สตรีแกร่งตระกูลไป๋ - ตอนที่ 90 คนทรยศ
ตอนที่ 90 คนทรยศ
สงครามที่หนานเจียงทำให้เขาสูญเสียกองกำลังทหารแคว้นต้าจิ้นไปกว่าแสนนาย แคว้นต้าจิ้นของเขาไม่มีกำลังสู้รบกับแคว้นซีเหลียงอย่างน้อยอีกห้าปี คงต้องยอมยกดินแดนบางส่วนให้ซีเหลียงเพื่อขอเจรจาสงบศึก
ฮ่องเต้ทรงเดือดดาลจนมือสั่นเทา เมื่อครู่เขาโกรธที่โดนตระกูลไป๋บีบบังคับ ทว่าตอนนี้คนที่เขาโกรธที่สุดก็คือซิ่นอ๋อง โอรสที่เกิดจากฮองเฮาของเขา!
ยโสโอหัง ไร้ความสามารถแล้วยังบีบบังคับให้แม่ทัพใหญ่ไปออกรบ เขาโมโหที่มอบป้ายอาญาสิทธิ์ให้ซิ่นอ๋อง โอรสของตัวเองเขาจะไม่รู้ว่าเป็นคนอย่างใดหรือ
ใช่แล้ว ตอนที่เขาส่งซิ่นอ๋องไปกับกองทัพของเจิ้นกั๋วกง เพราะอยากให้ซิ่นอ๋องกดเจิ้นกั๋วกงไว้ ทว่าเขาแค่อยากให้เจิ้นกั๋วกงได้รับโทษ! แค่อยากทำลายชื่อเสียงรบไม่แพ้ของเจิ้นกั๋วกงเท่านั้น
เขาคือฮ่องเต้แห่งแคว้นต้าจิ้น เขาไม่เคยอยากให้แคว้นต้าจิ้นพ่ายแพ้ยับเยินถึงเพียงนี้
คนของตระกูลไป๋ตายไปไม่เป็นใด แต่กองทัพทหารนับแสนที่ตายไปคือทหารของเขา เขาจะไม่ปวดใจได้อย่างใดกัน!
ยังมีหลิวฮ่วนจางผู้นั้นอีก กล้าทรยศบ้านเมือง!
กล้านำกองทัพของต้าจิ้นมาสู้รบกับทหารร่วมแคว้นเดียวกัน!
ไอ้คนทรยศ! ประหารเจ็ดชั่วโคตร ต้องประหารเจ็ดชั่วโคตร!
มือที่ถือม้วนไม้ไผ่ของฮ่องเต้สั่นเทาอย่างรุนแรง เมื่อนึกถึงสตรีตระกูลไป๋ในชุดไว้อาลัย และชาวบ้านในเมืองหลวงที่กำลังคุกเข่าอยู่หน้าประตูอู่เต๋อเพื่อบีบบังคับให้เขาประหารโอรสที่เกิดจากฮองเฮาของเขา เขาก็ยิ่งรู้สึกเดือดดาล
เขามีโอรสที่เกิดจากฮองเฮาอยู่เพียงคนเดียว!
ฮ่องเต้ทรงปวดศีรษะเป็นอย่างมาก พิโรธจนอยากจะสั่งประหารตระกูลไป๋ทั้งตระกูลเดี๋ยวนี้
บัดนี้ฮองเฮาเดินวนไปวนมาอยู่หน้าตำหนักอย่างไม่รู้ว่าควรทำเช่นใดดี ยามนี้สตรีตระกูลไป๋และชาวบ้านคุกเข่าบีบคั้นอยู่หน้าวัง ประกาศว่ามาทวงความยุติธรรม ต้องการให้ฮ่องเต้ทรงประหารซิ่นอ๋องเพื่อปลอบขวัญชาวบ้าน
ฮองเฮาเป็นสามีภรรยากับฮ่องเต้มานาน รู้ดีว่าฮ่องเต้ทรงรักชื่อเสียงยิ่งกว่าสิ่งใด หากฮ่องเต้ทรงตัดสินพระทัยประหารซิ่นอ๋องเพื่อรักษาชื่อเสียงของตัวเองจริงๆ…
ฮองเฮาไม่กล้าคิด ฮ่องเต้มีโอรสมากมาย ทว่านางมีแค่โอรสองค์นี้เพียงแค่คนเดียว!
