สตรีแกร่งตระกูลไป๋ - ตอนที่ 999 แค่จ่ายบรรณาการ
ตอนที่ 999 แค่จ่ายบรรณาการ
จักรพรรดินีแห่งซีเหลียงแต่งกายชุดไม่เป็นทางการเดินทางไปยังที่พักของทูตต้าโจวอย่างกะทันหัน หญิงสาวลงจากหลังม้า ทว่า ยังไม่ทันก้าวเท้าเข้าไปในที่พัก หัวหน้าทหารรักษาพระองค์ขี่ม้าเร็วตามมารายงานว่าหลี่จือเจี๋ยส่งข่าวกลับมาจากต้าโจวแล้ว
หลี่เทียนเจียวชะงักเท้าที่จะก้าวเข้าไปในที่พัก หญิงสาวหยุดยืนนิ่งอยู่หน้าประตูที่พัก จากนั้นเอื้อมไปรับกระบอกไม้ไผ่ที่บรรจุจดหมายไว้ในนั้นมาจากหัวหน้าทหารรักษาพระองค์
หลี่เทียนเจียวเปิดกระบอกไม้ไผ่ออก จากนั้นเทกระดาษหนังแกะแผ่นบางสองแผ่นออกมาจากด้านใน หญิงสาวส่งกระบอกไม้ไผ่คืนให้หัวหน้าทหารรักษาพระองค์ จากนั้นเปิดอ่านเนื้อหาในจดหมายอย่างละเอียดอยู่หน้าที่พักของทูตต้าโจว
เมื่ออ่านจดหมายจบ หลี่เทียนเจียวตกอยู่ในภวังค์ครู่ใหญ่ หัวหน้าทหารรักษาพระองค์เห็นท่าทางของจักรพรรดินีแห่งซีเหลียงจึงเอ่ยถามอย่างระมัดระวัง “ฝ่าบาท เกิดเรื่องอันใดขึ้นกับเหยียนอ๋องหรือพ่ะย่ะค่ะ”
หลี่เทียนเจียวสวมชุดแขนแคบสีอ่อน บนศีรษะประดับด้วยกวาน[1]หยกขาว หญิงสาวเดินเอามือไขว้หลังเข้าไปด้านใน แม้นางจะแต่งกายเหมือนบุรุษรูปงามของตระกูลธรรมดา ทว่า กลับปกปิดบารมีที่น่าเกรงขามไว้ไม่มิด
เมื่อหญิงสาวเดินทางไปถึงนอกโถงรับรองหลัก ไป๋ชิงฉีและไป๋จิ่นถงยืนรอต้อนรับอยู่ก่อนแล้ว แม้ไป๋ชิงฉีจะเริ่มมีผมขาวแทรกบนศีรษะ ทว่า ไม่สามารถปกปิดหน้าตาที่โดดเด่นของเขาได้ ใบหน้าของชายหนุ่มเยือกเย็นและสุขุม ดูสง่างามและลึกลับอย่างไม่สามารถบรรยายออกมาเป็นคำกล่าวได้
หลี่เทียนเจียวมองเห็นไป๋จิ่นถงยืนอยู่ด้านหลังไป๋ชิงฉีหนึ่งก้าว เมื่อไป๋จิ่นถงเห็นนางจึงรีบโค้งกายทำความเคารพ “คารวะฝ่าบาทพ่ะย่ะค่ะ!”
หลี่เทียนเจียวชะงักฝีเท้าเล็กน้อย นางมองไปทางไป๋จิ่นถงแวบหนึ่ง จากนั้นสายตาหยุดอยู่ที่ไป๋ชิงฉี นางไม่แน่ใจว่าไป๋ชิงฉีรู้หรือไม่ว่าชุยเฟิ่งเหนียนคือสตรี
ไป๋ชิงฉีจัดแขนเสื้อของตัวเองเล็กน้อย จากนั้นทำความเคารพหลี่เทียนเจียว “ไม่ทราบว่าฝ่าบาทจะเสด็จมาถึงที่นี่ กระหม่อมต้อนรับไม่พร้อมสรรพ ฝ่าบาทได้โปรดอภัยด้วยพ่ะย่ะค่ะ”
หลี่เทียนเจียวเม้มปากเล็กน้อย จากนั้นเดินขึ้นบันไดเข้าไปในโถงรับรอง
ไป๋ชิงฉียืดตัวตรง หันไปสบตากับไป๋จิ่นถงแวบหนึ่ง จากนั้นเดินตามจักรพรรดินีแห่งซีเหลียงเข้าไปในโถงรับรอง
หลี่เทียนเจียวนั่งลงบนเก้าอี้ด้วยท่าทีองอาจ “นั่งลงเถิด!”
