สตรีแกร่งตระกูลไป๋ - ตอนที่ 893 การเป็นจักรพรรดิ
ตอนที่ 893 การเป็นจักรพรรดิ
ฮูหยินสามหลี่ซื่อใช้ผ้าเช็ดหน้าเช็ดน้ำตา “นั่นสิ นี่คือเรื่องน่ายินดี น้องสะใภ้อย่าได้ร้องไห้เลย เราเข้าไปคุยกันต่อในจวนดีกว่า”
เมื่อเห็นไป๋จิ่นเจาและเสิ่นคุนหยางลงจากหลังม้า ฮูหยินห้าฉีซื่อจึงกล่าวขึ้นยิ้มๆ “อย่าปล่อยให้เด็กๆคุกเข่าอยู่เช่นนี้เลย เสี่ยวอู่! รีบมาพยุงท่านแม่และพี่ชายเจ็ดของเจ้าลุกขึ้น”
เสิ่นคุนหยางกำหมัดคารวะ “เสิ่นคุนหยางคารวะฮูหยินทุกท่านขอรับ!”
“ลำบากแม่ทัพเสิ่นแล้ว! รีบเข้าจวนก่อนเถิด พวกเราเข้าไปคุยกันต่อด้านใน” ต่งซื่อปาดน้ำตาทิ้งพลางกล่าวยิ้มๆ
เสิ่นคุนหยางพยักหน้ายิ้มๆ สำหรับแม่ทัพทุกคนของกองทัพไป๋ การกลับมายังจวนไป๋เท่ากับพวกเขาได้กลับบ้านของตัวเอง
“ท่านแม่ พวกเราเข้าไปคุยกันต่อในจวนเถิดเจ้าค่ะ” ไป๋จิ่นเจาเข้าไปประคองหวังซื่อ ทว่า ไม่สามารถประคองหวังซื่อลุกขึ้นได้ ต่งซื่อจึงเดินลงมาช่วยประคองอีกแรง
เมื่อประคองหวังซื่อขึ้นมาได้ ต่งซื่อจึงโน้มกายไปพยุงไป๋ชิงเจวี๋ยลุกขึ้น
ทว่า ไป๋ชิงเจวี๋ยกลับจับข้อมือของต่งซื่อแน่นโดยไม่ยอมลุกขึ้น ชายหนุ่มเงยหน้ามองต่งซื่อทั้งน้ำตา ใบหน้าเต็มไปด้วยความรู้สึกผิด “ท่านป้าสะใภ้ใหญ่ อาเจวี๋ยขอโทษที่ไม่สามารถปกป้องพี่ชายห้าไว้ได้ขอรับ”
เมื่อได้ยินไป๋ชิงเจวี๋ยเอ่ยถึงอาอวี๋ ดวงตาของต่งซื่อแดงก่ำ จมูกร้อนผ่าว น้ำตาเกือบไหลออกมา นางมองไปทางไป๋ชิงเจวี๋ยด้วยสีหน้าอ่อนโยน ตบหลังมือของเขาเบาๆ จากนั้นฉุดให้เขาลุกขึ้นพลางกล่าว “เจ้ามีชีวิตรอดกลับมาได้ก็ถือว่าสวรรค์เมตตาตระกูลไป๋ของเรามากแล้ว”
“พี่ชายเจ็ดอย่ากล่าวเช่นนี้เลยเจ้าค่ะ พี่หญิงใหญ่ประกาศให้คนตระกูลไป๋และกองทัพไป๋ที่รอดชีวิตจากสงครามที่หนานเจียงกลับมาร่วมพิธีบรมราชาภิเษกของนางแล้วเจ้าค่ะ ข้าเชื่อว่าหากคนตระกูลไป๋และกองทัพไป๋ที่ยังมีชีวิตอยู่เช่นเดียวกับพี่ชายเจ็ดได้ยินประกาศของพี่หญิงใหญ่ พวกเขาต้องกลับมาแน่นอนเจ้าค่ะ”
ไป๋ชิงเจวี๋ยที่ยืนอยู่ข้างต่งซื่อพยักหน้า “ต้องกลับมาแน่นอน”
