สตรีแกร่งตระกูลไป๋ - ตอนที่ 888 รู้ขอบเขต
ตอนที่ 888 รู้ขอบเขต
มองส่งเฉวียนอวี๋จากไปเรียบร้อย ไป๋จิ่นเซ่อจึงกล่าวชมขึ้นมาอย่างอดไม่ได้ “เฉวียนอวี๋กงกงเป็นคนรู้จักบุญคุณคนจริงๆ นะเจ้าคะ”
ก่อนหน้านี้เหลียงอ๋องยึดครองเมืองหลวง ขันทีรับใช้ของรัชทายาทต่างอยู่ด้วยความหวาดระแวง ต่อมาพี่หญิงใหญ่บุกโจมตีเมืองหลวงและขึ้นครองราชย์เป็นจักรพรรดินี เฉวียนอวี๋ต้องถูกหมางเมินจากทุกคนแน่นอน
ไป๋ชิงเหยียนก้มหน้าหยิบพู่กันจุ่มลงไปในถาดหมึก จากนั้นกล่าวเสียงเบา “เจินกวง เจ้าจงออกไปกำชับผู้ที่จะไปส่งเฉวียนอวี๋ที่เมืองลั่วหงว่าเมื่อไปถึงที่นั่นให้เรียนคุณหนูรองว่าให้ส่งคนคอยดูแลเฉวียนอวี๋ให้ดี อย่าให้เขาเป็นอันใดไปเด็ดขาด”
“เจ้าค่ะ!” เจินกวงรับคำแล้วแหวกม่านออกไปด้านนอก
ไป๋จิ่นเซ่อรู้ดีว่าพี่หญิงใหญ่ทำไปเพื่อตอบแทนบุญคุณที่เฉวียนอวี๋เคยปฏิบัติต่อตระกูลไป๋เป็นอย่างดี อีกทั้งชื่นชมในความจงรักภักดีของเขา ไป๋จิ่นเซ่อนั่งลงข้างกายไป๋ชิงเหยียน เงยหน้ามองพี่สาวแล้วเอ่ยถาม
“พี่หญิงใหญ่จะรับท่านแม่และบรรดาท่านอาสะใภ้มาร่วมพิธีบรมราชาภิเษกในวันที่ยี่สิบ เดือนหกหรือไม่เจ้าคะ”
“คำนวณดูจากเวลาแล้วพี่ชายเจ็ดของเจ้าต้องเดินทางมาถึงก่อนวันพิธีแน่นอน พี่ชายเจ็ดของเจ้าจะแวะไปยังซั่วหยางก่อน ถึงเวลานั้นเขาจะไปรับท่านแม่และบรรดาท่านอาสะใภ้กลับมาเมืองหลวงด้วยตัวเอง” ไป๋ชิงเหยียนมองไปทางใบหน้าอ่อนเยาว์ของน้องสาวพลางกล่าวขึ้น “มีกองทัพใหญ่คอยคุ้มกันพี่จะได้วางใจ”
นางจินตนาการไว้แล้วว่าหากท่านอาสะใภ้สี่พบหน้าอาเจวี๋ย ท่านต้องดีใจมากแน่ๆ ไป๋จิ่นเซ่อขยี้ตาที่ร้องชื้นของตัวเองเบาๆ จากนั้นยกยิ้มมุมปากขึ้นเล็กน้อย “พี่หญิงใหญ่คิดว่าเมื่อพี่ประกาศให้ทั่วทั้งใต้หล้ารับรู้ว่าพี่จะขึ้นครองราชย์ บรรดาท่านอา พี่ชายและกองทัพไป๋ที่ยังมีชีวิตอยู่จะกลับมากันหมดหรือไม่เจ้าคะ”
