สตรีแกร่งตระกูลไป๋ - ตอนที่ 959 ถือโอกาสทำให้สำเร็จ
ตอนที่ 959 ถือโอกาสทำให้สำเร็จ
ทั้งๆ ที่ไม่เคยมีประสบการณ์มาก่อน ทว่า ไป๋ชิงเหยียนรู้ว่าเซียวหรงเหยี่ยนกำลังอดทนกับสิ่งใดอยู่ หญิงสาวรู้สึกประหม่า รู้สึกหวาดกลัวกับประสบการณ์ที่ไม่เคยพานพบมาก่อนเช่นนี้
ทว่า ไป๋ชิงเหยียนไม่เคยหวาดกลัวที่จะคบหากับเซียวหรงเหยี่ยนอย่างจริงจัง
นางไม่เคยสงสัยในความรู้สึกของเซียวหรงเหยี่ยนที่มีต่อนาง นางรู้ดีว่านอกจากเซียวหรงเหยี่ยนแล้ว ใจของนางไม่มีที่ว่างให้บุรุษคนใดอีก ถึงแม้นางจะรู้ว่าตอนนี้พวกนางยังไม่สามารถแต่งงานกันได้ ทว่า เมื่อรวบรวมใต้หล้าให้เป็นหนึ่งได้สำเร็จ พวกนางจะแต่งงานกันแน่นอน ทว่า นางไม่รู้ว่าเมื่อใดใต้หล้าจึงจะรวมเป็นหนึ่งได้สำเร็จ
พวกนางแยกจากกันมากกว่าอยู่ด้วยกัน ดังนั้นไป๋ชิงเหยียนไม่อยากให้หนังสือสมรสใบเดียวขวางกั้นนางกับเซียวหรงเหยี่ยน นางอยากทำตามเสียงหัวใจของตัวเอง ถือโอกาสนี้อยู่กับเซียวหรงเหยี่ยนให้ได้มากที่สุด
คำสารภาพของไป๋ชิงเหยียนทำให้อารมณ์ที่เซียวหรงเหยี่ยนพยายามระงับไว้แทบจะพลุ่งพล่านออกมา
หญิงสาวกระชับวงแขนที่โอบรอบคอเซียวหรงเหยี่ยนแน่นขึ้น ใบหน้าและใบหูแดงก่ำราวกับมะเขือเทศสุก หญิงสาวประทับริมฝีปากลงบนริมฝีปากของเซียวหรงเหยี่ยนอีกครั้ง
เซียวหรงเหยี่ยนอดทนไม่ไหวอีกต่อไป ชายหนุ่มปลดกระดุมไข่มุกที่เข็มขัดของตัวเองออกโดยไม่ได้ผละริมฝีปากออกห่างจากไป๋ชิงเหยียนแม้แต่น้อย…
ไข่มุกกระทบโดนตะขอทองแดงที่ใช้สำหรับเกี่ยวผ้าม่านในตำหนักใหญ่ เสียงไข่มุกหล่นลงบนพื้นดังขึ้นเล็กน้อย ผ้าม่านที่แขวนอยู่บนตะขอทองแดงถูกปลดลงช้าๆ ทีละชั้นจนปกคลุมภายในตำหนักอย่างแน่นหนา
ควันจากกระถางธูปหอมที่สูงประมาณเอวคนลอยขึ้นไปกลางอากาศพลางส่งกลิ่นหอมอบอวล ลมหนาวซึ่งไม่รู้พัดมาจากที่ใดพัดเข้ามาตามรูหน้าต่างจนตะเกียงดอกบัวสามสิบสองแฉกในตำหนักดับลงชั่วขณะ จากนั้นลุกพรึบขึ้นอีกครั้ง เปลวไฟและผ้าม่านผืนบางแต่ละชั้นในตำหนักสะบัดเล็กน้อยตามแรงลม ช่างเป็นภาพที่งดงามมีชีวิตชีวาราวกับดอกไม้ตูมที่กำลังแบ่งบานกลางสายลม
