยังจวนต่างๆ
หลู่เซียงคือราชครูของจักรพรรดิ ขุนนางคนอื่นๆ ได้เลื่อนตำแหน่งตามความเหมาะสม เฉินเจาลู่หลานชายของราชครูเฉิน ต่งฉางหยวนและหลู่หยวนชิ่งได้เลื่อนขั้นมากกว่าผู้อื่น ส่วนหลี่หมิงรุ่ยไม่ได้เลื่อนขั้นหรือลดขั้นใดๆ ทั้งสิ้น
หลู่เซียงและบุตรชายคนโตเพิ่งอาบน้ำเสร็จเตรียมที่จะพักผ่อน ทว่า พวกเขาได้รับรายงานว่าเชื้อพระวงศ์ของราชวงศ์หลินพากันมาขอเข้าพบเขา
เมื่อบุตรชายคนโตของหลู่เซียงได้รับรายงานจึงรีบเปลี่ยนเครื่องแต่งกายและไปพบบิดาของตัวเองทันที
“ท่านพ่อ เชื้อพระวงศ์เหล่านั้นคงได้ยินมาจากผู้อื่นว่าฝ่าบาทจะทรงปฏิรูปการปกครองใหม่ การปฏิรูปการปกครองส่งผลกระทบต่อผลประโยชน์ของราชวงศ์และตระกูลสูงศักดิ์ ทว่า บัดนี้ต้าจิ้นเปลี่ยนเป็นแคว้นต้าโจวแล้ว พวกเขาไม่สามารถไปกดดันฝ่าบาทได้ จึงได้แต่มาพบท่านพ่อขอรับ” บุตรชายคนโตของหลู่เซียงยืนมองบิดาของตัวเองนั่งหลับตาปล่อยให้หลู่หยวนชิ่งช่วยเช็ดผมให้อยู่หน้าโต๊ะตำรา จากนั้นกล่าวออกมาอย่างร้อนใจ “เชื้อพระวงศ์เหล่านี้มีอำนาจไม่น้อย ข้าเกรงว่าอาจเกิดเรื่องวุ่นวายขึ้นได้ขอรับ!”
“เจ้าคิดว่าฝ่าบาทนำกองทัพเหล่านั้นกลับมาเป็นเครื่องประดับหรืออย่างไร” หลู่เซียงหลับตาอย่างผ่อนคลาย เขากล่าวออกมาอย่างช้าๆ ไม่มีท่าทีกังวลแม้แต่น้อย “ฝ่าบาทไม่มีทางไม่ทราบว่าเชื้อพระวงศ์เหล่านั้นจะคัดค้านการปฏิรูป หากข้าเดาไม่ผิดฝ่าบาทคงมีแผนรับมืออยู่แล้ว แม้ฝ่าบาทจะเป็นสตรี ทว่า พระองค์ไม่เคยทำเรื่องที่ไม่มั่นใจ!”
“เช่นนั้นท่านพ่อจะออกไปพบเชื้อพระวงศ์เหล่านั้นหรือไม่ขอรับ” บุตรชายของหลู่เซียงถาม
“ไม่พบ!” หลู่เซียงขยับท่านั่งให้สบายกว่าเดิม “ฝ่าบาททรงต้องการให้ราชสำนักสงบสุข พระองค์ต้องกำจัดเชื้อพระวงศ์และคนตระกูลสูงศักดิ์ของราชวงศ์เก่าทิ้งแน่ การไปพบพวกเขาตอนนี้ไม่มีประโยชน์อันใดทั้งสิ้น…”
กล่าวจบหลู่เซียงหันไปมองหน้าบุตรชายคนโตของตัวเองราวกับกำลังคิดสิ่งใดอยู่ เมื่อถูกบิดาของตัวเองจ้องมอง บุตรชายคนโตของหลู่เซียงจึงก้มสำรวจเครื่องแต่งกายของตัวเองอย่างประหม่า เมื่อเห็นว่าไม่มีสิ่งใดผิดปกติจึงเอ่ยถาม “ท่านพ่อ ลูกมีสิ่งใดไม่เหมาะสมหรือขอรับ”
“จิ่นเสียน…พ่อมีเรื่องจะถามเจ้า วันหน้าเจ้าอยากรับตำแหน่งเดียวกันกับข้าหรือไม่” จู่ๆ หลู่เซียงก็เอ่ยถามออกมา
