สลับชะตา ชายามือสังหาร - ตอนที่ 236 บนเกาะมีคนอยู่
ในการเดินทางต่อมา พวกเขาพบเจอกับสัตว์อสูรทะเลอีกหลายต่อหลายครั้ง ยิ่งเดินทางลึกเข้าไปในพื้นสมุทร ระดับขั้นของสัตว์อสูรทะเลก็ยิ่งสูงขึ้น ตอนที่ใกล้จะไปถึงเกาะอันเป็นจุดหมายนั้น แม้กระทั่งผู้อาวุโสอีกท่านหนึ่งก็ต้องลงมือด้วย
ผู้ที่ได้รับผลประโยชน์อย่างอู้ฟู่ที่สุดก็ยังคงเป็นซือหม่าโยวเย่ว์ คนทั่วไปหลังจากได้พบสัตว์อสูรทะเลแล้วอย่างมากที่สุดก็แค่ปลิดชีวิตพวกมัน หลังจากนั้นก็มองดูซากศพของพวกมันจมดิ่งลงสู่ก้นทะเล ส่วนเธอนั้นให้เจ้าวิหคน้อยจับสัตว์อสูรทะเลจำนวนไม่น้อยให้เธอแล้วเก็บเอาไว้ทำอาหารทีหลังทุกครั้ง
แน่นอนว่าพวกซือหม่าโยวหลินก็พลอยได้กินอาหารเลิศรสไปด้วย
“อีกครึ่งวันก็น่าจะถึงแล้วล่ะ” ซือหม่าโยวหลานกินเนื้อย่างพลางเอ่ยกับซือหม่าโยวเย่ว์
ซือหม่าโยวเย่ว์รู้สึกดีใจอย่างยิ่ง พวกเขาเดินทางกลางทะเลมากว่าครึ่งเดือนแล้ว ทุกวันล้วนเห็นเพียงแค่ พื้นสมุทรอันเวิ้งว้างไร้ขอบเขต พอนานเข้าแล้วความสดชื่นจึงเลือนหายไป
“พวกเราจะไปที่เกาะแห่งใดหรือ”
“เกาะลืมกังวล” ซือหม่าโยวหลานพูด “นั่นคือเกาะขนาดใหญ่ที่สุดที่พวกเราไปถึงได้ในตอนนี้ บนนั้นมีเครื่องยาล้ำค่าหายากอยู่มากมาย เพียงแต่มันมีอันตรายอย่างยิ่ง มีสัตว์อสูรเทพอยู่เป็นจำนวนมากเลยทีเดียว”
“มีหญ้าจันทร์รำเพยและดอกกระบองเพชรอัสดงหรือไม่” ซือหม่าโยวเย่ว์ถาม นี่เป็นสิ่งสำคัญที่สุด มิใช่เอาชีวิตมาทิ้งเปล่าๆ หรอกนะ!
ซือหม่าโยวหลานพยักหน้าแล้วเอ่ยว่า “คนของหอเซวียนหยวนบอกว่าคนที่เคยเก็บหญ้าจันทร์รำเพยไปได้ ก็เก็บมาจากเกาะลืมกังวลนี่แหละ”
“เช่นนี้ก็ดี”
ครึ่งวันให้หลัง พวกเขาก็มาถึงยังเกาะลืมกังวลอันเป็นจุดหมาย
ซือหม่าโยวเย่ว์ยืนตกตะลึงปากอ้าตาค้างอยู่บนเกาะแล้วเอ่ยอย่างตะลึงงันว่า “ช่างเป็นเกาะที่ใหญ่โตเหลือเกิน นับว่าเป็นทวีปเล็กๆ แห่งหนึ่งได้เลยกระมัง!”
ผู้อาวุโสใหญ่ที่ยืนอยู่ข้างกายเธอเอ่ยว่า “เกาะแห่งนี้ไม่นับว่าใหญ่สำหรับพื้นสมุทรหรอก หากเดินทางไปต่อก็ยังมีเกาะที่ใหญ่โตมากกว่านี้อีก”
“แท้ที่จริงแล้วพื้นสมุทรกว้างใหญ่เพียงใดหรือ” ซือหม่าโยวเย่ว์ลอบชื่นชม
“ไม่มีผู้ใดหยั่งรู้” ผู้อาวุโสใหญ่พูด “แต่ไหนแต่ไรก็ไม่เคยมีใครเดินทางไปทั่วทั้งพื้นสมุทรมาก่อนเลย ไม่เพียงแต่จะอันตรายเท่านั้น หากแต่เวลาก็ยังไม่พออีกด้วย”
ซือหม่าโยวเย่ว์ตะลึงไป เวลาไม่พอ… นี่ต้องเป็นมหาสมุทรอันกว้างใหญ่สักเพียงใดกัน!