หลายปีมานี้ไป๋ชิงเจวี๋ยพบทหารของกองทัพไป๋ที่ยังรอดชีวิตมากมาย
“น้องสะใภ้สี่ เจ้าดูสิ อาเจวี๋ยสูงขึ้นกว่าเดิมอีก…” หลี่ซื่อเดินไปหยุดอยู่ข้างกายหวังซื่อ นางกอดแขนของหวังซื่อไว้พลางกล่าวกับไป๋ชิงเจวี๋ย “พี่หญิงใหญ่ของเจ้าบอกว่าเจ้าจะกลับมา ท่านแม่ของเจ้านำเสื้อผ้าสองปีนี้ที่เตรียมให้เจ้าและเสี่ยว…”
คำว่าเสี่ยวสือชีจุกแน่นอยู่ในลำคอของหลี่ซื่อ หลี่ซื่อยิ้มออกมาน้อยๆ จากนั้นกล่าวเสียงเบากว่าเดิม “ท่านแม่ของเจ้ารื้อเสื้อผ้าที่เตรียมให้เจ้าออกมามากมาย เดิมทีข้าคิดว่าเจ้าคงใส่ได้ ทว่า เมื่อเห็นเจ้าในตอนนี้ เกรงว่าคงใส่ไม่ได้แล้ว…”
ร่างสูงโปร่งในชุดเกราะของไป๋ชิงเจวี๋ยยืนเด่นเป็นที่สะดุดตาอยู่หน้าจวนไป๋ ไม่เหมือนกับเสิ่นคุนหยางที่ออกรบบ่อยจนผิวคล้ำและผอมซูบ ไป๋ชิงเจวี๋ยยังคงรูปงามและดูทะนงจนทำให้บรรดาสตรีในเมืองหลวงใจสั่นเหมือนก่อนที่เขาจะไปออกรบ ทว่า ชายหนุ่มดูสุขมและเยือกเย็นขึ้นกว่าเมื่อก่อนมาก
แม้จะผ่านความเป็นความตายมาแล้ว ทว่า จิตวิญญาณและศรัทธาของไป๋ชิงเจวี๋ยไม่เคยเปลี่ยนไป ชายหนุ่มยังคงเป็นบุรุษคนดีที่สามารถช่วยปกป้องดูแลตระกูลไป๋ได้
“กลับบ้าน!” หวังซื่อกุมมือบุตรชายไว้ในฝ่ามือที่เปียกชื้นไปด้วยน้ำตาของตัวเองแน่นราวกับกลัวว่าบุตรชายจะหายตัวไป “พวกเรากลับบ้านกัน!”
“กลับบ้าน!” ต่งซื่อพยักหน้ายิ้มๆ
วันที่ยี่สิบเอ็ด เดือนห้า รัชศกหยวนเหอปีที่หนึ่ง เหลียงอ๋องจับตัวอดีตองค์รัชทายาทและองค์หญิงใหญ่หนีไปยังเมืองลั่วหง ไป๋จิ่นซิ่วและจี้ถิงอวี๋นำทัพปิดล้อมเมืองลั่วหงเอาไว้ เหลียงอ๋องใช้อดีตองค์รัชทายาทข่มขู่ฉินซ่างจื้อที่ควบคุมดูแลเรื่องการสร้างเขื่อนกว่างเหอให้สั่งให้ทหารและชาวบ้านที่ช่วยกันสร้างเขื่อนลุกขึ้นต่อต้านกองทัพไป๋เอาไว้
วันที่ยี่สิบหก เดือนห้า รัชศกหยวนเหอปีที่หนึ่ง จักรพรรดินีแห่งต้าโจวตัดสินใจเดินทางไปช่วยองค์หญิงใหญ่ที่เมืองลั่วหงด้วยตัวเองก่อนพิธีบรมราชาภิเษก
วันที่ยี่สิบเจ็ด เดือนห้า รัชศกหยวนเหอปีที่หนึ่ง อ๋องเก้ามู่หรงเหยี่ยนและองค์ชายแห่งต้าเยี่ยนมู่หรงผิงเดินทางไปถึงเมืองหลวงของต้าเยี่ยน
