สตรีแกร่งตระกูลไป๋ - ตอนที่ 941 หนทางการเป็นจักรพรรดิ
ตอนที่ 941 หนทางการเป็นจักรพรรดิ
กองกำลังรักษาพระองค์ในชุดเกราะสีสดใสทยอยเดินเข้าไปในประตูอู่เต๋อ พวกเขามุ่งหน้าไปยืนเรียงแถวตามพรมแดงทั้งสองข้างที่ทอดยาวขึ้นไปบนบันไดตำหนักใหญ่เพื่อต้อนรับรถม้าของไป๋ชิงเหยียน
เหล่าทหารพากันคุกเข่าข้างหนึ่งลงบนพื้นเมื่อรถม้าของไป๋ชิงเหยียนเคลื่อนผ่าน เสียงเกาะเหล็กกระทบกันดังขึ้นอย่างพร้อมเพรียง เป็นภาพที่ดูทรงพลังมาก
เมื่อบรรดาขุนนางสำคัญที่นำโดยหลู่เซียงซึ่งแบ่งกันยืนอยู่สองฝั่งของพรมแดงได้ยินเสียงเครื่องดนตรีดังขึ้น พวกเขาจึงรีบจัดหมวกขุนนางของตัวเองให้เรียบร้อย จากนั้นเดินตามหลู่เซียงไปรอต้อนรับจักรพรรดินีแห่งต้าโจวที่ประตูอู่เต๋อ
ภายในวังหลวงเต็มไปด้วยเสียงกลองและเสียงแตรดังสนั่น สีหน้าของบรรดาทหารกองทัพไป๋ที่ยืนชูธงเฮยฟานไป๋หมั่งขึ้นสูงอยู่ทางด้านหลังเหล่าขุนนางดุดัน ไอสังหารแผ่รอบกาย พวกเขาคือทหารดุดันผู้กล้าอย่างแท้จริง
บรรดาทูตของแคว้นต่างๆ ยืนต่อจากขุนนางของต้าโจวอยู่ตรงพรมแดงท่ามกลางแสงอาทิตย์ที่เรืองรอง พวกเขามองดูรถม้าของไป๋ชิงเหยียนค่อยๆ เคลื่อนตัวเข้ามาในประตูอู่เต๋อ ร่างในชุดราชพิธีกุ่นเหมี่ยนสีดำของไป๋ชิงเหยียนเดินลงมาจากรถม้าช้าๆ
“ฝ่าบาททรงพระเจริญหมื่นปี ต้าโจวจงเจริญรุ่งเรื่องหมื่นปี!”
“ฝ่าบาททรงพระเจริญหมื่นปี ต้าโจวจงเจริญรุ่งเรื่องหมื่นปี!”
“ฝ่าบาททรงพระเจริญหมื่นปี ต้าโจวจงเจริญรุ่งเรื่องหมื่นปี!”
บรรดาทหารกองทัพไป๋ทุกคนต่างคุกเข่าตะโกนอวยพรไป๋ชิงเหยียนท่ามกลางธงเฮยฟานไป๋หมั่งที่สะท้อนแสงแดดเรืองรองและสะบัดพลิ้วไปมาตามแรงลม เสียงตะโกนของเหล่าทหารดังกระหึ่มแข่งกับเสียงกลอง ยิ่งทำให้พิธีครั้งนี้ดูทรงพลัง ยิ่งใหญ่สะท้านฟ้าและดังก้องไปทั่วทั้งเมืองหลวงจนผู้คนรู้สึกหวั่นเกรงขึ้นมาทันที
หลู่เซียงนำบรรดาขุนนางทุกคนทำความเคารพไป๋ชิงเหยียนเช่นเดียวกัน “ขอแสดงความยินดีกับฝ่าบาท ขอให้ฝ่าบาททรงพระเจริญหมื่นปี ต้าโจวเจริญรุ่งเรืองหมื่นปีพ่ะย่ะค่ะ!”