ไป๋ชิงเหยียนตื่นขึ้นมาอีกครั้งพบว่าตัวเองนอนอยู่บนเตียงไม้ถานมู่สีดำ หญิงสาวแหวกผ้าม่านที่บังเตียงออก มองไปทางหน้าต่างจึงเห็นว่าท้องฟ้ามืดสนิทลงแล้ว เซียวหรงเหยี่ยนที่ปล่อยผมยาวกลางหลังกำลังนั่งตรวจฎีกาแทนไป๋ชิงเหยียนอยู่ที่โต๊ะ
ภายในตำหนักไม่ได้จุดไฟสว่างมาก หญิงสาวเห็นโต๊ะตรงหน้าเซียวหรงเหยี่ยนมีเพียงแสงไฟสีเหลืองนวลอ่อนๆ เท่านั้น
เมื่อได้ยินเสียงสะบัดของผ้าม่านที่เตียง เซียวหรงเหยี่ยนจึงเงยหน้ามองไปทางไป๋ชิงเหยียน จากนั้นจึงลุกขึ้นยืนแล้วแหวกม่านเดินตรงไปหาไป๋ชิงเหยียนยิ้มๆ
เมื่อเห็นไป๋ชิงเหยียนกำลังก้มหน้าผูกเชือกเครื่องแต่งกายของตัวเอง เซียวหรงเหยี่ยนจึงเดินเข้าไปกุมมือหญิงสาวพลางเอ่ยเสียงเบา “ข้าทำให้…”
สองสายตาประสานกัน ใบหน้าของไป๋ชิงเหยียนแดงก่ำ
หญิงสาวซ่อนรอยยิ้มในดวงตาไว้ไม่มิด พยักหน้าพลางเอ่ยถามเซียวหรงเหยี่ยน “ท่านยังไม่ไป…”
“ปิ่นปักผมหล่นแตกแล้ว เครื่องแต่งกายของข้ายับยู่ยี่เพียงนี้ หากเดินออกไปเช่นนี้ อีกไม่นานคงมีข่าวว่าเซียวหรงเหยี่ยนถูกจักรพรรดินีแห่งต้าโจวขืนใจแพร่กระจายออกไปแน่! นี่คือวังหลวงของต้าโจว เยว่สือเข้ามาไม่ได้ ข้าจึงทำได้เพียงรอให้อาเป่าตื่นขึ้นมาสั่งให้คนเตรียมเครื่องแต่งกายชุดใหม่ให้ข้า” เซียวหรงเหยี่ยนจ้องตาไป๋ชิงเหยียนพลางกล่าวยิ้มๆ
ใบหน้าของไป๋ชิงเหยียนแดงก่ำยิ่งกว่าเดิม หญิงสาวทำเพียงก้มหน้ายิ้มๆ
“ไม่สบายตรงที่ใดบ้างหรือไม่ ทนไหวหรือไม่” เซียวหรงเหยี่ยนเอ่ยถามเสียงเบา
เซียวหรงเหยี่ยนไม่มีประสบการณ์เรื่องระหว่างบุรุษและสตรีเช่นนี้เหมือนกัน
เมื่อเกิดอารมณ์จึงยากจะควบคุม เขากลัวว่าไป๋ชิงเหยียนจะได้รับบาดเจ็บ
ไป๋ชิงเหยียนรู้สึกไม่สบายตัวเล็กน้อย ทว่า เพียงเล็กน้อยเท่านั้น ไม่อาจเทียบกับบาดแผลที่ได้จากสนามรบแม้แต่น้อย
หญิงสาวส่ายหน้า “ข้ามิเป็นอันใด ท่านไม่ต้องกังวล”
เซียวหรงเหยี่ยนโอบร่างของไป๋ชิงเหยียนมากอดไว้ในอ้อมกอดราวกับหญิงสาวคือสิ่งล้ำค่าที่สุดในชีวิตของเขา จากนั้นก้มหน้าประทับจูบไปที่หน้าผากของหญิงสาวอย่างแผ่วเบา เขาหลับตาซึมซับความอบอุ่นและสุขสงบเช่นนี้ “หวังว่าพวกเราจะรวบรวมใต้หล้าเป็นหนึ่งได้ในเร็ววัน เช่นนี้ข้าจะได้อยู่เคียงข้างเจ้าทุกวัน ได้โอบกอดเจ้าไว้ในอ้อมกอดเช่นนี้ทุกคืน!”