ภายในท้องพระโรง ฮ่องเต้ทอดพระเนตรไปทางองค์หญิงใหญ่ด้วยสีหน้าเคร่งขรึม หลับตาลง
“เสด็จป้า พวกเราเป็นครอบครัวเดียวกัน มีเรื่องอันใดมาคุยกันเป็นการส่วนตัวก็ได้ เสด็จป้าทรงทำให้เรื่องราวใหญ่โตเช่นนี้ ต้องการสิ่งใดอย่างนั้นหรือ”
สายพระเนตรที่เต็มไปด้วยไอสังหารของฮ่องเต้ทอดมองนิ่งไปยังองค์หญิงใหญ่ “ท่านต้องการบีบให้เราประหารซิ่นอ๋องจริงๆ หรือ”
“ในเมื่อทรงต้องการคุยเป็นการส่วนพระองค์ เช่นนั้นหม่อมฉันก็ขอทูลกับฮ่องเต้อย่างเปิดเผยเลยก็แล้วกันเพคะ!” องค์หญิงใหญ่กำไม้เท้าหัวพยัคฆ์ที่อยู่ในมือแน่น สีหน้าเคร่งขรึม
“ตอนนั้นหม่อมฉันแต่งงานกับไป๋เวยถิงที่ยังเป็นแค่เจิ้นกั๋วกงซื่อจื่อ เสด็จพ่อเคยตรัสกับหม่อมฉันว่าตระกูลไป๋แห่งจวนเจิ้นกั๋วกงคือกระดูกสันหลังของแคว้นตาจิ้น ราชวงศ์ต้องพึ่งพาตระกูลไป๋ แต่ก็ต้องระวังตระกูลไป๋ด้วย! เสด็จพ่อทรงมีพระชมมายุมากแล้วเกรงว่าจะอยู่ได้อีกไม่นาน หวังให้หม่อมฉันช่วยปกป้องราชวงศ์หลินแทนพระองค์ ระวังตระกูลไป๋คิดก่อกบฏ! วันนั้น…หม่อมฉันให้สัตย์สาบานด้วยโลหิตแห่งราชวงศ์”
เกรงว่าถ้อยคำเหล่านี้จะยังไม่เพียงพอ องค์หญิงใหญ่กำไม้เท้าหัวพยัคฆ์แน่นพลางเอ่ยสำทับ
“ตอนนั้นเสด็จพ่อทรงมอบองครักษ์ลับจำนวนหนึ่งให้แก่หม่อมฉัน หลายปีมานี้หม่อมฉันซ่อนไว้ที่จวนนอก แม้ว่าท่านกั๋วกงและบุตรชายของหม่อมฉันไปออกรบก็มิเคยแตะต้องมันมาก่อน ฝ่าบาททรงรู้หรือไม่เพคะว่าหม่อมฉันเตรียมไว้ป้องกันสิ่งใด”
สายพระเนตรที่ฮ่องเต้ทอดมององค์หญิงใหญ่แปรเปลี่ยนเป็นจริงจังขึ้นในทันที เขาไม่เคยรู้มาก่อนเลยว่าตอนที่องค์หญิงใหญ่แต่งงานจะมีเรื่องลับลมคมนัยเช่นนี้แฝงอยู่
แม้กระทั่งบุตรชายแท้ๆ ไปออกรบก็มิเคยแตะต้อง เช่นนั้นก็แสดงว่าเตรียมไว้ป้องกันตระกูลไป๋คิดกบฏ
“หม่อมฉันต้องช่วยตระกูลหลินของพวกเราปกป้องอำนาจของราชวงศ์นี้เอาไว้มิให้เสื่อมสลาย ดังนั้นวันนี้…หม่อมฉันทูลขอให้ฝ่าบาททรงประหารซิ่นอ๋องเพคะ!” องค์หญิงใหญ่กำลูกประคำไม้กฤษณาที่อยู่ในเสื้อแน่น ถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่
