สตรีแกร่งตระกูลไป๋ - ตอนที่ 915 ทรมาน
ตอนที่ 915 ทรมาน
ควันไฟลอยผ่านรูหน้าต่างเข้าไปในห้องไม่หยุด คานภายในห้องของหอลั่วหงถูกความร้อนเผาจนไหม้เกรียม เหงื่อของจักรพรรดิต้าจิ้นไหลท่วมกาย เขาหันไปมองด้านนอกฉากกั้นที่มีแต่เปลวเพลิงลุกโหม
เขานึกไม่ถึงเลยว่าจักรพรรดิอย่างเขาจะมีจุดจบเช่นนี้
เดิมทีเขาจะได้ขึ้นไปขอพรให้อายุยืนบนหอบูชาเก้าชั้น ราชครูเทพบอกไว้ว่าขอเพียงนำเด็กหญิงและเด็กชายจำนวนหนึ่งพันคนไปทำพิธีบูชายันต์บนหอบูชาเก้าชั้นเขาจะได้พบกับเทพเซียน สามารถขอพรให้ตัวเองมีอายุยืนยาว กระทั่งขอให้ไป๋ซู่ชิวฟื้นคืนชีพได้
เขาเกือบจะทำสำเร็จแล้ว เหลืออีกแค่ก้าวเดียวเท่านั้น! เขาคือมังกรแห่งแคว้นต้าจิ้น เหตุใดสวรรค์ถึงทำกับเขาเช่นนี้กัน! เหตุใดไม่ให้เขาได้สมปรารถนา เหตุใดองค์รัชทายาทถึงไม่มาช่วยเหลือเขา!
องค์รัชทายาทในตอนนี้ถูกแทงที่หน้าอกอย่างสาหัส เลือดสดไหลทะลักออกมา เขาถูกกลุ่มของฉินซ่างจื้อและองครักษ์ลับของราชวงศ์ประคองหลบหนีไป ในที่สุดพวกเขาก็ใกล้ไปถึงประตูเมืองแล้ว ทว่า องค์รัชทายาทอ่อนล้ามากเกินไป ฉินซ่างจื้อไม่สามารถพาเขาหนีต่อไปได้จึงหาที่พักของคหบดีในเมืองลั่วหงที่เจ้าของหนีออกจากเมืองไปแล้วให้องค์รัชทายาทพักชั่วคราว จากนั้นทำแผลให้องค์รัชทายาทอย่างทุลักทุเล
องค์รัชทายาทหอบหายใจอย่างหนัก เขาเอนกายพิงเก้าอี้ ร่างเต็มไปด้วยกลิ่นคาวเลือด
เขานึกไม่ถึงเลยว่าหงเหมยที่เขาโปรดปรานมาโดยตลอดจะแทงเขาจนเกือบตายเช่นนี้
เมื่อได้ยินว่าหงเหมยมาที่เมืองลั่วหง องค์รัชทายาทคิดว่าไป๋ชิงเหยียนเป็นคนส่งนางมาเพื่อโน้มน้าวให้เขายอมจำนน ทว่า ผู้ใดจะคิดว่าเขายังไม่ได้เข้าไปกอดหรือแสดงความรักต่อนาง นางจะมอบของขวัญวันพบหน้าให้เขาเช่นนี้
ทั้งๆ แววตาที่หงเหมยมองมาที่เขาเต็มไปด้วยความรักแท้ๆ เหตุใดนางจึงแทงดาบเข้าที่อกของเขาในเวลาเพียงชั่วพริบตาเช่นนั้น เหตุใดสีหน้าของนางจึงแปรเปลี่ยนเป็นพร้อมตายไปกับเขาเช่นนี้กัน
ความแค้นยิ่งใหญ่ใดจึงทำให้นางแทงเขาเช่นนี้กัน!