ไป๋ชิงเหยียนยกแขนโอบรอบเอวหนาของเซียวหรงเหยี่ยน จากนั้นกล่าวเสียงแผ่วเบา “คงอีกไม่นานหรอก…”
“เมื่อครู่มีขุนนางใหญ่มาขอพบเจ้า ข้าให้เว่ยจงปฏิเสธไปก่อน บอกว่าเจ้ากำลังพักผ่อนอยู่…” เซียวหรงเหยี่ยนเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นหลังจากไป๋ชิงเหยียนหลับไปให้หญิงสาวฟัง “ข้าจัดแยกฎีกาให้เจ้าแล้ว ข้าไม่ได้แตะต้องฎีกาสำคัญที่ขุนนางอย่างหลู่ไท่เว่ยส่งมา แค่จัดแยกฎีกาสำคัญและไม่สำคัญออกจากกันให้เจ้าสะดวกขึ้นเท่านั้น”
ไป๋ชิงเหยียนพยักหน้าพลางมองไปที่ชายหนุ่ม “ลำบากท่านแล้ว…”
เซียวหรงเหยี่ยนเดินโอบไหล่ไป๋ชิงเหยียนไปยังโต๊ะฎีกา “ข้าตรวจดูฎีกาเหล่านี้แล้วพบว่าหลู่ไท่เว่ยน่าจะคัดกรองมาแล้วรอบหนึ่ง ทว่า เจ้าเพิ่งขึ้นเป็นจักรพรรดินีองค์ใหม่ พวกเขาจึงยังไม่รู้ว่าเจ้าต้องการจัดการเรื่องทุกอย่างด้วยตัวเองอย่างละเอียดรอบคอบหรือจัดการเพียงเรื่องสำคัญกันแน่ พวกเขาส่งฎีกาที่ต้องรอตัดสินใจทั้งหมดมาให้เจ้า”
เซียวหรงเหยี่ยนแหวกม่านออก จากนั้นเดินโอบไป๋ชิงเหยียนตรงไปด้านหน้า “เจ้าสามารถส่งกองฎีกาที่ข้าคัดแยกไว้บนโต๊ะอีกฝั่งไปให้หลู่ไท่เว่ย ให้เขาส่งไปให้กรมแต่ละกรมเป็นคนตัดสินใจได้ เช่นนี้พวกหลู่ไท่เว่ยจะได้รู้ว่าควรส่งฎีกาประเภทใดมาให้เจ้าตรวจสอบ ฎีกาประเภทใดที่พวกเขาสามารถตัดสินใจเองได้ มิเช่นนั้นหากเจ้าเป็นคนตรวจสอบฎีกาทั้งหมดนี่ เจ้าจะเหนื่อยเกินไป”
เซียวหรงเหยี่ยนติดตามอยู่ข้างกายจีโฮ่วมาตั้งแต่เล็ก เขารู้จักนิสัยและวิธีการของบรรดาขุนนางในราชสำนักเป็นอย่างดี
ทว่า ไป๋ชิงเหยียนไม่เคยเรียนรู้การเป็นจักรพรรดิ ไม่เคยเรียนรู้วิธีรับมือกับขุนนางในราชสำนักมาก่อน หญิงสาวกำลังลองผิดลองถูกอยู่
ไป๋ชิงเหยียนเผชิญกับปัญหาที่เซียวหรงเหยี่ยนกล่าวมาแล้ว เดิมทีหญิงสาวกำลังจะเชิญหลู่ไท่เว่ย ซ่างซูลิ่งเสิ่นจิ้งจง ซื่อจงลิ่งต่งชิงผิงและเสนาบดีทั้งหกกรมมาประกาศเรื่องนี้อย่างเป็นทางการเช่นเดียวกัน