ไป๋ชิงฉีและไป๋จิ่นถงรับคำพลางนั่งลงบนที่นั่งถัดจากหลี่เทียนเจียว
หลี่เทียนเจียวมองไป๋ชิงฉีสลับกับไป๋จิ่นถงอยู่ครู่ใหญ่ จากนั้นจึงกล่าวขึ้น “เรามาที่นี่ตามลำพังในวันนี้เพราะมีเรื่องอยากถามให้แน่ใจ…”
“ฝ่าบาททรงถามมาได้เลยพ่ะย่ะค่ะ” ไป๋ชิงฉีพยักหน้าด้วยท่าทีปกติ
“กงสิง พวกเราเรียกได้ว่าเป็นสหายกัน วันนี้ข้าอยากถามเจ้าว่าเจ้าคือสายลับของต้าจิ้น…” หลี่เทียนเจียวก้มหน้าลงยิ้มๆ สะบัดชายชุดเล็กน้อยเพื่อเปลี่ยนเป็นนั่งไขว่ห้าง วางศอกข้างหนึ่งลงบนที่วางแขนของเก้าอี้ เมื่อเงยหน้าขึ้นมองไป๋จิ่นถงอีกครั้ง แววตาเต็มไปด้วยไอสังหาร “หรือเป็นสายลับที่จักรพรรดิแห่งต้าโจวส่งมาแฝงตัวอยู่ในซีเหลียงนานแล้วกันแน่”
หลี่เทียนเจียวใช้คำว่าข้าไม่ใช่เรา
ไป๋จิ่นถงลุกขึ้นยืนทำความเคารพหลี่เทียนเจียวอีกครั้ง “ฝ่าบาท กระหม่อมเป็นเพียงพ่อค้าคนหนึ่งเท่านั้นพ่ะย่ะค่ะ”
หลี่เทียนเจียวมองไป๋จิ่นถงนิ่ง จากนั้นจึงหันไปถามไป๋ชิงฉี “ทูตของต้าโจวทราบหรือไม่ว่าชุยเฟิ่งเหนียนคือสตรี”
ไป๋ชิงฉีพยักหน้าเล็กน้อย “เมื่อคืนชุยเฟิ่งเหนียนสารภาพความจริงกับกระหม่อมหมดแล้วพ่ะย่ะค่ะ ใต้หล้าแห่งนี้ไม่ยุติธรรมต่อสตรี สตรีไม่สะดวกออกเดินทางไปทำการค้าตามที่ต่างๆ กระหม่อมเข้าใจเรื่องนี้ดีพ่ะย่ะค่ะ”
“นั่นสิ เราลืมไปเลย…” หลี่เทียนเจียวหัวเราะออกมาเบาๆ “ตระกูลนักรบไป๋ไม่เคยดูถูกสตรี มิเช่นนั้นคงไม่มีสตรีที่โดดเด่นอย่างจักรพรรดินีแห่งต้าโจวที่ไม่เคยรบพ่ายแพ้ในสนามรบเลยสักครั้ง”
ในฐานะสตรีด้วยกันหลี่เทียนเจียวรู้เรื่องที่เกิดขึ้นกับตระกูลไป๋ในต้าจิ้น ดังนั้นนางจึงนับถือไป๋ชิงเหยียนมากที่หญิงสาวสามารถประคับประคองตระกูลไป๋ที่เกือบล่มจมให้มีอย่างทุกวันนี้ได้
ทว่า หากกล่าวเรื่องการผลักดันระบอบการปกครองใหม่ ต้าโจวมีอุปสรรคน้อยกว่าซีเหลียงมาก
“เราอยากถามท่านทูตของต้าโจวว่าท่านทราบเรื่องที่คลังเสบียงอาหารของตระกูลทั้งแปดถูกเผาหรือไม่” หลี่เทียนเจียวถามต่อ