“แน่นอน!” ใบหน้าของไป๋ชิงเหยียนเต็มไปด้วยรอยยิ้ม นอกจากนางจะขึ้นครองบัลลังก์เพราะต้องการสานต่อปณิธานของบรรพบุรุษตระกูลไป๋แล้ว นางยังทำเพื่อต้องการป่าวประกาศให้ตระกูลไป๋และกองทัพไปุทุกคนที่ยังมีชีวิตเหลืออยู่รู้ว่าพวกเขาสามารถกลับบ้านได้อย่างปลอดภัยแล้ว เมื่อนางขึ้นครองบัลลังก์แห่งนี้ นางจะไม่ยอมให้ผู้ใดทำร้ายพวกเขาได้อีกแม้แต่น้อย
ไป๋จิ่นเซ่อพยักหน้า น้ำตาไหลพรากไม่ขาดสาย “หากท่านพี่อาอวี๋ยังมีชีวิตอยู่คงจะดีนะเจ้าคะ…”
ไป๋ชิงเหยียนได้แต่ยิ้ม ไม่เอ่ยตอบสิ่งใดทั้งสิ้น ที่หญิงสาวไม่ได้บอกไป๋จิ่นเซ่อว่าอาอวี๋คือแม่ทัพหน้ากากผีแห่งหรงตี๋เพราะนางรู้ว่าอาอวี๋ต้องอยู่ที่หรงตี๋ต่อแน่นอน
เพราะบัดนี้ยังไม่ใช่เวลาที่หรงตี๋จะเข้าร่วมกับต้าโจว วันที่ยี่สิบเก้า เดือนสาม แม่ทัพเซี่ยสวินโจมตีเมืองเว่ยสู่แตก ไทเฮาของราชวงศ์เว่ยสิ้นพระชนม์ในกองเพลิง แคว้นเว่ยดับสูญ ดินแดนทั้งหมดของแคว้นเว่ยตกเป็นของต้าเยี่ยน
ต้าเยี่ยนที่ทำลายล้างแคว้นเว่ยเริ่มกลายเป็นแคว้นที่ยิ่งใหญ่จนซีเหลียงเริ่มหวาดหวั่นทันที
บัดนี้ไป๋ชิงเหยียนทำลายแคว้นต้าเหลียง ได้ดินแดนของต้าเหลียงมาครอบครองจนทำให้ต้าโจวทีอาณาเขตที่กว้างขวางขึ้นกว่าเดิม ต้าโจยับยั้งการขึ้นเป็นแคว้นที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของต้าเยี่ยน กลายเป็นแคว้นที่ยิ่งใหญ่ที่สุดเหนือแคว้นอื่นเอง ซีเหลียงจะไม่หวาดกลัวอย่างนั้นหรือ
ยิ่งต้าโจวและต้าเยี่ยนแข็งแกร่งมากเท่าใด ซีเหลียงก็จะยิ่งดูอ่อนแอมากเท่านั้น
ซีเหลียงในตอนนี้มีเพียงสามทางเลือก ทางแรกคือร่วมมือกับหรงตี๋เพื่อต่อต้านต้าโจวและต้าเยี่ยน ทางที่สองคือทำลายหรงตี๋และยึดครองไว้เอง ทางที่สามคือยอมเป็นรัฐบรรณาการของต้าโจวหรือต้าเยี่ยนเพื่อให้แคว้นได้ดำรงอยู่ต่อไป
ทว่า ต้าโจวและต้าเยี่ยนไม่มีทางปล่อยให้ซีเหลียงยึดครองหรงตี๋ได้อย่างแน่นอน!