จักรพรรดิต้าเยี่ยนสั่งเสียไว้ว่าไม่ให้ประกาศการสวรรคตของเขา ศพของจักพรรดิต้าเยี่ยนจึงถูกเฝิงเย่าลอบส่งกลับไปยังเมืองหลวงของต้าเยี่ยน จากนั้นจัดเก็บเรียบร้อยไว้ในวังหลวง พวกเขาบอกกับคนภายนอกว่าจักรพรรดิต้าเยี่ยนประชวรหนัก ไม่สามารถพบคนนอกได้ หากมีเรื่องอันใดให้ทูลผ่านองค์ชายมู่หรงลี่
ฮองเฮาเฝ้าดูแลอยู่ข้างเตียงของจักรพรรดิต้าเยี่ยนไม่ห่าง นอกจากคนสนิทของจักรพรรดิต้าเยี่ยนแล้วห้ามผู้ใดเข้าใกล้ตำหนักบรรทมของพระองค์เด็ดขาด
เฝิงเย่าคือคนเก่าแก่ของจีโฮ่ว เขาดูแลจักรพรรดิต้าเยี่ยนมาตั้งแต่เด็ก เขาเห็นเรื่องราวมากมายเกิดขึ้นในราชสำนัก เขาจึงค่อนข้างคิดมาก
เมื่อส่งศพของจักรพรรดิต้าเยี่ยนมาถึงเมืองหลวงแล้ว เฝิงเย่าไม่ได้บอกเรื่องราชโองการที่จักรพรรดิต้าเยี่ยนยกบัลลังก์ให้มู่หรงเหยี่ยนให้ฮองเฮาและมู่หรงลี่ฟัง เขาบอกกับทั้งสองคนเพียงว่าจักรพรรรดิต้าเยี่ยนกำชับไม่ให้ประกาศเรื่องที่พระองค์สวรรคต เมื่อจัดการเรื่องทุกอย่างในแคว้นเว่ยเสร็จแล้วค่อยประกาศ ระหว่างนี้อ๋องเก้ามู่หรงเหยี่ยนจะเป็นคนควบคุมดูแลเรื่องทั้งหมด ราชโองการของจักรพรรดิต้าเยี่ยนอยู่ในมือของมู่หรงเหยี่ยน เมื่อมู่หรงเหยี่ยนกลับมาจะเป็นคนมอบราชโองการให้ฮองเฮากับมือเอง
ฮองเฮาร่างกายอ่อนแอ เมื่อได้ยินข่าวการสวรรคตของจักรพรรดิต้าเยี่ยน นางจึงเป็นลมหมดสติไปทันที
เฝิงเย่าพาฮองเฮาไปพักที่ตำหนักบรรทมของจักรพรรดิต้าเยี่ยน เมื่อฮองเฮาตื่นขึ้นมาจึงกำชับไม่ให้เฝิงเย่ารายงานเรื่องนี้ให้องค์ชายใหญ่รับรู้ องค์ชายใหญ่เป็นคนหูเบา เขาอาจเผลอแพร่งพรายเรื่องนี้ออกไปได้
โชคดีที่ปกติจักรพรรดิต้าเยี่ยนทรงโปรดปรานมู่หรงลี่มากกว่าอยู่แล้ว ฮองเฮาสั่งให้เฝิงเย่าบอกกับทุกคนว่าจักรพรรดิต้าเยี่ยนประชวรหนัก นางจะอยู่ดูแลพระองค์ในตำหนัก หากผู้ใดมีเรื่องอันใดให้ฝากผ่านองค์ชายมู่หรงลี่ไว้ เช่นนี้จะได้ควบคุมสถานการณ์ในราชสำนักให้สงบจนกว่าอ๋องเก้าจะกลับมาได้
