สตรีแกร่งตระกูลไป๋ - ตอนที่ 89 ชาวบ้านไม่สบายใจ
ตอนที่ 89 ชาวบ้านไม่สบายใจ
มีผู้คนมากขึ้นเรื่อยๆ ยินดีจะรับโทษโบยแทนคุณหนูสามตระกูลไป๋อย่างแค้นเคือง แม้กระทั่งเด็กอายุเจ็ดแปดขวบก็ยืนขึ้นพลางกล่าว “ตระกูลไป๋ปกป้องชาวบ้าน ชาวบ้านก็ปกป้องตระกูลไป๋ได้เช่นกัน แม้ข้าอายุยังน้อยแต่ก็เคยเรียนตำราปราชญ์ ข้ายินดีโดนโบยแทนพี่สาวไป๋ขอรับ!”
เพชฌฆาตเห็นเหตุการณ์ก็ยิ่งไม่กล้าลงมือ ในใจรู้สึกตกตะลึงมาก เขาไม่เคยเห็นชาวบ้านปกป้องตระกูลใดเช่นนี้มาก่อน ตกตะลึงในความเลือดร้อนของชาวบ้านที่ขอร้องรับโทษโบยแทนคุณหนูสามไป๋จนได้แต่ยืนถือไม้กระบองนิ่งๆ อยู่ด้านข้าง ไม่รู้จะทำเช่นไรดี เขาหันกลับไปสั่งทหารที่ยืนอยู่ด้านหลัง “รีบไปรายงานเบื้องบนว่าควรจัดการเช่นไร”
ขันทีเล็กซึ่งหลบสังเกตการณ์อยู่ด้านในประตูอู่เต๋อเห็นดังนี้จึงรีบวิ่งกลับไปที่ตำหนักของฮ่องเต้ วิ่งล้มลุกคุกคลานไปถึงหน้าประตูตำหนัก รายงานเกาเต๋อเม่าอย่างรีบร้อน “เกากงกง องค์หญิงใหญ่จวนเจิ้นกั๋วกงพาคุณหนูตระกูลไป๋มาตีกลองเติงเหวินอยู่ที่หน้าประตูอู่เต๋อขอรับ พวกเขาร้องทุกข์ให้ฝ่าบาททรงจับตัวหลิวฮ่วนจาง ประหารซิ่นอ๋องตามกฎของแคว้นขอรับ! ส่วนพวกชาวบ้านโวยวายว่าจะรับโทษโบยแทนคุณหนูสามตระกูลไป๋อยู่ที่นอกวังขอรับ!”
แม้กระทั่งเกาเต๋อเม่าขันทีใหญ่ข้างกายของฮ่องเต้ได้ยินยังตกใจ ซิ่นอ๋อง…นั่นคือโอรสที่เกิดจากฮ่องเต้และฮองเฮาเชียวนะ องค์หญิงใหญ่เสียสติไปแล้วหรืออย่างไรถึงกล้ามาขอร้องให้ฮ่องเต้ทรงประหารโอรสที่เกิดจากฮองเฮาเช่นนี้!
แต่ไหนแต่ไรมานอกจากโอรสจะทำผิดถึงขั้นกบฏ มิเช่นนั้นต่อให้ทำผิดรุนแรงเพียงใดก็จะโดนเพียงกักบริเวณเท่านั้น อาจเป็นเพราะตระกูลไป๋สูญเสียบุรุษไปทั้งตระกูลจึงเสียสติจนไม่สนสิ่งใดแบบนี้
“เกากงกง!” ขันทีเล็กใช้แขนเสื้อปาดเหงื่อ “ท่านจะไปทูลฝ่าบาทให้ทรงทราบหรือไม่ขอรับ!”