ไป๋ชิงฉีพยักหน้า “ลูกน้องของกงสิงมารายงานตั้งแต่เมื่อคืน ทว่า กระหม่อมทราบเพียงว่าเสบียงของตระกูลอวิ๋นและตระกูลตี๋ถูกเผา เหตุนี้กระหม่อมจึงให้กงสิงพักอยู่ที่โรงเตี๊ยมของทูตต้าโจวก่อนพ่ะย่ะค่ะ”
“เช่นนี้แสดงว่าชุยเฟิ่งเหนียนเป็นคนจุดไฟเผาคลังเสบียงอาหารจริงๆ อย่างนั้นหรือ” หลี่เทียนเจียวมองไปทางไป๋จิ่นถง
“ฝ่าบาท…” ไป๋จิ่นถงคำนับจักรพรรดินีแห่งซีเหลียงอีกครั้ง “ลูกน้องของกงสิงทราบเรื่องคลังเสบียงอาหารถูกเผาเพราะค่อนข้างสนิทสนมกับคนของตระกูลอวิ๋นและตระกูลตี๋ พวกเขาทราบที่ตั้งของคลังเสบียงของสองตระกูลและเคยช่วยขนเสบียงไปยังที่นั่น เมื่อคืนคนของตระกูลอวิ๋นไม่เพียงพอ ลูกน้องของกงสิงจึงช่วยขนเสบียงไปยังที่นั่น จากนั้นจึงอยู่ดื่มสุรากับคนเฝ้าเสบียงที่นั่นต่ออีกสักพัก นึกไม่ถึงว่าตอนกลับจะเกิดไฟไหม้ขึ้นอย่างกะทันหัน พวกเขามีกำลังน้อยเกินไป ไฟลุกลามใหญ่โต พวกเขาจึงทำได้เพียงไปขอความช่วยเหลือจากคลังเสบียงของตระกูลตี๋ที่อยู่ใกล้กันที่สุด นึกไม่ถึงว่าคลังเสบียงของตระกูลตี๋จะถูกไฟไหม้เช่นเดียวกัน พวกเขาจึงรีบกลับมารายงาน…”
ไป๋ชิงฉีพยักหน้า “ตอนนั้นพวกเรากำลังจัดงานเลี้ยงกันอยู่ ขุนนางสูงศักดิ์หลายคนของซีเหลียงล้วนอยู่ในงานด้วย ฝ่าบาทสามารถไปถามพวกเขาได้พ่ะย่ะค่ะ ต่อมาเมื่อรู้ข่าวว่าคลังเสบียงอาหารของทั้งแปดตระกูลถูกเผาไหม้หมด เฟิ่งเหนียนกลัวจะถูกลากไปเกี่ยวข้อง กระหม่อมคิดว่าไม่ว่าอย่างไรเฟิ่งเหนียนก็เป็นคนของต้าโจว ในฐานะทูตของต้าโจว กระหม่อมจะปล่อยให้พ่อค้าที่ทำเพียงการค้าธรรมดาถูกลากเข้าไปเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ไม่ได้จึงให้กงสิงอยู่ที่นี่ต่อพ่ะย่ะค่ะ”
หลี่เทียนเจียวหรี่ตาแคบ รอยยิ้มเยือกเย็นลงกว่าเดิม “เช่นนี้หมายความว่าทูตของต้าโจวจะปกป้องชุยเฟิ่งเหนียนอย่างนั้นหรือ”
“แน่นอนพ่ะย่ะค่ะ!” ไป๋ชิงฉีตอบอย่างไม่มีความลังเลแม้แต่น้อย “หากฝ่าบาททรงรู้จักตระกูลไป๋และกองทัพไป๋ ฝ่าบาทน่าจะทรงทราบดีว่าจักรพรรดินีแห่งต้าโจวของกระหม่อมโค่นล้มราชวงศ์เก่าเพราะต้องการปกป้องชาวบ้าน ดังนั้นชาวบ้านของต้าโจวจะถูกแคว้นอื่นรังแกไม่ได้แม้แต่คนเดียวพ่ะย่ะค่ะ!”
