สลับชะตา ชายามือสังหาร - ตอนที่ 142 เจดีย์เจ็ดชั้น
เธอหยิบหีบใบหนึ่งออกมาจากภายในแหวนเก็บวัตถุ หีบใบนี้เหมือนกันกับหีบที่ใส่เจดีย์จำลอง เธอมองเพียงปราดเดียวก็จำได้แล้ว
เธอเปิดหีบออก ภายในมีเพียงแค่แผ่นเหล็กเล็กๆ แผ่นหนึ่งวางอยู่เท่านั้น เมื่อเห็นแผ่นเหล็ก เธอก็นึกถึงร่องขนาดเล็กที่ฐานเจดีย์เล็กขึ้นมาในทันใด
เธอหยิบเจดีย์เล็กออกมาแล้วพลิกกลับด้านแล้ววางแผ่นเหล็กลงไปด้านบน ก่อนจะเทียบกันดู ก็พบว่าขนาดและรูปร่างล้วนเหมือนกันทั้งสิ้น
เพราะไม่รู้ประโยชน์ของแผ่นเหล็กนี้ ซือหม่าโยวเย่ว์มิได้รีบร้อนใส่แผ่นเหล็กเข้าไป แต่หยิบเจดีย์เล็กขึ้นมาสำรวจก่อน
“นี่คือเจดีย์เจ็ดชั้น” เสียงของหมัวซาดังขึ้น จากนั้นเงาร่างของเขาก็ค่อยๆ ลอยออกมาจากภายในสร้อยข้อมือม่านถัวอย่างช้าๆ
“เจดีย์เจ็ดชั้นหรือ คือสิ่งใดกัน” ซือหม่าโยวเย่ว์ถาม
“เจดีย์เจ็ดชั้นคืออาวุธของผู้แกร่งกล้าในอดีตท่านหนึ่ง ต่อมาหลังจากที่ผู้แกร่งกล้าท่านนั้นตายไปแล้วก็ไม่ทราบหลักแหล่งแน่ชัด ว่ากันว่าเจดีย์เจ็ดชั้นมีอยู่เจ็ดชั้น ทุกชั้นล้วนมีประโยชน์แตกต่างกัน แต่ตอนนี้มีคนรู้จักของสิ่งนี้น้อยนัก และยิ่งไม่มีใครรู้ประโยชน์ของแต่ละชั้นของมันเลย” หมัวซาเหลือบมองหอหนังสือสะสมปราดหนึ่งแล้วเอ่ยว่า “ข้าว่าชั้นแรกน่าจะเป็นคลังเก็บของกระมัง”
“อ้อ” ซือหม่าโยวเย่ว์รับคำเสียงหนึ่งแล้วมองหมัวซาพลางถามว่า “เหตุใดวันนั้นท่านจึงไม่ออกมาเล่า”
หมัวซารู้ว่าเธอหมายถึงวันที่ซือหม่าเลี่ยถูกพาตัวไป และฟังออกว่าเธอตำหนิตนอยู่บ้าง แต่เขาเองก็ไม่คิดจะอธิบาย เพียงแค่พูดอย่างเรียบเรื่อยประโยคหนึ่งว่า “เจ้าอยากให้ผู้อื่นรู้ว่าเจ้ามีความเกี่ยวข้องกับคนเผ่ามารอย่างนั้นหรือ หรือจะบอกว่าตระกูลซือหม่ามีความเกี่ยวข้องกับเผ่ามารดี?”