บรรดาทูตของแคว้นต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นอ๋องเก้าผู้สูงศักดิ์มู่หรงเหยี่ยน เหยียนอ๋องหลี่จือเจี๋ยแห่งซีเหลียงหรืออ๋องหน้ากากผีแห่งหรงตี๋ต่างทุบอก ยกหมัดคารวะและโค้งศีรษะคำนับตามประเพณีของแต่ละแคว้น
ไป๋ชิงเหยียนจับมือไป๋ชิงเจวี๋ยเดินลงมาจากรถม้า สายตาของหญิงสาวหยุดอยู่ที่ร่างของไป๋ชิงอวี๋ซึ่งสวมหน้ากากอยู่ในชุดประจำแคว้นของหรงตี๋ที่กำลังก้มศีรษะคำนับนาง จากนั้นกวาดสายตามองไปทางอ๋องเก้าแห่งต้าเยี่ยนที่สวมหน้ากากเช่นเดียวกัน สุดท้ายสายตาของนางหยุดอยู่ที่ร่างของเซียวหรงเหยี่ยนซึ่งยืนอยู่ทางด้านหลังของอ๋องเก้าแห่งต้าเยี่ยน
สองสายตาประสานกัน เซียวหรงเหยี่ยนมองไปทางไป๋ชิงเหยียนยิ้มๆ พลางพยักหน้าให้หญิงสาวเล็กน้อย
หลี่จือเจี๋ยผู้มีใบหน้างดงามเงยหน้ามองไปบนหลังคากระเบื้องของตำหนักใหญ่ที่ถูกแสงแดดส่องกระทบจนเป็นสีทองอร่ามนิ่ง ไม่รู้ว่าไป๋สุ่ยอ๋องเตรียมการไปถึงขั้นไหนแล้ว
ภายในตำหนักใหญ่
เมื่อไป๋จิ่นซิ่วที่สวมชุดเกราะและพกดาบอยู่ข้างกายได้ยินเสียงแตรและเสียงกลองดังขึ้น สีหน้าของหญิงสาวเคร่งขรึมลงทันที หญิงสาวเก็บดาบชิงเฟิงเข้าฝักตามเดิม จากนั้นเช็ดคราบเลือดที่ติดอยู่บนใบหน้าออกด้วยสีหน้าเรียบเฉย ไอสังหารเต็มเปี่ยม
กองกำลังรักษาพระองค์และกองทัพไป๋จัดการสังหารมือสังหารที่ไป๋สุ่ยอ๋องสั่งให้แฝงตัวเข้ามาในวังหลวงจนเกลี้ยงแล้ว
บัดนี้ทหารของกองกำลังรักษาพระองค์และกองทัพไป๋กำลังลากศพของมือสังหารเหล่านั้นออกไปจากตำหนักใหญ่และเก็บกวาดร่องรอยต่อสู้ให้เรียบร้อย
ไป๋สุ่ยอ๋องที่สวมชุดจักรพรรดิถูกมัดตัวแน่น ปากถูกอุดด้วยผ้าขี้ริ้ว ดาบจ่อไปที่คอจนเขาตัวสั่นเทาด้วยความหวาดกลัว
เขานึกไม่ถึงเลยว่าเรื่องทุกอย่างจะเป็นเช่นนี้ เขาเตรียมการไว้พร้อมหมดแล้วแท้ๆ นึกไม่ถึงเลยว่าตัวเองจะถูกทหารกองกำลังรักษาพระองค์ทรยศเช่นนี้!
ทว่า เขายังไม่ได้พ่ายแพ้อย่างราบคาบ กองทัพใหญ่ของอ๋องทั้งห้ารอจังหวะโจมตีอยู่ที่นอกเมืองหลวงแล้ว!
ถึงแม้จะคิดเช่นนี้ ทว่า ไป๋สุ่ยอ๋องก็ยังรู้สึกหวาดกลัวอยู่ดี
มือสังหารยอดฝีมือของซีเหลียงและคนยอดฝีมือจากยุทธภพที่เขาจ้างมาถูกกองทัพไป๋จัดการอย่างง่ายดายเพียงนี้เลยหรือ
กองทัพไป๋เหล่านี้ล้วนเป็นคนของค่ายหู่อิงแห่งกองทัพไป๋ทั้งหมดเลยอย่างนั้นหรือ
ไป๋จิ่นซิ่วหันไปมองไป๋สุ่ยอ๋องด้วยแววตาเย็นชา หญิงสาวเห็นไป๋สุ่ยอ๋องที่ตัวสั่นเทาด้วยความหวาดกลัวมองสบตานางอย่างไม่คิดยอมแพ้
ทหารทำความสะอาดตำหนักใหญ่เสร็จเรียบร้อยแล้ว ทว่า กลิ่นคาวเลือดยังคงมีอยู่
ไป๋จิ่นซิ่วหันหลังออกคำสั่ง “เปิดประตู!”