คำกล่าวของไป๋ชิงฉีแฝงไปด้วยการข่มขู่ หากจักรพรรดินีแห่งซีเหลียงกล้าแตะต้องชุยเฟิ่งเหนียน ต้าโจวจะไม่ยอมอยู่เฉยๆ แน่นอน
หลี่เทียนเจียวหัวเราะออกมาเบาๆ “ดี ดีมาก หากเราให้ต้าโจวพาชุยเฟิ่งเหนียนกลับไปได้ ต้าโจวกับซีเหลียงจะทำสัญญาเป็นพันธมิตรกันใช่หรือไม่”
หลี่เทียนเจียวหมายความว่าหากต้าโจวไม่ยอมทำสัญญาพันธมิตร ยืนกรานที่จะทำสงครามกับซีเหลียงให้ได้ เช่นนั้นไป๋ชิงฉีและชุยเฟิ่งเหนียนก็ไม่จำเป็นต้องไปจากซีเหลียงแล้ว
บัดนี้ซีเหลียงกำลังอยู่ในอันตราย หลี่เทียนเจียวอยากพยายามครั้งสุดท้าย ถึงแม้จะพ่ายแพ้ นางก็จะยอมรับมัน…
“จักรพรรดินีแห่งต้าโจวของกระหม่อมอยากทำสัญญาพันธมิตรกับซีเหลียงอยู่แล้วพ่ะย่ะค่ะ ทว่า ขึ้นอยู่กับว่าซีเหลียงจะแสดงความจริงใจให้ต้าโจวเห็นได้อย่างไร…” ไป๋ชิงฉีกล่าวเสียงราบเรียบ
“เมืองยี่สิบห้าเมือง…”
“ฝ่าบาท กระหม่อมคิดว่าซีเหลียงยอมเป็นรัฐบรรณาการของต้าโจวคือทางเลือกที่ดีที่สุดพ่ะย่ะค่ะ บัดนี้หรงตี๋จ้องทำสงครามกับซีเหลียง ต้าเยี่ยนรอเพียงครบสัญญาสามปีกับหรงตี๋ พวกเขาจะเข้าร่วมในสงครามนี้ด้วยทันที ซีเหลียงเพียงแคว้นเดียวจะต้านทานพวกเขาไหวหรือพ่ะย่ะค่ะ ดินแดนของซีเหลียงต้องถูกแบ่งออกเป็นส่วนๆ แน่นอนพ่ะย่ะค่ะ” ไป๋ชิงฉีกล่าว
หลี่เทียนเจียวกำหมัดแน่นอย่างเดือดดาลถึงขีดสุด นางพยายามควบคุมโทสะของตัวเอง ทว่า ยังคงควบคุมสีหน้าไม่ได้อยู่ดี “เช่นนี้แตกต่างอันใดกับแคว้นสูญสลายกัน”
“ความแตกต่างก็คือซีเหลียงยังคงอยู่ใต้การปกครองของฝ่าบาท ก็แค่ต้องส่งบรรณาการให้ต้าโจว ยอมเป็นรัฐบรรณาการของต้าโจวเท่านั้น เช่นนี้ชาวบ้านจะได้ไม่ต้องเดือดร้อนเพราะสงคราม…”
[1] กวาน คือสิ่งที่ชนชั้นสูงชาวจีนในสมัยโบราณใช้สวมครอบบนศีรษะ เพื่อเป็นเครื่องบอกยศ เปรียบได้กับรัดเกล้าที่จะสวมครอบรัดมวยผม
โหมดอ่านต่อเนื่อง
**************************************