วาจาเพียงแค่ประโยคเดียวก็ทำให้คำพูดทั้งหมดของซือหม่าโยวเย่ว์ถูกกลืนกลับลงไป
เขาพูดได้ถูกต้อง ถ้าหากเขาออกมาในเวลานั้น ตระกูลซือหม่าคงไม่มีที่ยืนในอาณาจักรตงเฉินอีกต่อไปแล้ว
“ข้าเข้าใจแล้ว ขอโทษด้วย ข้าไม่ควรตำหนิท่านเลย” ซือหม่าโยวเย่ว์พูด
“อันที่จริงตัวเจ้าเองก็รู้ เพียงแต่การให้พวกเขาอยู่ที่นี่ต่อมิใช่วิธีจัดการที่ดีเท่านั้นเอง” อาจเป็นเพราะเห็นเธอรู้สึกไม่ดีนัก หมัวซาจึงปลอบประโลมเธออย่างหาได้ยากยิ่ง
เมื่อนึกขึ้นได้ว่าตั้งแต่เกิดมาตนไม่เคยปลอบประโลมใครมาก่อนเลย ไม่ฆ่าใครทิ้งก็นับว่าดีแล้ว เป็นเพราะการทำพันธสัญญานี้ทั้งนั้น ทำให้เขาเกิดความรู้สึกที่บอกไม่ถูกบางอย่างต่อเธอตลอดเวลา
ซือหม่าโยวเย่ว์เงียบไป เหมือนที่เขาพูด เธอก็รู้ว่าการให้พวกเขาอยู่ต่อเป็นเพียงแค่วิธีการแก้ปัญหาชั่วคราวเท่านั้น พอพวกซือหม่าหลินกลับไปแล้วย่อมต้องส่งคนมาเพิ่มอีก พอถึงเวลา ผลลัพธ์ก็คงไม่ต่างกัน นอกจากนี้การต่อสู้อาจส่งผลกระทบต่อคนบริสุทธิ์อีกด้วย
วิธีการที่ดีที่สุดก็คือพูดเรื่องราวที่เกิดขึ้นตอนนั้นออกมาให้กระจ่าง เมื่อถึงตอนนั้นพวกซือหม่าเลี่ยจึงจะใช้ชีวิตได้อย่างสง่าผ่าเผย
“เจ้าคิดไว้เรียบร้อยแล้วมิใช่หรือว่าอีกสามปีให้หลังจะไปช่วยพวกเขา ในเมื่อเป็นเช่นนี้ มิสู้ยกระดับพลังยุทธ์ให้เร็วที่สุด ดีกว่ามามัวนั่งเสียใจอยู่ที่นี่” หมัวซาพูด
“ข้าเข้าใจ” ซือหม่าโยวเย่ว์พูด เธอรู้ว่าตอนนี้มิใช่เวลาให้ตนมานั่งจ่อมจม เธอถอนหายใจครั้งหนึ่งก่อนจะเบนความสนใจไปยังเจดีย์เล็กตรงหน้าอีกครั้ง “ท่านปู่บอกว่าเขาเองก็ไม่รู้ว่าเจดีย์นี้ใช้ประโยชน์อย่างไร ท่านรู้หรือไม่”
“ข้ารู้!” หมัวซายังไม่ทันเอ่ยวาจา เสียงของเจ้าวิญญาณน้อยก็ลอยมาก่อนเสียแล้ว
ซือหม่าโยวเย่ว์พาหมัวซาเข้ามาในมณีวิญญาณ เมื่อเห็นเจ้าวิญญาณน้อยและหลิงหลงอยู่ด้วยกันจึงถามว่า “เจ้ารู้หรือว่าใช้อย่างไร”
“เคยได้ยินมาน่ะ” เจ้าวิญญาณน้อยพูด “เจดีย์นี้คืออาวุธวิญญาณตั้งแต่สมัยโบราณเนิ่นนานมาแล้ว ถึงแม้ว่าจะสู้ข้ามิได้ แต่ระดับขั้นก็ไม่เบาเลยทีเดียว”
แม้ว่าจะพูดถึงผู้อื่น แต่เจ้าวิญญาณน้อยก็ไม่ลืมที่จะเยินยอตัวเอง
“เช่นนั้นต้องใช้มันอย่างไรหรือ” ซือหม่าโยวเย่ว์ถาม
“ไม่ว่าจะใช้วิธีการใด ของสิ่งนี้ก็ไร้ประโยชน์แล้วล่ะ” เจ้าวิญญาณน้อยพูด
“เพราะเหตุใดเล่า”
“เพราะวิญญาณครวญของมันดับสูญไปแล้วน่ะสิ” เจ้าวิญญาณน้อยพูด “ตอนนี้เจดีย์เล็กที่เจ้าเห็นอยู่นั้นมืดหม่นไร้แสงสว่างเสียแล้ว แสดงว่าวิญญาณครวญไม่อยู่แล้ว”
“วิญญาณครวญของอาวุธวิญญาณก็ดับสูญได้ด้วยอย่างนั้นหรือ” ซือหม่าโยวเย่ว์มองเจ้าวิญญาณน้อยอย่างตกตะลึง “เช่นนั้นเจ้ามีชีวิตอยู่มาหลายแสนหลายล้านปี เหตุใดจึงไม่ดับสูญเล่า!”
