สตรีแกร่งตระกูลไป๋ - ตอนที่ 988 ไม่กล้าอกตัญญู
ตอนที่ 988 ไม่กล้าอกตัญญู
ไป๋จิ่นถงยิ้มออกมาเล็กน้อย จากนั้นกล่าวอย่างถ่อมตัว
“กระหม่อมเรียนรู้เรื่องพวกนี้มาจากเซียวหรงเหยี่ยนพ่อค้าที่ร่ำรวยอันดับหนึ่งในใต้หล้าพ่ะย่ะค่ะ”
จักรพรรดินีแห่งซีเหลียงชะงักฝีเท้าเล็กน้อย หญิงสาวมองไปทางแสงจันทร์ที่สาดส่องเข้ามาทางรูเล็กที่อยู่เหนือศีรษะ ฝุ่นละอองลอยอยู่กลางอากาศท่ามกลางแสงสีขาวของดวงจันทร์ จักรพรรดินีแห่งซีเหลียงกล่าวขึ้นเสียงเบา “เรารู้จักเจ้ามาระยะหนึ่งแล้ว เราเห็นเจ้าเป็นดั่งสหาย รู้ว่าเจ้าเป็นคนคมในฝัก เจ้ามีหลายสิ่งที่คล้ายคลึงกับเรา เจ้าอายุยังน้อย ทว่า ควบคุมอารมณ์ของตัวเองได้ดี ดูเหมือนเจ้าจะซ่อนความลับที่ยิ่งใหญ่ไว้เบื้องหลัง เรารู้สึกสนใจมาก”
ไป๋จิ่นถงรีบโค้งกายคำนับพลางกล่าวว่าไม่กล้า
จักรพรรดินีแห่งซีเหลียงหัวเราะออกมาเบาๆ
“ชุยเฟิ่งเหนียน ชุยกงสิง เราให้คนไปสืบเรื่องของเจ้าแล้ว! ชุยเฟิ่งเหนียนมีอยู่จริง ออกเดินทางไปทำการค้าทางทะเลจริง” รอยยิ้มบนใบหน้าของจักรพรรดินีแห่งซีเหลียงค่อยๆ จางลง นางวางม้วนไม้ไผ่ลงบนโต๊ะ จากนั้นหมุนตัวกลับไปมองไป๋จิ่นถงด้วยสายตาเย็นชา “ทว่า ชุยเฟิ่งเหนียนคือบุรุษ!”
จักรพรรดินีแห่งซีเหลียงนั่งลงหน้าโต๊ะสี่เหลี่ยม มองไปทางไป๋จิ่นถงด้วยแววตาที่ทรงพลัง
“กงสิง เรื่องมาถึงขั้นนนี้แล้ว เจ้ายังไม่คิดสารภาพความจริงอีกหรือ เจ้าต้องการให้เราตรวจสอบร่างกายของเจ้าในคุกนี่อย่างนั้นหรือ”
ไป๋จิ่นถงยกยิ้มมุมปาก จากนั้นนั่งลงตรงข้ามจักรพรรดินีแห่งซีเหลียง ใบหน้าคมชัดไม่ได้ส่อแววกังวลแม้แต่น้อย หญิงสาวกล่าวเพียง
“ในเมื่อฝ่าบาททรงทราบความจริงแล้ว กงสิงก็จะไม่ปิดบังฝ่าบาทอีก ฝ่าบาททรงเป็นสตรีเช่นเดียวกัน คงทรงทราบดีว่าสตรีต้องอยู่อย่างลำบากเพียงใดในใต้หล้าแห่งนี้”
“เช่นนั้นกงสิง เจ้ามีนามว่าอันใด ครอบครัวของเจ้าอยู่ที่ใด เจ้าบอกเราตามความจริงได้หรือไม่” จักรพรรดินีแห่งซีเหลียงจ้องไปยังไป๋จิ่นถงที่กล้าสบตานางตอบนิ่ง
“ฝ่าบาทหม่อมฉันสกุลชุย นามเฟิ่งเหนียนเพคะ ในเมื่อฝ่าบาททรงคนไปตรวจสอบเรื่องของเฟิ่งเหนียนแล้วฝ่าบาทน่าจะทราบว่าตอนนั้นมารดาของเฟิ่งเหนียนเกือบถูกทิ้งอย่างไร้ความปราณี หากมารดาไม่ได้คลอดเฟิ่งเหนียนที่เป็นบุตรชายออกมา บิดาของหม่อมฉันจะยกย่องเมียลับที่เลี้ยงอยู่นอกจวนขึ้นเป็นภรรยาเอกแทน!” ไป๋จิ่นถงกล่าวขึ้นช้าๆ
“นี่คืเหตุผลที่เฟิ่งเหนียนต้องปลอมกายเป็นบุรุษทั้งๆ ที่เป็นสตรีเพคะ หม่อมฉันปลอมตัวเป็นบุรุษต่อเพื่อไม่ให้กิจการของครอบครัวถูกคนในตระกูลบรรพบุรุษยึดไป ต่อมาหม่อมฉันทำเพื่อสะดวกในการเดินทางไปทำการค้าตามแคว้นต่างๆ เพคะ”
เหตุผลนี้สมเหตุสมผลมาก หากจักรพรรดินีแห่งซีเหลียงจำไม่ผิด ต้าจิ้นให้ความสำคัญกับบุรุษมากกว่าสตรีอย่างรุนแรง สตรีต้องเชื่อฟังคำสั่งของบุรุษโดยไม่มีข้อแม้ ต้าจิ้นแทบไม่มีสตรีที่โดดเด่นอย่างจักรพรรดินีแห่งต้าโจวเลยสักคน
ทว่า จักรพรรดินีแห่งซีเหลียงให้คนไปตามหาคนในตระกูลชุยและพาเข้ามาในวังเพื่อให้พวกเขาได้พบหน้ากันแล้ว ทว่า ชุยเฟิ่งเหนียนไม่รู้จักคนในตระกูลชุย คนในตระกูลชุยยืนยันว่านางไม่ใช่ชุยเฟิ่งเหนียน
ชุยกงสิงกำลังโกหกนางอยู่!