หลู่จิ่นเสียนตะลึง เขาตระหนักได้ทันทีว่าบิดามีเรื่องอยากฝากฝังเขา เขารีบโค้งกายคำนับบิดา จากนั้นกล่าวขึ้น “ท่านพ่อได้โปรดชี้แนะด้วยขอรับ”
จักรพรรดินีองค์ใหม่จะขึ้นครองราชย์ในวันที่ยี่สิบ เดือนหก วังหลวงต้องถูกประดับตกแต่งและจัดระบบใหม่ บรรดาสนมของจักรพรรดิองค์เก่าต้องย้ายออกจากวังหลวง ต้องบันทึกรายชื่อขันทีและนางกำนัลใหม่ทั้งหมด ไป๋ชิงเหยียนมอบหมายหน้าที่เหล่านี้ให้แก่ต่งฉางชิ่งและต่งฉางเซิง บุตรชายทั้งสองของต่งชิงผิง
ไป๋ชิงเหยียนให้คนนำจดหมายไปมอบให้กองทัพไป๋ที่กำลังมุ่งหน้าไปยังซั่วหยางและเมืองหลวง กำชับพวกเขาว่าไม่ต้องรีบร้อนเดินทาง แค่มาให้ทันพิธีราชาภิเษกในวันที่ยี่สิบ เดือนหกก็พอ จากนั้นหญิงสาวจึงแอบกลับไปพักผ่อนที่เรือนชิงฮุยของจวนองค์หญิงเจิ้นกั๋ว
กองทัพไป๋แห่งซั่วหยางและองครักษ์ไป๋คุ้มกันจวนไป๋ไว้อย่างแน่นหนา จักรพรรดินีองค์ใหม่แห่งราชวงศ์ต้าโจวประทับอยู่ที่นี่ ผู้ใดจะกล้าประมาทกัน
ทว่า กลับมีคนที่ไม่ดูตาม้าตาเรือกล้าบุกมายังจวนองค์หญิงเจิ้นกั๋ว
ร่างที่เหมือนขอทานเนื้อตัวมอมแมมคนหนึ่งบุกไปที่จวนองค์หญิงเจิ้นกั๋ว กล่าวว่าตัวเองคือขันทีข้างกายของอดีตองค์รัชทายาท ขอเข้าเฝ้าองค์หญิงเจิ้นกั๋ว
กองทัพไป๋แห่งซั่วหยางมองไปยังขอทานที่เนื้อตัวมอมแมมตรงหน้า เขาอาศัยแสงจากโคมไฟที่แขวนอยู่ใต้หลังคาจวนองค์หญิงเจิ้นกั๋วมองเห็นว่าขอทานผู้นี้แต่งกายด้วยชุดขันทีของวังหลวงจริงๆ
“หลีกไปๆ ที่นี่ไม่มีองค์หญิงเจิ้นกั๋วแล้ว บัดนี้ฝ่าบาทคือจักรพรรดินีแห่งต้าโจว! จักรพรรดินีของเราไม่ใช่คนที่ขันทีจากราชวงศ์เก่าอย่างเจ้าอยากพบแล้วจะพบได้ หากยังโวยวายอยู่หน้าจวนเช่นนี้อีกระวังศีรษะของเจ้าไว้ให้ดี!” ทหารกองทัพไป๋แห่งซั่วหยางกล่าวด้วยภาษาถิ่น จากนั้นผลักเฉวียนอวี๋ผู้นั้นออกห่าง
เฉวียนอวี๋เงยหน้าขึ้นมองจึงพบว่าป้ายจวนองค์หญิงเจิ้นกั๋วเปลี่ยนกลับมาเป็นจวนไป๋แล้ว
“ไม่มีทาง องค์หญิงเจิ้นกั๋วจะกบฏได้เช่นไร องค์หญิงเจิ้นกั๋วจงรักภักดีต่อองค์รัชทายาท!” ดวงตาของเฉวียนอวี๋ไหววูบอย่างไม่อยากเชื่อ เขาจ้องไปที่ป้ายจวนไป๋พลางถอยหลังไปเรื่อยๆ
แม้ทุกคนจะกล่าวว่าองค์หญิงเจิ้นกั๋วกบฏ ทว่า เฉวียนอวี๋ไม่มีทางเชื่อ เขาจำได้ดีว่าวันนั้นองค์หญิงเจิ้นกั๋วเอาตัวไปรับธนูแทนองค์ชายอย่างไม่ลังเล ร่างของนางเต็มไปด้วยเลือด…
ผู้ที่จงรักภักดีต่อองค์รัชทายาทถึงเพียงนี้จะกบฏได้เช่นไรกัน! เฉวียนอวี๋ไม่เชื่อเด็ดขาด!