“ไม่กล่าวถึงความแค้นของตระกูลไป๋ คำนึงถึงแค่ใจของชาวบ้านทั้งแคว้น! บันทึกสถานการณ์รบถูกส่งมาที่หน้าพิธีศพของจวนไป๋ท่ามกลางสายตาของชาวบ้านมากมาย ทุกคนต่างรับรู้การกระทำของซิ่นอ๋องหมดแล้ว! ตระกูลไป๋ ชาวบ้านล้วนเกลียดซิ่นอ๋องเข้ากระดูกดำ ฝ่าบาททรงทราบดี…น้ำช่วยประคองให้เรือแล่นได้ ทว่าก็ทำให้เรือจมได้เช่นเดียวกัน! ใจของราษฎรเป็นตัวตัดสินว่าราชวงศ์จะคงอยู่ได้ยาวนานเพียงใด! หากฝ่าบาททรงประหารซิ่นอ๋อง ฝ่าบาทจะได้ใจของชาวบ้านทั้งหมดที่อยู่หน้าประตูอู่เต๋อในครานี้ แต่หากทรงตัดพระทัยประหารซิ่นอ๋องมิได้ กระทั่งมิยอมลงโทษซิ่นอ๋อง สิ่งที่ฝ่าบาทจะทรงสูญเสียจะมิใช่แค่ใจของชาวบ้านที่อยู่หน้าประตูอู่เต๋อเท่านั้นนะเพคะ!”
ถ้อยคำขององค์หญิงใหญ่แม้จะฟังดูเหมือนเห็นแก่ราชวงศ์เป็นหลัก ทว่านางก็มีความเห็นแก่ตัว นางอยากให้ฮ่องเต้ประหารซิ่นอ๋องจริงๆ นางต้องการแก้แค้นให้สามี บุตรชายและหลานชายของนาง!
หลานชายคนสุดท้องของนาง หลานชายที่ร่าเริงน่ารักของนางอายุเพียงสิบขวบเท่านั้น!
หากไม่ใช่เพราะซิ่นอ๋องโลภ อยากสร้างผลงาน บีบให้ไป๋เวยถิงออกรบ ตระกูลไป๋จะสูญเสียบุรุษทั้งตระกูลไปเช่นนี้ได้อย่างใดกัน!
ซิ่นอ๋องสมควรตาย!
ทว่านางไม่อาจร้องห่มร้องไห้เฉกเช่นสตรีนางอื่นแล้วอ้างความสัมพันธ์ทางสายเลือดทูลขอให้ฮ่องเต้ทรงประหารซิ่นอ๋องได้
องค์หญิงใหญ่ทราบดีมาตั้งแต่เด็กว่าความแตกต่างของสตรีและบุรุษอยู่ที่ใด หากจะต่อกรกับบุรุษสักคน สิ่งแรกก็คือห้ามคิดว่าตัวเองเป็นสตรี ปณิธานของบุรุษคือใต้หล้า ทว่าสตรีนั้นใจอ่อนเกินไป สิ่งที่ต้องการมีเพียงสายเลือดของตัวเองและการมีที่ยืนในเรือนหลังเท่านั้น นี่คือสิ่งที่นางเคยสอนไป๋ชิงเหยียน หลานสาวคนโตของนาง
ถ้อยคำขององค์หญิงใหญ่ทำให้ฮ่องเต้พระทัยเต้นรัว ทรงกำม้วนไม้ไผ่ในมือแน่นพลางเคาะไปบนโต๊ะ จากนั้นทิ้งม้วนไม้ไผ่ไว้ด้านข้าง เอนกายพิงหมอนนุ่มปักลายมังกรบินสีทอง หลับตาลงคิดใคร่ครวญ
ฮ่องเต้ทรงประเมินความสำคัญระหว่างใจของประชาชนและสายเลือดที่ต้องตัดทิ้ง จากนั้นไม่นานฮ่องเต้ก็ทรงรวบรวบสติและพระทัยที่ว้าวุ่นได้
ฮ่องเต้ตรัสถามทั้งที่ยังหลับตา “คำกล่าวของเสด็จป้า ไม่ได้แฝงเจตนาที่อยากจะแก้แค้นซิ่นอ๋องเลยสักนิดหรือ”
ฮ่องเต้ทรงครองราชย์บัลลังก์มานานแล้ว อำนาจบารมีที่แผ่ออกมาในฐานะจักรพรรดิมีมากายล้นหลาม
องค์หญิงใหญ่รวบรวมสติ กล่าวออกมาช้าๆ “หม่อมฉันเป็นฮูหยินของเจิ้นกั๋วกงก็จริง ทว่าหม่อมฉันเคยเป็นองค์หญิงใหญ่แห่งราชวงศ์นี้มาก่อน!”