“วิญญาณครวญทั่วไปมิอาจดับสูญได้หรอก แต่วิญญาณครวญของเจดีย์เจ็ดชั้นนี้พิเศษยิ่งนัก!” เจ้าวิญญาณน้อยพูด “ก่อนหน้านี้ข้าได้ยินว่าเจดีย์เจ็ดชั้นนี้เป็นสิ่งที่เจ้านายท่านนั้นหลอมขึ้นมาเองกับมือ ขณะที่เขาหลอมได้ใส่วิญญาณของตนเองเข้าไปด้วย ต่อมาเมื่อเขาสิ้นลม วิญญาณส่วนนั้นได้เลือนหายไปอย่างช้าๆ ตามระยะเวลาอันยาวนาน เจดีย์เจ็ดชั้นมิอาจหล่อเลี้ยงวิญญาณได้เหมือนกับข้า”
“เช่นนั้นมันก็ไร้ประโยชน์แล้วน่ะสิ” ซือหม่าโยวเย่ว์ถาม
“ก็คงจะประมาณนั้นแหละ” เจ้าวิญญาณน้อยพูด “อย่างไรก็ตาม คลังเก็บของชั้นแรกคงยังใช้ประโยชน์ได้อยู่ เพียงแต่มิอาจเปิดชั้นบนๆ ทั้งหลายออกมาได้เท่านั้น”
“ไม่มีวิธีอื่นแล้วหรือ” ซือหม่าโยวเย่ว์สิ้นหวังอยู่บ้าง นี่เป็นถึงสิ่งที่ผู้แกร่งกล้ายุคโบราณทิ้งเอาไว้เชียวนะ ของชิ้นนี้จะต้องล้ำเลิศอย่างยิ่งแน่นอน
“ไม่มีเลย” เจ้าวิญญาณน้อยส่ายหน้าอย่างเรียบง่าย “เจ้าก็ใช้มันเป็นที่เก็บของแล้วกัน”
ซือหม่าโยวเย่ว์เขกหัวเจ้าวิญญาณน้อยแล้วพูดว่า “มีห้วงมิติอันไร้ขอบเขตอย่างเจ้าอยู่ แล้วข้าจะต้องการมิติเก็บของไปทำไมอีกเล่า!”
“ก็ใช่ เช่นนั้นก็โยนมันทิ้งไปเสียเถิด” เจ้าวิญญาณน้อยพูด
ซือหม่าโยวเย่ว์เขกหัวเขาอีกครั้งหนึ่ง ถึงแม้ว่าของชิ้นนี้จะใช้การมิได้ แต่ก็ยังใช้เป็นหอหนังสือสะสมได้อยู่
“เฮ้อ น่าเสียดายจริงๆ ไม่แน่ว่าชั้นบนๆ อาจยังมีทรัพย์สมบัติล้ำค่าอยู่ก็เป็นได้!” ซือหม่าโยวเย่ว์พูด
“อันที่จริงก็มิใช่ว่าจะไม่มีวิธีหรอกนะ” หมัวซาพูด
“ท่านรู้อย่างนั้นหรือ!” แววตาที่หม่นหมองของซือหม่าโยวเย่ว์เปล่งประกายขึ้นมาในทันใด สายตาที่มองหมัวซาก็แปรเปลี่ยนไปด้วย
“ข้าเองก็ไม่รู้เช่นกันว่าจะทำได้หรือไม่” หมัวซาพูด “ในเมื่อเป็นสิ่งของจากยุคโบราณ ข้าคิดว่ามันน่าจะผสานรวมกับมณีวิญญาณได้”
“ผสานรวมอย่างนั้นหรือ!” ซือหม่าโยวเย่ว์และเจ้าวิญญาณน้อยส่งเสียงอุทานออกมาพร้อมกันเป็นเสียงเดียว