เกาเต๋อเม่าสะบัดแส้เล็กน้อย เอ่ยเสียงเย็น “เรื่องร้ายแรงเช่นนี้ต้องมีคนมาทูลฝ่าบาทอยู่แล้ว เหตุใดข้าต้องเสนอหน้าด้วย เมื่อวานฮ่องเต้ทรงถีบซิ่นอ๋องไปหนึ่งที วันนี้ตระกูลไป๋ก็มาก่อเรื่องอีก ช่วงนี้เวลาเจ้าเข้าไปปรนนิบัติจงระวังตัวให้ดี อย่าพลอยโดนหางเร่ไปด้วยเล่า”
สิ้นเสียงของเกาเต๋อเม่า หัวหน้าทหารเฝ้าประตูก็มารายงานเรื่องนี้จริงๆ
เมื่อฮ่องเต้ฟังจบก็เขวี้ยงถ้วยชาสังคโลกสีฟ้าขาวลายดอกเหมยสีแดงที่อยู่ในมือทิ้ง ทรงพระพิโรธจนนั่งไม่ติด ได้แต่เดินไปมา น้ำชาสีเหลืองอ่อนซึมลงบนพรมกำมะหยี่เนื้อดีจนเป็นคราบ
“บังอาจ! ตระกูลไป๋ช่างบังอาจเสียจริง!”
ขันทีและนางกำนัลในตำหนักคุกเข่าอยู่บนพื้น กลั้นลมหายใจไม่กล้าเอ่ยสิ่งใดทั้งสิ้น
ฮ่องเต้ทรงพิโรธ คนตายนับแสน!
ผู้ใดจะกล้าเอ่ยสิ่งใดออกมาขณะที่ฮ่องเต้ทรงพิโรธกัน มิกลัวเดือดร้อนหรืออย่างไร ขนาดเกาเต๋อเม่าขันทีคนสนิทที่สุดของฮ่องเต้ยังก้มศีรษะแนบพื้น ตัวสั่นเทาราวกับลูกนก แทบอยากย่อกายให้เล็กที่สุดจนฮ่องเต้ทอดพระเนตรไม่เห็น
“กระหม่อมส่งคนไปตรวจสอบโดยละเอียดแล้วจึงมาทูลรายงานฝ่าบาทพ่ะย่ะค่ะ ได้ยินว่าวันนี้ที่หน้าโถงจัดพิธีศพ บ่าวรับใช้ที่นำเครื่องแต่งกายสำหรับฤดูหนาวไปส่งที่หนานเจียงนำม้วนไม้ไผ่ทั้งหกม้วนกลับมาโดยที่เลือดท่วมตัวพ่ะย่ะค่ะ คุณหนูตระกูลไป๋อ่านบันทึกในม้วนไม้ไผ่ต่อหน้าทุกคน ชาวบ้านโกรธแค้นจึงตามมาคุกเข่าเพื่อทวงความยุติธรรมคืนให้ตระกูลไป๋อยู่ที่หน้าวังด้วยพ่ะย่ะค่ะ!”
ฮ่องเต้ทรงพิโรธจนแทบทรงตัวไม่อยู่ อ่านที่หน้าจวนเจิ้นกั๋วกงรอบหนึ่ง อ่านที่หน้าวังอีกรอบหนึ่ง กลัวว่าชาวบ้านจะจำไม่ได้หรืออย่างไรกัน ไม่ไว้หน้ากันเลยสักนิด
ตระกูลไป๋…อวดดีมากเกินไปแล้ว!
ฮ่องเต้ใช้มือข้างหนึ่งจับขอบโต๊ะไม้หอมเอาไว้ กัดฟันแน่น หมุนตัวกลับไปรับสั่ง “เกาเต๋อเม่า เจ้าไปเชิญองค์หญิงใหญ่มาพบข้าเดี๋ยวนี้!”
อย่างไรเสียนางก็เป็นเสด็จป้าแท้ๆ ของตน ทำให้องค์หญิงใหญ่สงบลงก่อนจึงจะจัดการกับเด็กพวกนั้นได้ง่ายขึ้น
เมื่อตัดสินพระทัยได้แล้ว ฮ่องเต้ทรงก้มมองชายอาภรณ์ที่เปื้อนคราบน้ำชาแล้วบันดาลโทสะอีกครั้ง “ยังมิรีบเปลี่ยนฉลององค์ให้ข้าอีก!”