ตอนนี้หงเหมยเสียชีวิตไปแล้ว ถามหาเหตุผลต่อไปก็คงไม่มีประโยชน์อันใด
ทว่า องค์รัชทายาทยังไม่อยากตาย หากเขาไม่กลัวตายจริงๆ ตอนนั้นเขาก็คงไม่คุกเข่าขอร้องเหลียงอ๋องอย่างไร้ศักดิ์ศรีเช่นนั้น
ทว่า องค์รัชทายาทยังไม่ได้คิดว่าเมื่อหนีออกไปแล้วเขาจะทำเช่นไรต่อไป
เขาไม่มีเงินพอที่จะจ้างองครักษ์ลับเหล่านี้ต่อไป เขาอาจต้องให้ฉินซ่างจื้อและองครักษ์ลับเหล่านี้เลี้ยงดูเขาไปตลอดชีวิต ทว่า ทหารและองค์รักษ์ลับเหล่านี้จะยินดีรับใช้เขาต่อไปอย่างนั้นหรือ
องค์รัชทายาทก้มมองเครื่องประดับที่ติดอยู่ที่เอว บางทีนี่อาจพอมีราคาอยู่บ้าง ทว่า ไม่รู้ว่าจะพอใช้ได้นานสักเท่าใด
องค์รัชทายาทนึกไม่ถึงเลยว่าสุดท้ายแล้วผู้ที่ไม่ทอดทิ้งเขาไปที่ใดจะเป็นฉินซ่างจื้อ…คนที่เขาเคยช่วยฟางเหล่ากดเอาไว้ไม่ให้เด่นกว่า
ฟางเหล่าจงรักภักดีต่อเขาเช่นเดียวกัน เมื่อนึกถึงสภาพที่แทบดูไม่ได้ของฟางเหล่า องค์รัชทายาทขนลุกซู่ขึ้นมาทันที
ส่วนเริ่นซื่อเจี๋ย…ไม่รู้ว่าเขาเป็นตายร้ายดีเช่นไรบ้าง องค์รัชทายาทไม่ได้ข่าวคราวของเขาแม้แต่น้อย
มีเพียงฉินซ่างจื้อที่เดิมทีได้รับมอบหมายให้มาควบคุมการซ่อมแซมเขื่อนกว่างเหอเท่านั้นที่ปกป้องเขาด้วยชีวิต
ไตร่ตรองอยู่ครู่ใหญ่ ในที่สุดองค์รัชทายาทก็ตัดสินใจได้ “ไม่หนีไปทางตะวันตกแล้ว พวกเราจะไปที่ค่ายทหารของต้าโจว ฉินเซียนเซิง เจ้าจงไปบอกองค์หญิงเจิ้นกั๋วว่าเรายอมจำนนแล้ว!”
หวังว่าไป๋ชิงเหยียนจะเห็นแก่ความสัมพันธ์ที่ผ่านมายอมให้ท่านหมอหงรักษาบาดแผลให้เขา ไม่แน่เขาอาจรอดชีวิต
ฉินซ่างจื้อได้ยินเช่นนี้จึงตกตะลึงมาก “องค์ชาย!”
“ข้าอาจไม่รอดแล้ว!” องค์รัชทายาทเงยหน้ามองไปทางฉินซ่างจื้อ จากนั้นแสร้งกล่าวอย่างมีสำนึก “พวกเจ้าล้วนเป็นบุรุษที่ดีของแคว้นต้าจิ้น เหตุใดต้องสละชีพเพื่อคนที่ใกล้จะตายอย่างข้าด้วย ไปหาองค์หญิงเจิ้นกั๋วเถิด ด้วยนิสัยขององค์หญิงเจิ้นกั๋ว หากพวกเจ้าตามข้าไปยอมจำนน พวกเจ้าไม่มีทางเป็นอันตรายถึงชีวิตแน่นอน นางไม่มีทางสังหารพวกเจ้าแน่ พวกเจ้ายังหนุ่ม ยังมีหนทางข้างหน้าอีกยาวไกล แคว้นต้าจิ้นดับสูญแล้วก็ปล่อยให้มันดับสูญไปเถิด…”
ฉินซ่างจื้อเชื่อใจเขามาโดยตลอด เขาคง…จับพิรุธไม่ได้กระมัง
เป็นดั่งที่องค์รัชทายาทคิดไว้ ฉินซ่างจื้อและทหารของฉินซ่างจื้อไม่คิดว่าองค์รัชทายาทจะกล่าวถ้อยคำเช่นนี้ออกมา ในสายตาของพวกเขาองค์รัชทายาทเห็นแก่ประโยชน์ส่วนตัวไม่แตกต่างจากจักรพรรดิต้าจิ้นแม้แต้น้อย หรือเป็นเพราะใกล้ตายแล้วเขาถึงสำนึกได้อย่างนั้นหรือ
ฉินซ่างจื้อและทหารเหล่านั้นไม่ได้สนิทสนมกับองค์รัชทายาทอย่างลึกซึ้ง แม้แต่องครักษ์ลับของราชวงศ์ก็ปกป้ององค์รัชทายาทตามคำสั่งและสัญชาตญาณที่เคยทำมาเท่านั้น แม้พวกเขาจะถูกปลูกฝังมาตั้งแต่เล็กว่าให้จงรักภักดีต่อราชวงศ์ ทว่า พวกเขาทนทรมานใช้ชีวิตอยู่โดยไม่มีเงินไปวันๆ ไม่ได้หรอก!