กองกำลังรักษาพระองค์ที่เฝ้าอยู่นอกตำหนักเปิดประตูหกบานของตำหนักใหญ่ออก ตอนที่ไป๋จิ่นซิ่วเดินนำทหารค่ายหู่อิงจำนวนห้าสิบนายออกมาจากตำหนักใหญ่ หลี่จือเจี๋ยก็รู้ในทันทีว่าไป๋สุ่ยอ๋องพ่ายแพ้แล้ว…
ไป๋จิ่นเซ่อในชุดเกราะสีเงินเดินนำทหารค่ายหู่อิงลงมาจากด้านซ้ายของบันไดหยกสูง จากนั้นพาทหารค่ายหู่อิงไปยืนคุ้มกันอยู่ทางด้านหลังไป๋ชิงเหยียน
ไป๋ชิงเหยียนกำดาบแน่นพลางมองไปยังบันไดหยกที่สูงราวกับทอดยาวไปบนสวรรค์นิ่ง จากนั้นเดินตรงไปอย่างมั่นคง
ขันทีเล็กที่ถือพัดขนนกซึ่งเป็นสมบัติล้ำค่าของราชวงศ์เดินตามหลังไป๋ชิงเหยียนไปติดๆ ไป๋จิ่นซิ่ว ไป๋ชิงเจวี๋ย ไป๋จิ่นเจาและไป๋จิ่นหวานำกองทัพไป๋เดินตามหลังไป๋ชิงเหยียนไปไม่ห่าง หลู่เซียงนำบรรดาขุนนางที่แบ่งออกเป็นสองแถวเดินตามไป๋ชิงเหยียนเข้าไปในตำหนักใหญ่ที่สะท้อนแสงสีทองเรืองรองอย่างเอิกเกริกท่ามกลางแสงอรุณและเสียงบรรเลงดนตรี
ไป๋ชิงเหยียนเงยหน้ามองดูบันไดสูงที่สะท้อนแสงสีทองแสบตาตรงหน้า หญิงสาวนึกถึงนามรอง ‘หมิงซาน[1]’ ที่ท่านปู่เคยคิดตั้งให้นางขึ้นมาได้ ใบหน้าของหญิงสาวเต็มไปด้วยรอยยิ้ม
ท่านปู่กล่าวว่าเมื่อแคว้นเจริญรุ่งเรือง ทุกที่จะเต็มไปด้วยเสียงร้องของเหล่านก นี่คือเหตุผลที่ท่านปู่อยากตั้งนามรองให้นางเช่นนี้
ท่านปู่กล่าวว่าขอเพียงวันหน้านางไม่ติดอยู่แต่ในเรือนหลัง นางจะต้องเป็นวีรสตรีในยุคสมัยที่มีแต่ความวุ่นวาย ต้องสร้างชื่อเสียงในสนามรบในฐานะสตรีได้ ต้องกลายเป็นแม่ทัพที่คนรุ่นหลานของตระกูลไป๋เคารพนับถือและเอาเป็นแบบอย่าง ต้องเป็นสตรีที่โดดเด่นที่สุดในจวนเจิ้นกั๋วกงและแคว้นต้าจิ้นได้อย่างแน่นอน!