ทว่า จักรพรรดินีแห่งซีเหลียงไม่ได้กล่าวออกไปต่อหน้าชุยกงสิง หญิงสาวจะแสร้งทำเป็นเชื่อในคำกล่าวของชุยกงสิง จากนั้นปล่อยตัวนางออกจากคุก หลังจากนั้นหญิงสาวจะลอบส่งคนไปติดตามความเคลื่อนไหวของลูกน้องของชุยกงสิง กำแพงมีหูประตูมีช่อง กระดาษไม่มีทางห่อไฟได้อยู่แล้ว
“กงสิง เราจะให้โอกาสเจ้าอีกครั้ง บัดนี้ต้าจิ้นเปลี่ยนเป็นแคว้นต้าโจวแล้ว เจ้าเปลี่ยนมาเป็นคนซีเหลียงดีหรือไม่” จักรพรรดินีแห่งซีเหลียงหยั่งเชิง
“ฝ่าบาท มารดาของหม่อมฉันยังอยู่ที่ต้าโจว หม่อมฉันไม่กล้าอกตัญญูต่อนางเพคะ” ไป๋จิ่นถงปฏิเสธอย่างอ้อมๆ
จักรพรรดินีแห่งซีเหลียงพยักหน้า “เอาล่ะ ถือว่าเราระแวงมากไปเองก็แล้วกัน เจ้าถูกขังอยู่ในคุกหลายวันแล้ว ร้านขายเสบียงอาหารกำลังวุ่นวาย เราคงขังเจ้าต่อไปไม่ได้แล้ว เราส่งให้ไปบอกพ่อบ้านของเจ้าให้มารอรับเจ้าที่หน้าคุกหลวงแล้ว ไปเถิด…”
ไป๋จิ่นถงไม่เล่นตัว หญิงสาวลุกขึ้นโค้งกายคำนับจักรพรรดินีแห่งซีเหลียง
“กงสิงขอบพระทัยฝ่าบาทมากเพคะ”
จักรพรรดินีแห่งซีเหลียงโบกมือน้อยๆ เมื่อเห็นไป๋จิ่นถงเดินออกจากคุกไปพร้อมขันที หญิงสาวจึงหันกลับไปมองตำราไม้ไผ่ที่ไป๋จิ่นถงทิ้งไว้บนโต๊ะสี่เหลี่ยมสีดำ หญิงสาวนั่งลงพลางหยิบขึ้นมาอ่านท่ามกลางแสงไฟสลัว จากนั้นกล่าวขึ้นอย่างไม่รีบร้อน
“จับตาดูชุยเฟิ่งเหนียนและลูกน้องคนสนิทข้างกายของนางเหล่านั้นไว้ให้ดี”
“พ่ะย่ะค่ะ!” ขันทีที่ตามจักรพรรดินีแห่งซีเหลียงมาในคุกรับคำ
ไป๋จิ่นถงกำหมัดที่แนบอยู่ข้างกายแน่น หญิงสาวพยายามบังคับฝีเท้าให้เดินออกไปจากคุกที่อับชื้นและมีกลิ่นไม่พึงประสงค์อย่างมั่นคง เมื่อเดินออกมาจากประตูใหญ่ของคุก ลมเย็นด้านนอกพัดโชยกลิ่นสะอาดบริสุทธิ์ที่ไม่เคยสัมผัสในคุกปะจะจมูกของนาง
“คุณชายเฟิ่งเหนียน!” เมื่อเฉินชิ่งเซิงเห็นไป๋จิ่นถงเดินออกมาจึงรีบถลาเข้าไปหาทันที ชายหนุ่มทำความเคารพผู้คุมคุกสองคนที่พาตัวไป๋จิ่นถงออกมายิ้มๆ จากนั้นยื่นถุงเงินหนังวัวให้คนทั้งสอง
“ลำบากพวกท่านแล้ว นี่คือน้ำใจเล็กๆ น้อยๆ รับไว้ไปดื่มน้ำชานะขอรับ”
ผู้คุมคุกรับรู้ถึงน้ำหนักในถุงเงินจึงยิ้มพลางยัดถุงเงินใส่อก เขากล่าวกับเฉินชิ่งเซิง
“เถ้าแก่เฉินเกรงใจเกินไปแล้ว ช่วงนี้เถ้าแก่เฉินมาที่นี่เป็นประจำ ทว่า พวกข้าได้รับคำสั่งจากเบื้องบนไม่ให้แพร่งพรายเรื่องของคุณชายเฟิ่งเหนียน หวังว่าเถ้าแก่เฉินจะไม่ถือสาขอรับ”