นอกประตูอู่เต๋อ ไป๋ชิงเหยียนที่คุกเข่าอยู่หน้าประตูวังพร้อมกับองค์หญิงใหญ่มองเห็นเกาเต๋อเม่า ขันทีใหญ่ข้างกายของฮ่องเต้วิ่งตรงเข้ามา
เกาเต๋อเม่าวิ่งเข้ามาหยุดตรงหน้าองค์หญิงใหญ่ ทำความเคารพแล้วคุกเข่าอยู่ข้างกายขององค์หญิงใหญ่พลางกล่าวขึ้น “องค์หญิงใหญ่ ฝ่าบาทรับสั่งให้กระหม่อมมาเชิญองค์หญิงไปเข้าเฝ้าพ่ะย่ะค่ะ…”
เมื่อเห็นขันทีใหญ่ข้างกายของฮ่องเต้ออกมาเช่นนี้ ไป๋จิ่นถงจึงวางไม้กลองลงที่เดิม เดินไปคุกเข่าอยู่ข้างกายไป๋ชิงเหยียน
องค์หญิงใหญ่จับมือไป๋ชิงเหยียนแน่น ใช้ไม้เท้าพยุงกายลุกขึ้น จัดเสื้อผ้าของตัวเองให้เรียบร้อย
“คุณหนูใหญ่…” เกาเต๋อเม่ากล่าวกับไป๋ชิงเหยียนยิ้มๆ “ส่งม้วนไม้ไผ่บันทึกสถานการณ์รบให้บ่าวนำไปมอบให้ฝ่าบาทได้หรือไม่ขอรับ”
ไป๋ชิงเหยียนยื่นม้วนไม้ไผ่ให้เกาเต๋อเม่าด้วยท่าทีจริงจัง เอ่ยออกมาทีละคำ “ข้าอ่านเนื้อหาในบันทึกจนจดจำได้ขึ้นใจทุกตัวอักษร! หวังว่าฮ่องเต้จะทรงคืนความยุติธรรมให้แก่ดวงวิญญาณที่จงรักภักดี สละชีพเพื่อบ้านเมืองนะเจ้าคะ! มิเช่นนั้น…ตระกูลไป๋คงไม่สบายใจ ชาวบ้านคงไม่สบายใจ”
เกาเต๋อเม่ามองไปยังชาวบ้านที่คุกเข่าอยู่หน้าประตูวังเป็นเพื่อนไป๋ชิงเหยียนแวบหนึ่ง ถ้อยคำของคุณหนูใหญ่ไป๋ หากกล่าวตรงๆ แล้ว…มันคือการข่มขู่ฮ่องเต้
เกาเต๋อเม่ารับม้วนไม้ไผ่เปื้อนเลือดมาอย่างระมัดระวัง กล่าวขึ้น “คุณหนูใหญ่วางใจได้ขอรับ บ่าวจะทูลฝ่าบาทตามนี้”
ไป๋ชิงเหยียนคุกเข่ายืดกายตรงอยู่ที่เดิม มองส่งองค์หญิงใหญ่เดิมตามเกาเต๋อเม่าผ่านเข้าไปในประตูอู่เต๋อ
“พี่หญิงใหญ่ ท่านว่าท่านย่าจะใจอ่อนเพราะฮ่องเต้หรือไม่เจ้าคะ” ไป๋จิ่นถงกำชุดไว้อาลัยแน่นพลางขมวดคิ้ว
แม้ว่าท่าทีขององค์หญิงใหญ่จะดูแน่วแน่ แต่ก็ไม่ชัดเจนสักเท่าไหร่ ไป๋จิ่นถงจะดูไม่ออกได้อย่างไรกัน
ไป๋ชิงเหยียนมองไปยังประตูสีแดงสด มองไปยังแผ่นหลังที่หยัดตรงของท่านย่า จิตใจที่เข้มแข็งเริ่มรู้สึกอ่อนล้าขึ้นเล็กน้อย
หญิงสาวกล่าวเพียง “สถานการณ์บีบบังคับ ท่านย่าและฮ่องเต้…ต้านทานไม่ไหวหรอก!”