เท้าที่ถอยหลังของเฉวียนอวี๋ชะงักอยู่กับที่ เขารู้แล้ว…ต้องเป็นเพราะเหลียงอ๋องขึ้นครองราชย์ องค์หญิงเจิ้นกั๋วคิดว่าเหลียงอ๋องสังหารองค์รัชทายาทไปแล้วจึงกบฏแน่นอน
“องค์หญิงเจิ้นกั๋ว องค์รัชทายาทยังมีพระชนม์ชีพอยู่พ่ะย่ะค่ะ” เฉวียนอวี๋บุกเข้าไปในจวนไป๋ด้วยแรงทั้งหมดที่มี “องค์รัชทายาทถูกเหลียงอ๋องจับตัวไป องค์หญิงเจิ้นกั๋วได้โปรดช่วยพระองค์ด้วยเถิดพ่ะย่ะค่ะ”
ทหารเตรียมเข้าไปกระชากตัวเฉวียนอวี๋แล้วโยนออกไปจากจวนไป๋ ทว่า องครักษ์ไป๋ที่มักติดตามไป๋ชิงเหยียนและไป๋จิ่นจื้อไปยังจวนองค์รัชทายาทจำเฉวียนอวี๋ได้จึงรีบวิ่งออกมาจากด้านในเพื่อห้ามทหารที่วู่วามผู้นั้น “สหาย! ผู้นี้คือขันทีรับใช้อดีตองค์รัชทายาท เขาเคารพนอบน้อมคุณหนูใหญ่ของเรามาโดยตลอด ไม่จำเป็นต้องทำถึงเพียงนี้…”
ทหารซั่วหยางได้ยินองครักษ์ไป๋กล่าวเช่นนี้จึงคลายโทสะลง จากนั้นกล่าวเสียงเบา “จะปล่อยให้เขาโวยวายเช่นนี้ต่อไปไม่ได้ขอรับ”
“ข้าจัดการเอง…” องครักษ์ไป๋กล่าวกับทหารซั่วหยางยิ้มๆ จากนั้นรีบประคองเฉวียนอวี๋ให้ลุกขึ้น “เฉวียนอวี๋กงกง!”
เฉวียนอวี๋เงยหน้าขึ้นทั้งน้ำตา “องค์หญิงเจิ้นกั๋วต้องยังไม่ทราบว่าองค์ชายยังมีพระชนม์ชีพอยู่ พระองค์แค่ถูกเหลียงอ๋องจับตัวไปเท่านั้น ได้โปรดให้ข้าได้พบองค์หญิงเจิ้นกั๋วสักครั้งเถิด ข้าต้องขอให้องค์หญิงเจิ้นกั๋วเสด็จไปช่วยองค์ชายขอรับ”
องครักษ์ไป๋มองดูท่าทีเป็นกังวลและร้อนใจของเฉวียนอวี๋ จากนั้นกล่าวปลอบ “เฉวียนอวี๋กงกง คุณหนูใหญ่เดินทางมาจากเมืองหานของแคว้นต้าเหลียงโดยไม่หยุดพัก ต่อมาต้องสะสางงานในราชสำนักจนไม่มีเวลาพักผ่อน เมื่อครู่มีฎีกาส่งมาที่จวนไป๋อีก คุณหนูใหญ่ปลีกเวลามาพบเฉวียนอวี๋กงกงไม่ได้จริงๆ ขอรับ”
เฉวียนอวี๋ได้ยินเช่นนี้จึงยอมลดตัวคุกเข่าลงตรงหน้าองครักษ์ไป๋ “ได้โปรดเถิดขอรับ ให้ข้าได้พบหน้าองค์หญิงเจิ้นกั๋วสักครั้งเถิดขอรับ ข้าทราบว่าองค์หญิงเจิ้นกั๋วจงรักภักดีต่อองค์รัชทายาทมากกว่าผู้ใดทั้งสิ้น องค์หญิงเจิ้นกั๋วเคยสละชีพช่วยชีวิตองค์ชายของข้ามาแล้ว ได้โปรดให้ข้าได้พบองค์หญิงเจิ้นกั๋วเถิดขอรับ!”
เฉวียนอวี๋เงยหน้ามององครักษ์ไป๋ กล่าววิงวอนขอร้องอย่างไร้ศักดิ์ศรีด้วยเสียงที่สั่นเทา