หมัวซาพยักหน้าแล้วเอ่ยว่า “เจดีย์เจ็ดชั้นนี้ใช้ไม่ได้เพราะวิญญาณครวญแหลกสลาย ถ้าหากผสานรวมมันกับมณีวิญญาณเข้าด้วยกันแล้วใส่วิญญาณครวญเข้าไปอีกครั้ง ก็น่าจะเปิดชั้นบนๆ หลายชั้นนั้นได้แล้วล่ะ”
“แต่การทำเช่นนี้ต้องให้นักหลอมวัตถุเป็นผู้หลอมเท่านั้นมิใช่หรือ” ซือหม่าโยวเย่ว์พูด “แล้วข้าจะไปหานักหลอมวัตถุเช่นนี้มาจากที่ใดเล่า นอกจากนี้ยังอยู่ภายใต้สถานการณ์ที่มิอาจเปิดเผยความลับได้อีกด้วย เช่นนั้นก็ยิ่งไม่ได้เข้าไปใหญ่เลยน่ะสิ”
“เจ้าลืมไปแล้วหรือว่าใครเป็นผู้หลอมสร้อยข้อมือ” หมัวซาพูด
ซือหม่าโยวเย่ว์นึกถึงสร้อยข้อมือที่สวมอยู่ขึ้นมาได้ “ท่านจะบอกว่าท่านเป็นนักหลอมวัตถุอย่างนั้นหรือ”
“ก็หลอมวัตถุได้” หมัวซาพูด
“ระดับขั้นไหนหรือ”
“ไม่เกี่ยวกับเรื่องนี้เลย ถึงอย่างไรก็ผสานรวมเจดีย์เจ็ดชั้นกับมณีวิญญาณได้แล้วกัน” หมัวซาพูด
“อีกแล้วนะ!” ซือหม่าโยวเย่ว์มองค้อนเขาคราหนึ่ง ก่อนหน้านี้ตอนถามเขาเรื่องระดับขั้นการหลอมยาก็เป็นเช่นนี้ ตอนนี้ก็เป็นอีกแล้ว ช่างเหลือเกินจริงๆ!
“เช่นนั้นต้องทำอย่างไร” ซือหม่าโยวเย่ว์ถาม
“พูดไปเจ้าก็ไม่เข้าใจหรอก”
“…” ซือหม่าโยวเย่ว์จ้องมองหมัวซาอย่างไร้ซึ่งคำพูด ต้องดูถูกเธอเช่นนี้ด้วยหรือ!
เจ้าคนผู้นี้ ทำได้ทั้งการฝึกสัตว์อสูร ทั้งการหลอมยา ตอนนี้ยังเป็นนักหลอมวัตถุที่มีระดับขั้นมิใช่น้อยอีกด้วย ผู้อื่นล้วนรู้สึกว่าเธอแปลกประหลาด แต่เหตุใดเธอจึงรู้สึกว่าเจ้าคนผู้นี้ต่างหากเล่าที่เป็นตัวประหลาดที่แท้จริง
“เอาละ ท่านไม่บอกก็ช่างเถิด” ซือหม่าโยวเย่ว์พูด หลังจากนั้นจึงมองหมัวซาอย่างจริงจังยิ่งพลางถามว่า “ถ้าหากผสานเจดีย์เจ็ดชั้นกับมณีวิญญาณเข้าด้วยกันแล้วเจ้าวิญญาณน้อยจะหายสาบสูญไปหรือไม่”
“ถ้าหากต้องหายสาบสูญไปเล่า”
“ถ้าหากต้องหายไป เช่นนั้นข้าขอล้มเลิกดีกว่า”
เมื่อเจ้าวิญญาณน้อยที่อยู่ข้างๆ ได้ฟังคำพูดของซือหม่าโยวเย่ว์แล้วก็สั่นสะท้านไปทั้งร่าง