“ฮ่องเต้จะทรงประหารซิ่นอ๋องจริงๆ หรือเจ้าคะ!” ไป๋จิ่นถงคิดใคร่ครวญอยู่ในใจ ประวัติศาสตร์ของแคว้นต้าจิ้นไม่เคยมีองค์ชายองค์ใดเคยถูกประหารมาก่อน แม้กระทั่งองค์ชายสองก็ฆ่าตัวตายเองหลังจากโดนขังคุก
“หากฮ่องเต้ไม่ทรงลงโทษซิ่นอ๋อง ก็ทรงไม่มีทางระงับความโกรธแค้นของชาวบ้านได้! หากทรงลงโทษ…โทษที่ทำให้ทหารนับแสนของแคว้นต้าจิ้นต้องจบชีวิตลงเพราะอยากได้ความดีความชอบ โทษที่โยนความผิดทั้งหมดให้ดวงวิญญาณของวีรบุรุษผู้กล้าก็จะทำให้ซิ่นอ๋องหมดหนทางที่จะขึ้นครองราชบัลลังก์นั้นแล้ว อาจโดนขังคุก หรือไม่ก็โดนถอดยศกลายเป็นสามัญชนธรรมดา!” น้ำเสียงของหญิงสาวเอื่อยๆ ไอสังหารแผ่ออกมาจากส่วนลึกของแววตา
“น้อยเกินไปสำหรับเขา!” สีหน้าของไป๋จิ่นซิ่วส่อแววอาฆาตอย่างที่ไม่เคยจะปรากฏสักเท่าไหร่ น้ำตาไหลออกมาไม่ขาดสาย
“หากฮ่องเต้ทรงตัดพระทัยประหารซิ่นอ๋องได้ อย่างน้อยพระองค์ก็จะเป็นฮ่องเต้ที่ดีในสายตาของชาวบ้าน หากพระองค์ทรงตัดพระทัยมิได้ก็เท่ากับเป็นการผลักใจของชาวบ้านมาให้ตระกูลไป๋แทน! วีรบุรุษสละชีพปกป้องชาวบ้านจนเสียชีวิตอย่างน่าอนาถ ทว่าองค์ชายกลับมีชีวิตรอดกลับมาด้วยการหลบหนีอย่างคนขลาด ชาวบ้านย่อมแยกแยะได้อยู่แล้วว่าผู้ใดถูกผู้ใดผิด!” หญิงสาวสูดลมหายใจที่มีแต่ความหนาวเย็นเข้าปอดหนึ่งที หยัดแผ่นหลังตรง “ราชสำนักไม่ต้อนรับสตรี ทว่าจิตใจของชาวบ้านไม่แยกบุรุษหรือสตรี พวกเราไม่มีอำนาจในราชสำนัก ทำได้เพียงกุมใจของชาวบ้านเอาไว้”
“การแก้แค้นนั้นง่ายดาย หากตั้งใจ…วันหนึ่งต้องฆ่าซิ่นอ๋องได้แน่นอน! เหตุใดต้องให้ฮ่องเต้ทรงลงมือเพื่อให้ได้ใจของชาวบ้านด้วยเล่า ชาวบ้านซึ่งเป็นอาวุธที่แข็งแกร่งเช่นนี้อยู่ในกำมือของพวกเราเองมิดีกว่าหรือ! ซิ่นอ๋องรักตัวกลัวตายทิ้งชาวบ้านไปอย่างไม่สนใจใยดีเช่นนี้ มีคนมากมายอยากให้เขาตาย ดีไม่ดีหากเขาไม่ระวังตัวก็อาจถูกปาดคอในค่ำคืนใดคืนหนึ่งก็เป็นได้ นอกจากคนของราชวงศ์แล้ว เกรงว่าคงไม่มีผู้ใดหลั่งน้ำตาให้เขาอย่างแน่นอน!” ไป๋จิ่นจื้อกำหมัดแน่นจนได้ยินเสียงกระดูก
ผ่านประสบการณ์ในครั้งนี้ บัดนี้ไป๋จิ่นจื้อย่อมคิดไตร่ตรองให้ดีก่อนที่จะลงมือทำสิ่งใด ไม่วู่วามเอาแต่ใจอีกแล้ว ไป๋ชิงเหยียนรู้สึกดีใจมาก
ภายในท้องพระโรง ฮ่องเต้เพิ่งเคยเห็นม้วนไม้ไผ่บันทึกสถานการณ์การรบนี้เป็นครั้งแรก
เรื่องทั้งหมดถูกบันทึกไว้อย่างละเอียด
เดิมทีเขารู้เพียงว่ากองทัพพ่ายแพ้ยับเยินในสงครามครั้งนี้ ไม่มีบันทึกสงครามส่งกลับมา ไม่มีการสรุปจำนวนทหารที่บาดเจ็บล้มตายอย่างชัดเจนแน่นอน
ทว่า เขานึกไม่ถึงเลยว่าจะพ่ายแพ้อย่างน่าอนาถถึงเพียงนี้!
———————————————
[1] กงกง เป็นคำใช้เรียกขันที