ดังนั้นซีเหลียงจึงเหลือเพียงสองทางเลือกเท่านั้นหากไม่ร่วมมือกับหรงตี๋ พวกเขาก็ต้องเป็นรัฐบรรณาการของต้าโจวไม่ก็ต้าเยี่ยน
ทว่า ไม่ว่าต้าโจวหรือต้าเยี่ยนก็ล้วนอยากครอบครองใต้หล้าแห่งนี้ ไม่ว่าซีเหลียงจะยอมสวามิภักดิ์กับฝ่ายใดก็ล้วนเป็นการเจรจาขอหนังจากเสือ[1]ด้วยกันทั้งสิ้น
หากไป๋ชิงเหยียนคือจักรพรรดินีแห่งซีเหลียง หญิงสาวจะเลือกร่วมมือกับหรงตี๋
ดังนั้นหากหรงตี๋เข้าร่วมกับต้าโจวในตอนนี้ ซีเหลียงจะรู้สึกว่าตัวเองกำลังตกอยู่ในอันตราย เท่ากับเป็นการบีบให้ซีเหลียงไปเข้าร่วมกับต้าเยี่ยนเพื่อต่อต้านแคว้นที่ยิ่งใหญ่อย่างต้าโจว
การรวมตัวกันของแต่ละแคว้นในอดีตที่ผ่านมามักเกิดขึ้นเพราะแคว้นอ่อนแอจับมือกันเพื่อต่อต้านแคว้นที่แข็งแกร่งกว่า
ดังนั้นบัดนี้สามแคว้นกำลังเป็นใหญ่ ขณะที่ต้าเยี่ยนกำลังเป็นใหญ่สูสีกับต้าโจว ยังไม่ถึงเวลาที่ต้าโจวจะเผยความสามารถที่แท้จริงของตัวเองออกมา มิเช่นนั้นอาจเป็นการบีบให้ซีเหลียงไปเข้าร่วมกับต้าเยี่ยน ต้าเยี่ยนได้ครอบครองซีเหลียงโดยไม่ต้องเปลืองแรง
“คุณหนูใหญ่…” เจินหมิงแหวกม่านเข้ามาด้านใน จากนั้นทำความเคารพไป๋ชิงเหยียนแล้วกล่าวขึ้น “อัครมหาเสนาบดีหลู่รอพบคุณหนูใหญ่อยู่ที่ประตูข้างเจ้าค่ะ”
ไป๋ชิงเหยียนวางฎีกาในมือลง หญิงสาวนวดขมับของตัวเองเล็กน้อย จากนั้นกล่าวขึ้น “เชิญอัครมหาเสนาบดีหลู่เข้ามาได้…”
“อัครมหาเสนาบดีหลู่ยุ่งมาสามวันสามคืนแล้ว ทว่า กลับมาพบพี่หญิงใหญ่ที่จวนโดยไม่ยอมพักผ่อนเช่นนี้ คงเป็นเรื่องที่บรรดาเชื้อพระวงศ์ไปหาท่านที่จวนหลู่แน่นอนเจ้าค่ะ” ไป๋จิ่นเซ่อลุกขึ้นยืนกล่าวกับไป๋ชิงเหยียน
แม้ไป๋ชิงเหยียนจะไม่ได้จับเชื้อพระวงศ์ราชวงศ์ต้าจิ้นขังคุก ทว่า หญิงสาวสั่งคนคนจับตาดูพวกเขาอยู่ตลอดเวลา
เจินหมิงยังไม่ทันออกไปเชิญหลู่เซียงเข้ามา เจินกวงก็แหวกม่านเข้ามาเสียก่อน จากนั้นเอ่ยรายงาน
“คุณหนูใหญ่ ใต้เท้าต่งและผู้พิพากษาหลู่มาขอพบเจ้าค่ะ…”
“ท่านลุงมาเช่นกันหรือ” ไป๋จิ่นเซ่อมองไปทางไป๋ชิงเหยียน
“เจ้าออกไปต้อนรับด้วยตัวเองที พาคนไปยังเรือนมู่หลาน ไม่ต้องทำให้เป็นเรื่องใหญ่” ไป๋ชิงเหยียนกล่าวพลางชี้ไปยังม้วนไม้ไผ่ที่วางอยู่บนโต๊ะ “นำม้วนไม้ไผ่ที่พี่เพิ่งเขียนเสร็จไปด้วย”
เรือนมู่หลานค่อนข้างเงียบสงบ เหมาะสำหรับสนทนาเรื่องสำคัญ
“เจ้าค่ะ” ไป๋จิ่นเซ่อทำความเคารพไป๋ชิงเหยียน จากนั้นตามจินกวงออกไปเชิญหลู่เซียง ต่งชิงผิงและหลู่จิ้นไปยังเรือนมู่หลาน