บัดนี้ไป๋ชิงเหยียนตั้งชื่อแคว้นใหม่ว่าต้าโจว ระหว่างทางในการเป็นจักรพรรดินีนี้ นางไม่รู้ว่าตนเองจะกลายเป็นสตรีที่โดดเด่นที่สุดได้หรือไม่ นางหวังเพียงว่านางจะไม่กลายเป็นหลานสาวที่ทำให้ท่านปู่ต้องผิดหวัง
ท่านปู่เคยกล่าวว่าทายาทตระกูลไป๋ต้องมีความเมตตาต่อชาวบ้านถึงจะสามารถทำให้ปณิธานในการรวบรวมใต้หล้าให้เป็นหนึ่งสำเร็จได้
นางได้รับคำสั่งสอนจากท่านปู่มาตั้งแต่เล็ก แม้ท่านปู่จะไม่เคยสอนหนทางในการเป็นจักรพรรดิให้นาง ทว่า ท่านกลับปลูกฝังให้นางมีใจอยากขึ้นครองราชย์เป็นจักรพรรดิ
ผู้ที่รักและเมตตาชาวบ้านทั่วใต้หล้าถึงจะสามารถเป็นที่หนึ่งในใต้หล้าได้
บ้านเมืองสงบสุข ใต้หล้ามีแต่สันติสุข
นี่คือความปรารถนาของคนตระกูลไป๋ทุกรุ่น
การรวบรวมใต้หล้าให้เป็นหนึ่งคือปณิธานของบรรพบุรุษตระกูลไป๋
สนับสนุนจักรพรรดิที่ทรงคุณธรรม ขยายอาณาเขตให้กว้างไกล ชาวบ้านมั่งคัง ทหารแข็งแกร่ง เช่นนี้จึงจะรวบรวมใต้หล้าให้เป็นหนึ่งได้
สิ่งที่ตระกูลไป๋ทุกรุ่นทำต่อกันมา ไป๋ชิงเหยียนจะยอมแพ้ไม่ได้เด็ดขาด
ไป๋ชิงเหยียนจะขึ้นครองบัลลังก์แห่งนี้พร้อมกับปณิธานของตระกูลไป๋ หญิงสาวจะปกป้องทุกคนในตระกูลไป๋ สานต่อปณิธานของบรรพบุรุษที่ยังทำไม่สำเร็จให้กลายเป็นจริงให้ได้
ไม่ว่าหนทางข้างหน้านี้จะลำบากสักเพียงใด ไป๋ชิงเหยียนสาบานว่าจะทำมันให้สำเร็จให้ได้
ได้แต่หวังว่าบรรพบุรุษไป๋ ท่านปู่ ท่านพ่อและท่านอาที่อยู่บนสวรรค์จะคุ้มครองให้คุณชายตระกูลไป๋และกองทัพไป๋กลับมาร่วมเป็นสักขีพยานในเหตุการณ์วันนี้ไปด้วยกัน!
ไป๋ชิงเหยียนเดินขึ้นบันไดสูงไปเรื่อยๆ บรรดาทหารที่คุ้มกันอยู่สองฝั่งของบันไดพากันคุกเข่าคำนับทันทีที่หญิงสาวเดินผ่าน
ไป๋ชิงเหยียนก้าวขึ้นไปบนบันไดขั้นสุดท้ายที่มีพรมแดงปูทับอยู่ จากนั้นหันกลับไปมองบรรดาขุนนางและชาวบ้าน
ดวงอาทิตย์แรกของวันลอยเด่นอยู่กลางท้องฟ้าสูง แสงแดดส่องกระทบจนเงาของกำแพงวังหลวงทอดยาวไปไกล แสงสีทองของดวงอาทิตย์สาดส่องลงบนหลังคากระเบื้องทุกหลังคาในเมืองหลวงจนเมืองทั้งเมืองดูมีสีสันสดใสและมีชีวิตชีวาขึ้นมาทันที
บรรดาขุนนางและชาวบ้านเงยหน้ามองร่างของไป๋ชิงเหยียนซึ่งยืนอยู่บนบันไดสูงที่ถูกแสงแดดสาดส่องจนราวกับเปล่งแสงสีทองออกมาจากร่าง พวกเขาคุกเข่าลงทันทีที่ขันทีตะโกนขึ้น เสียงตะโกนอวยพรจักรพรรดินีแห่งต้าโจวดังสนั่นไปทั่วทั้งเมืองหลวง
[1] หมิงซาน เสียงร้องอันไพเราะของนก
—————————————–