ฮองเฮารู้ดีว่าสุดท้ายแล้วจักรพรรดิต้าเยี่ยนคงมอบบัลลังก์ต่อให้มู่หรงเหยี่ยน จักรพรรดิต้าเยี่ยนเคยปรึกษาเรื่องนี้กับนางตั้งแต่ตอนที่ต้าเยี่ยนตั้งใจจะทำลายแคว้นเว่ยแล้ว
จักรพรรดิต้าเยี่ยนกล่าวว่าวันหน้าต้าเยี่ยนจะรวบรวมใต้หล้าให้เป็นหนึ่ง อาลี่ยังเด็กและอ่อนหัดเกินไปที่จะปกครองแคว้นเช่นนี้ เขาแบกรับภาระที่หนักเช่นนี้ไม่ไหว มีเพียงมอบแคว้นต้าเยี่ยนให้มู่หรงเหยี่ยนเท่านั้นเขาจึงจะวางใจ
จักรพรรดิต้าเยี่ยนกล่าวกับฮองเฮาว่าเขาแค่ปรึกษานางเท่านั้น ยังไม่ได้ตัดสินใจเรื่องนี้อย่างเด็ดขาด เพราะความสามัคคีในราชวงศ์คือสิ่งสำคัญที่สุด หากฮองเฮาไม่พอใจ วันหน้าอาจมีคนใช้เรื่องที่เขายกบัลลังก์ให้อาเหยี่ยนทั้งๆ ที่มีโอรสเป็นของตัวเองก่อความวุ่นวายขึ้นในราชสำนักได้
การแตกแยกกันเองของคนในราชวงศ์คือการสูญเสียที่ยิ่งใหญ่ที่สุด มันร้ายแรงกว่าการถูกแคว้นอื่นโจมตีมากนัก หากเกิดเรื่องเช่นนี้ขึ้นต้าเยี่ยนอาจจะต้องยุติการเดินหน้าตามแผนการครอบครองใต้หล้า กระทั่งแคว้นอื่นอาจถือโอกาสนี้ทำให้ต้าเยี่ยนไม่มีโอกาสได้ครอบครองใต้หล้าอีกเลย
ฮองเฮารู้ปณิธานที่ยิ่งใหญ่ของจักรพรรดิต้าเยี่ยนดี นางรู้ดีว่าหลายปีที่ผ่านมานี้น้องชายเก้ามู่หรงเหยี่ยนเสียสละเพื่อแคว้นนี้เช่นไรบ้าง นางยิ่งรู้ดีว่ามู่หรงเหยี่ยนเติบโตมาข้างกายจีโฮ่ว เรียนรู้การขึ้นครองราชย์เป็นจักรพรรดิและมีปณิธานที่อยากรวมใต้หล้าให้เป็นหนึ่งเช่นเดียวกับสามีของนาง
ดังนั้นฮองเฮาจึงยอมตกลง
เมื่อมู่หรงเหยี่ยนมาถึงวังหลวง เขาก็ถูกฮองเฮาเรียกตัวไปยังตำหนักของจักรพรรดิต้าเยี่ยนทันที
ระยะเวลาเพียงแค่หนึ่งเดือน ฮองเฮาผอมลงกว่าเดิมมากเนื่องจากเสียใจกับการจากไปของสามี
ฮองเฮาที่ไร้เรี่ยวแรงถูกเฝิงเย่าประคองให้นั่งพิงหัวเตียง นางมองไปทางมู่หรงเหยี่ยนซึ่งสวมชุดยาวสีขาวคาดเข็มขัดหยกสีดำที่กำลังทำความเคารพนาง นางรู้สึกว่ามู่หรงเหยี่ยนมีใบหน้าคล้ายคลึงกับมู่หรงอวี้อยู่หลายส่วน
ทว่า มู่หรงอวี้มีใบหน้าคล้ายคลึงกับจีโฮ่ว ดังนั้นเขาจึงมีใบหน้างดงามสมบูรณ์แบบจนได้ฉายาว่าบุรุษที่รูปงามที่สุดในใต้หล้า