ไป๋ชิงเหยียนหวังว่าขุนนางในราชสำนักของต้าโจวไม่จำเป็นต้องใช้วิธีต่างต่างนานาของตัวเองเดาใจกันเอง ราชสำนักใหม่วิธีการใหม่ หญิงสาวไม่อยากนำวิธีการร้ายๆ ของต้าจิ้นมาใช้กับต้าโจว
จักรพรรดิและขุนนางมีความจริงใจต่อกัน เช่นนี้จะได้ไม่เกิดปัญหาขัดแย้งกันเองภายใน ทุกคนจะได้ร่วมแรงร่วมใจทำเพื่อแคว้น ทำเพื่อชาวบ้านให้ได้มากที่สุด ไป๋ชิงเหยียนอยากให้ทุกคนในราชสำนักสามัคคีปรองดองและทำเพื่อชาวบ้านไปด้วยกัน
เรื่องนี้ง่ายนิดเดียว ขอเพียงนางเป็นแบบอย่างที่ดีให้คนเหล่านี้ นางเชื่อว่าทุกอย่างจะเป็นไปอย่างราบรื่น
ไป๋ชิงเหยียนพยักหน้า จากนั้นกล่าวกับเซียวหรงเหยี่ยน “ไม่ต้องเป็นห่วง ข้ารู้ขอบเขตดี”
ไป๋ชิงเหยียนสั่งให้เว่ยจงนำเครื่องแต่งกายชุดใหม่มาให้เซียวหรงเหยี่ยนเปลี่ยน ระหว่างเปลี่ยนเครื่องแต่งกาย ไป๋ชิงเหยียนสอบถามสถานการณ์ของซีเหลียงในตอนนี้จากเซียวหรงเหยี่ยน
เซียวหรงเหยี่ยนสวมชุดยาว คาดเข็มขัดพลางตอบไป๋ชิงเหยียน “ผูกมิตรกับตระกูลสูงศักดิ์ของซีเหลียงได้ไม่ยาก ทว่า หากต้องการเข้าถึงตัวคนสำคัญของตระกูลนั้นๆ จริงๆ ไม่ใช่เรื่องง่าย โดยเฉพาะหากคิดเข้าหาพวกเขาในฐานะพ่อค้า พ่อค้าของทุกแคว้นล้วนมีฐานะต่ำต้อยเหมือนๆ กัน นอกเสียจากว่าเจ้าจะให้ผลประโยชน์มากพอจนตระกูลสูงศักดิ์เหล่านั้นพอใจ กลับกลายเป็นว่าผูกมิตรกับเชื้อพระวงศ์ของซีเหลียงยังง่ายเสียกว่า”
“ท่านไปมาหาสู่กับตระกูลสูงศักดิ์ของซีเหลียงเหล่านั้นบ้างหรือไม่” ไป๋ชิงเหยียนถาม
เมื่อเห็นรอยคล้ำใต้ตาของไป๋ชิงเหยียน เซียวหรงเหยี่ยนจ้องไปที่ใบหน้าของหญิงสาวนิ่งครู่หนึ่ง จากนั้นเดินไปนั่งข้างกายหญิงสาว เขามองไปทางหญิงสาวพลางถามอย่างจริงจัง “เจ้าถามเพราะกำลังเตรียมตัวทำสงครามกับซีเหลียงหรือต้องการวางแผนสิ่งใดในซีเหลียงกันแน่ หากเพราะต้องการทำสงครามหรือวางแผนสิ่งใดในซีเหลียง เจ้าควรส่งคนที่ไว้ใจได้ไปยังซีเหลียงสักครั้ง”
——————————————–