ตอนที่หลู่เซียง ต่งชิงผิง หลู่จิ้นและหลู่จิ่นเสียนบุตรชายคนโตของหลู่เซียงไปถึงเรือนมู่หลาน ไป๋ชิงเหยียนนั่งรอพวกเขาอยู่ที่นั่นแล้ว
กลุ่มของหลู่เซียงต่างสวมเสื้อคลุมกันลมคลุมศีรษะด้วยหมวกสีดำ พวกเขาเดินตามไป๋จิ่นเซ่อเข้าไปในเรือนมู่หลาน สาวใช้แหวกม่านเชิญพวกเขาเข้าไปด้านใน พวกเขาจึงเดินเข้าไปอย่างไม่เกรงใจ เมื่อเข้าไปด้านในก็เห็นไป๋ชิงเหยียนกำลังรินน้ำชาให้พวกเขาอยู่
หลู่เซียงรีบเข้าไปทำความเคารพไป๋ชิงเหยียน ทว่า ถูกไป๋ชิงเหยียนเอ่ยขัดเสียก่อน “อัครมหาเสนาบดีหลู่ไม่ต้องมากพิธี นี่คือจวนไป๋ไม่ใช่วังหลวง ในกลุ่มของพวกท่านยังมีท่านลุงของข้าอยู่ด้วย…”
“จะเสียมารยาทไม่ได้พ่ะย่ะค่ะ” หลู่เซียงกล่าวจบก็ทำความเคารพไป๋ชิงเหยียนอย่างเต็มพิธี
ต่งชิงผิง หลู่จิ้นและหลู่จิ่นเสียนต่างทำความเคารพไป๋ชิงเหยียนเช่นเดียวกัน
“นั่งลงเถิด” ไป๋ชิงเหยียนดันถ้วยชาไปยังที่นั่งของคนทั้งสี่
“อัครมหาเสนาบดีหลู่ ท่านลุงและใต้เท้าหลู่ทั้งสองเชิญดื่มชาก่อน”
ไป๋ชิงเหยียนนั่งหลังตรงท่ามกลางแสงไฟจากโคมไฟดอกบัวสามสิบสองแฉก หญิงสาวไม่ได้ดูอ่อนเพลียจากการทำงานโดยไม่หยุดพักเป็นเวลาสามวันสามคืนแม้แต่น้อย
ไป๋จิ่นเซ่อคุกเข่านั่งลงด้านหลังไป๋ชิงเหยียน
“อัครมหาเสนาบดีหลู่ ท่านลุงและใต้เท้าทั้งสองมาที่นี่ยามวิกาลเช่นนี้เพราะมีเรื่องสำคัญใช่หรือไม่” แววตาของไป๋ชิงเหยียนคมชัด “เชิญว่ามาได้เลย”
“ฝ่าบาท กระหม่อมมาที่นี่เพราะเรื่องการปกครองระบอบใหม่ของฝ่าบาทพ่ะย่ะค่ะ” หลู่เซียงไม่ได้วางมาดว่าอาวุโสกว่าไป๋ชิงเหยียน เขานอบน้อมต่อหน้าหญิงสาวมาก รอยยิ้มของเขาเต็มไปด้วยความเมตตาของผู้ใหญ่คนหนึ่ง “การปกครองระบอบใหม่ของฝ่าบาทส่งผลกระทบต่อผลประโยชนของเชื้อพระวงศ์และตระกูลสูงศักดิ์ของต้าจิ้น ฝ่าบาททรงมีเมตตาไม่จับคนเหล่านั้นขังคุก ทว่า คนเหล่านั้นมีความคิดเป็นของตัวเอง พวกเขาอ้างตัวเป็นผู้อาวุโสของฝ่าบาทเพราะท่านย่าของฝ่าบาทคือองค์หญิงใหญ่แห่งราชวงศ์ พวกเขาต้องการร่วมมือกับตระกูลสูงศักดิ์เพื่อต่อรองกับฝ่าบาทพ่ะย่ะค่ะ”
ไป๋ชิงเหยียนพยักหน้า “การปกครองระบอบใหม่เป็นประโยชน์ต่อชาวบ้านและแคว้น ทว่า ย่อมทำลายผลประโยชน์ของเชื้อพระวงศ์และเหล่าตระกูลสูงศักดิ์ ที่ข้าไม่ได้สั่งจับตัวเชื้อพระวงศ์เหล่านี้ทันทีหลังจากยึดวังหลวงได้ก็เพราะต้องการจัดการกับพวกเขาอย่างโจ่งแจ้งและชอบธรรม อัครมหาเสนาบดีหลู่ไม่ต้องเป็นห่วง ไป๋ชิงเหยียนรู้ขอบเขตดี”
[1]เจรจาขอหนังจากเสือ หมายถึง การคุยหรือเจรจากับคนร้ายยากที่จะได้ผลประโยชน์