ฮ่องเต้เบิกตาขึ้น แววพระเนตรทรงพลังทอดมองไปยังองค์หญิงใหญ่ เต็มไปด้วยการค้นหา
องค์หญิงใหญ่สบสายพระเนตรของฮ่องเต้ น้ำเสียงนิ่งขรึม “เรื่องในวันนี้…หลินฮ่วนจางควรโดนประหารเจ็ดชั่วโคตร! อาศัยช่วงที่ชาวบ้านยังอยู่หน้าประตูอู่เต๋อ อย่างน้อยฝ่าบาทก็ทรงควรแสดงท่าทีรับผิดชอบ สั่งให้กองกำลังทหารักษาพระองค์ไปล้อมจวนหลิวแล้วจับกุมคนทั้งตระกูลไว้เถิดเพคะ! ส่วนซิ่นอ๋องเป็นโอรสที่เกิดจากฮองเฮาดังนั้นต้องทรงลงโทษอย่างรุนแรง แม้ไม่ประหาร ทว่าชาตินี้คงไม่มีโอกาสได้ครองบัลลังก์นี้แล้ว! ส่วนตระกูลไป๋…บัดนี้เหลือเพียงแค่สตรีคงไม่เป็นพิษเป็นภัยอันใดต่อราชวงศ์อีกแล้วเพคะ”
ตอนที่ฮ่องเต้องค์ก่อนยังมีพระชนม์ชีพอยู่เคยตรัสกับฮ่องเต้ว่า องค์หญิงใหญ่ซึ่งเป็นพระธิดาที่เกิดจากฮองเฮาเป็นคนมีความสามารถและหยิ่งยโส หลายปีมานี้นางกินเจสวดมนต์ภาวนา สีหน้าเลยส่อแววเมตตากรุณาขึ้นมาบ้าง ทว่าเมื่อเผชิญกับปัญหา ใจที่เต็มไปความโหดเหี้ยมซึ่งฝังลึกอยู่ในกระดูกมิเคยหายไป
“หลานสาวคนโตของเสด็จป้าผู้นั้น ช่างร้ายกาจนัก!” ฮ่องเต้หรี่ตา เมื่อตรัสถึงไป๋ชิงเหยียนไอสังหารแผ่ออกมาโดยไม่รู้ตัว น้ำเสียงเย็นเยือกราวกับน้ำแข็ง
มือที่จับลูกประคำไม้กฤษณาขององค์หญิงใหญ่สั่นเล็กน้อย จากนั้นเริ่มนับต่ออย่างช้าๆ น้ำเสียงอ่อนโยนแปรเปลี่ยนเป็นแข็งกร้าวขึ้น
“หม่อมฉันวางแผนเรื่องต่อจากนี้ไว้แล้วเพคะ จัดพิธีศพของบุรุษตระกูลไป๋อย่างเรียบง่าย ให้เรื่องนี้ผ่านพ้นไปโดยเร็ว! หลังจากนั้น…หม่อมฉันจะเข้าวังมาทูลขอถอดยศเจิ้นกั๋วกงด้วยตัวเองแล้วย้ายไปบำเพ็ญภาวนาขอพรให้บ้านเมืองอยู่ในวัด หม่อมฉันทูลขอให้ฝ่าบาททรงเห็นแก่ความจงรักภักดีของตระกูลไป๋ที่มีมาทุกรุ่น ทรงพระราชทานอนุญาตให้สตรีของตระกูลไป๋ย้ายกลับไปอยู่บ้านเกิดที่เมืองซั่วหยางเถิดเพคะ”