“มิเป็นอันใดเลย ท่านท่านสองไปทำงานต่อเถิดขอรับ ข้าจะไปส่งคุณชายของข้ากลับจวนแล้วขอรับ” เฉินชิ่งเซิงยกมือคารวะคนทั้งสองยิ้มๆ จากนั้นประคองแขนของไป๋จิ่นถงเดินลงบันไดไป
ไป๋จิ่นถงก้มหน้ามองบันได หญิงสาวเดินลงบันไดพลางเอ่ยถาม “เจ้าเป็นคนเสนอเรื่องการขึ้นราคาเสบียงอาหารอย่างนั้นหรือ”
“คุณชายขึ้นไปบนรถม้าก่อนเถิดขอรับ พวกเราค่อยกลับไปคุยกันต่อที่จวน…”
เฉินชิ่งเซิงประคองไป๋จิ่นถงลงจากบันไดอย่างนอบน้อม เขาหันไปสื่อให้คนบังคับม้านำเก้าอี้มาวางให้ไป๋จิ่นถงเหยียบขึ้นรถ จากนั้นกำชับเสียงเบาหวิว
“เมื่อคุณชายขึ้นไปบนรถม้าแล้วอย่าตกใจนะขอรับ!”
ไป๋จิ่นถงได้ยินเช่นนี้ใจจึงกระตุกวูบทันที หญิงสาวพยักหน้าพลางเหยียบไปบนเก้าอี้…
รถม้าไม้ประณีตสีทองแดง โคมไฟแขวนอยู่ทั้งสี่มุมของรถม้า วินาทีที่ม่านถูกเปิดออก ไป๋จิ่นถงเห็นบุรุษรูปงามคนหนึ่งนั่งอยู่หน้าโต๊ะน้ำชาตัวเล็ก
แสงสีส้มนวลสาดส่องเข้าไปในตัวรถม้ากระทบลงบนเสื้อสีดำของชายหนุ่มตอนที่ไป๋จิ่นถงแหวกม่านออกจนเห็นใบหน้าของชายหนุ่มชัดเจนมากยิ่งขึ้น เขาใช้นิ้วชี้แนบไปที่ริมฝีปากของตัวเองสื่อให้ไป๋จิ่นถงงเงียบเสียง
วินาทีที่ใบหน้าคมคายและเคร่งขรึมของบุรุษตรงหน้าปรากฏแก่สายตา น้ำตาของไป๋จิ่นถงไหลพรากออกมาทันที
ไป๋จิ่นถงรีบเข้าไปในรถม้าทันทีอย่างไม่กล้าลังเล หญิงสาวคุกเข่าลงตรงหน้าไป๋ชิงฉี น้ำตาไหลพรากออกมาไม่ขาดสาย หญิงสาวพยายามกลั้นเสียงสะอื้นไม่ตัวเองร้องไห้ออกมมา
ไป๋ชิงฉีมองดูไป๋จิ่นถงในชุดบุรุษสง่างามที่คุกเข่าอยู่ตรงหน้าของเขา ดวงตาที่มีรอยยิ้มแดงก่ำ เขาเอื้อมมือไปลูบศีรษะของไป๋จิ่นถงอย่างแผ่วเบา “จิ่นถงโตขึ้นแล้ว นึกไม่ถึงเลยว่าช่วงสามปีที่พี่ไม่อยู่ จิ่นถงจะช่วยเหลือพี่หญิงใหญ่ได้แล้ว”
“พี่ชายสาม…” ไป๋จิ่นถงเริ่มกลั้นสะอื้นไม่อยู่ นางเดาได้ว่าพี่หญิงใหญ่ต้องส่งคนมาช่วยนาง นางเดาว่าพี่หญิงใหญ่อาจส่งพี่หญิงรองมา กระทั่งคิดว่าพี่หญิงใหญ่อาจเสี่ยงอันตรายมาด้วยตัวเอง ทว่า นางนึกไม่ถึงเลยว่าพี่ชายสามจะยังมีชีวิตอยู่และเดินทางมาช่วยนางที่ซีเหลียงเช่นนี้!
นางคิดว่าพี่ชายสามเสียชีวิตไปแล้ว คิดว่าชาตินี้จะไม่ได้เจอพี่ชายสามอีกแล้ว!