องค์รัชทายาทกลัวว่าฉินซ่างจื้อ เหล่าทหารและองครักษ์ลับจะทนใช้ชีวิตอย่างยากลำบากไม่ไหวจนตัดสินใจตัดศีรษะของเขาไปให้ไป๋ชิงเหยียน
ฉินซ่างจื้อยังไม่เท่าใดนัก ทว่า องครักษ์ลับที่จงรักภักดีต่อราชวงศ์เหล่านั้นจะจงรักภักดีต่อเขาในตอนที่เขามีเงินเพียงพอที่จะจ้างพวกเขาเท่านั้น
องค์รัชทายาทอยู่ในราชวงศ์มานาน เขาจะไม่รู้จักนิสัยของคนเหล่านี้อย่างนั้นหรือ
แทนที่จะถูกตัดศีรษะอย่างน่าสมเพชในตอนนั้น มิสู้ยอมจำนนเองในตอนนี้ดีกว่า ไป๋ชิงเหยียนอาจเห็นแก่ความเมตตาที่เขาเคยมีต่อนางก่อนหน้านี้ นางคงไม่บีบคั้นเขามากเกินไปนัก
องค์รัชทายาทได้ยินเรื่องขององค์ชายสามแห่งแคว้นต้าเหลียงที่ยอมจำนนแล้ว ไป๋ชิงเหยียนแต่งตั้งเขาเป็นถึงอ๋อง ให้เขามีชีวิตอยู่อย่างสุขสบายไปตลอดชาติ นั่นก็มากเพียงพอแล้ว
เมื่อตัดสินใจได้ องค์รัชทายาทกุมบาดแผลที่ยังมีเลือดซึมแน่น “ไปเถิด อย่ามัวเสียเวลาอีกเลย ไปหาองค์หญิงเจิ้นกั๋วกัน!”
ไม่นานชาวบ้านในเมืองลั่วหงก็ถูกอพยพหนีออกไปหมด หลินคังเล่อนำทหารไปช่วยดับไฟอย่างขะมักเขม้น ร่างทั้งร่างเปื้อนเขม่าไฟราวกับเพิ่งออกมาจากเตาถ่าน
หลินคังเล่อใช้แขนปาดเหงื่อบนใบหน้าทิ้ง ใบหน้าที่เปื้อนคราบดำถูกเช็ดออกเผยให้เห็นใบหน้าครึ่งซีกที่แดงก่ำจากไอร้อนของเปลวเพลิง มือของเขาสั่นเทาไม่หยุด เขาเงยหน้ามองเปลวเพลิงที่ลอยขึ้นสู่ท้องฟ้า ถอนหายใจอยู่ในใจว่าเปลวเพลิงลุกโหมหนักเกินไป
“เหลียงอ๋องคนสารเลว เป็นบ้าไปแล้วหรืออย่างไรถึงได้จุดไฟมากเพียงนี้…” หลินคังเล่อเหงื่อท่วมตัว เขากำถังน้ำในมือแน่นแล้วหันไปถาม “แน่ใจว่าชาวบ้านอพยพออกมาหมดแล้วใช่หรือไม่”
“รายงานท่านแม่ทัพ พาชาวบ้านหนีออกมาหมดแล้วขอรับ! พวกเราค้นกันหลายรอบแล้ว แน่ใจว่าไม่มีชาวบ้านหลงเหลืออยู่ด้านในแล้วขอรับ!” ทหารที่เหงื่อท่วมตัวคนหนึ่งวิ่งเข้ามาอย่างเหนื่อยหอบ เขามองดูใบหน้าที่แดงก่ำของหัวหน้าตัวเองจากนั้นเอ่ยตอบเสียงดังลั่น
“ดี! ให้ทุกคนแยกย้ายได้!” หลินคังเล่อโยนถังน้ำในมือทิ้ง จากนั้นตะโกนลั่น
เหล่าทหารเสียสละกันมากพอเพื่อหยุดยั้งกองเพลิงในครั้งนี้แล้ว ขอเพียงอพยพชาวบ้านหนีออกจากเมืองได้หมดแล้ว พวกเขาก็ไม่จำเป็นต้องยืนหยัดต่อไปอีก
ชีวิตคนสำคัญกว่าสิ่งก่อสร้างเหล่านี้มากนัก เมืองลั่วหงถูกเผาไปแล้วยังสามารถสร้างขึ้นมาใหม่ได้ ทว่า หากคนเสียชีวิตลง ทุกอย่างก็จบสิ้นแล้ว
บัดนี้เฉวียนอวี๋ที่ถูกตัดขานอนสลบอยู่ในค่ายทหารนอกเมืองลั่วหง หมอหงสั่งให้คนป้อนยาเฉวียนอวี๋ เขาได้รับรายงานว่าองค์หญิงใหญ่ถูกยาพิษ ทว่า ยังไม่ทันถามรายละเอียดก็ถูกทหารลากตัวไปรักษาองค์หญิงใหญ่เสียก่อน
หมอหงเห็นสีปากขององค์หญิงใหญ่จึงเขาไปตรวจชีพจรให้นาง จากนั้นสีหน้าของเขาเปลี่ยนไปทันที เขาเงยหน้ามองไปทางไป๋ชิงเหยียน