“สถานที่ใหญ่โตถึงเพียงนี้ การที่พวกเราจะหาหญ้าจันทร์รำเพยและดอกกระบองเพชรอัสดงพบ พูดย่อมง่ายกว่าทำอยู่แล้ว!” ทหารยามรำพึง
ซือหม่าโยวเย่ว์เองก็กำลังนึกถึงปัญหานี้อยู่เหมือนกัน
“อย่ากังวลใจไปเลย พวกเราได้พบผู้ที่เคยเก็บหญ้าจันทร์รำเพยมาได้ในตอนนั้น เขาวาดภาพร่างแผนที่เอาไว้ ทำสัญลักษณ์บริเวณที่เขาเก็บหญ้าจันทร์รำเพยได้เอาไว้ให้อย่างคร่าวๆ” ผู้อาวุโสใหญ่พูด “นอกจากนี้โยวหลานยังเคยดมกล่องเก็บหญ้าจันทร์รำเพยในตอนนั้นด้วย ถ้าหากพบแล้ว นางจะต้องค้นพบตำแหน่งที่มันอยู่ได้อย่างแน่นอน”
“แค่กๆๆ…”
ซือหม่าโยวเย่ว์ฟังวาจาของผู้อาวุโสใหญ่แล้วก็นึกถึงสิ่งที่ไม่ควรคิดขึ้นมาในทันที อยากหัวเราะแต่ก็ไม่สมควรหัวเราะออกมา จึงได้แต่กลั้นเอาไว้
ซือหม่าโยวหลานฟาดฝ่ามือใส่เธอทีหนึ่งพลางถลึงตาใส่เธออย่างแรง แสดงท่าทีโกรธเคือง
“ข้ายังไม่ทันได้พูดอะไรเลยนะ” ซือหม่าโยวเย่ว์อดหัวเราะออกมาไม่ได้
“เจ้ายังจะมาหัวเราะอีก!” ซือหม่าโยวหลานพุ่งเข้าใส่ซือหม่าโยวเย่ว์ในทันใด เธอจึงยกขาวิ่งหนี
ซือหม่าโยวหลินเห็นพวกเธอเล่นกันอย่างสนุกสนาน จึงเอ่ยขึ้นในทันใดว่า “มีคนอยู่ที่นี่”
ซือหม่าโยวเย่ว์และซือหม่าโยวหลานหยุดฝีเท้าลง ทุกคนมองซือหม่าโยวหลินพลางเอ่ยถามว่า “ที่นี่มีคนอยู่หรือ”
ซือหม่าโยวหลินเดินตรงไปยังก้อนหินใหญ่ก้อนหนึ่ง ซือหม่าโยวเย่ว์และซือหม่าโยวหลานก็เข้าไปด้วย เห็นด้านหลังของก้อนหินมีฟืนที่เผาไหม้ไปแล้วอยู่กองหนึ่ง ทั้งยังมีเสื้อผ้าขาดวิ่นอีกจำนวนหนึ่ง ดูจากคราบเลือดบนนั้นน่าจะไม่เกินสองสามวันที่แล้ว
“มีคนอยู่จริงๆ ด้วย ไม่รู้ว่าเป็นใครกัน” ซือหม่าโยวหลานพูด
“ดูท่าทางเหมือนจะมีเพียงคนเดียว ไม่รู้ว่าใครกันที่อาจหาญถึงขนาดกล้ามาใช้ชีวิตอยู่บนเกาะแห่งนี้คนเดียว” ซือหม่าโยวหลินพูด
“ไม่แน่ว่าพวกเราอาจได้พบเขาก็ได้นะ!” ซือหม่าโยวเย่ว์พูด
“ก็ไม่แน่นักหรอก” ซือหม่าโยวหลานพูด “พอถึงเวลานั้น ข้าจะต้องเห็นผู้วิเศษที่กล้าใช้ชีวิตอยู่ที่นี่ตัวคนเดียวให้ได้!”
“ไปกันเถิด ผู้อาวุโสใหญ่จัดการเรียบร้อยแล้ว”
พวกซือหม่าโยวเย่ว์กลับไปแล้วเล่าสิ่งที่ได้พบเห็นมาให้ผู้อาวุโสใหญ่ฟัง ผู้อาวุโสใหญ่เงียบงันไปครู่หนึ่งก่อนจะเอ่ยว่า “บางทีอาจจะมีคนอยู่ที่เกาะแห่งนี้ ถ้าหากพบเขาค่อยมาดูกันว่าเขาต้องการจะไปจากที่นี่พร้อมกันกับพวกเราหรือไม่ก็แล้วกัน”
“อื้ม”
“วันนี้ยังเช้าอยู่ พวกเราเดินเข้าไปดูด้านในกันดีกว่านะ” ผู้อาวุโสใหญ่พูด
พวกเขาเหลือทหารยามสิบคนเอาไว้คุ้มกันเรือ ส่วนคนที่เหลือต่างตามกันขึ้นไปบนเกาะ
ในตอนแรกนั้นสงบเป็นอย่างยิ่ง บางทีอาจเป็นเพราะยังอยู่ที่บริเวณรอบนอกของเกาะ จึงมิได้พบกับสัตว์อสูรทะเลครึ่งบกครึ่งน้ำมากสักเท่าใดนัก แต่ทุกคนก็มิได้คลายความระแวดระวังลงเลย
“วันนี้ตั้งค่ายที่นี่กันก่อนเถิด” ผู้อาวุโสใหญ่พูด
ที่นี่เป็นบริเวณช่องเขาแห่งหนึ่งซึ่งภูมิประเทศค่อนข้างกว้างโล่ง พอให้พวกเขาตั้งค่ายพักแรมกันได้
เหล่าทหารยามต่างลงมือกางกระโจม แม้กระทั่งซือหม่าโยวหลินและซือหม่าโยวหลานก็ยังลงมือด้วยตัวเอง ไม่มีความหยิ่งยโสของคุณชายคุณหนูอยู่เลย
ยามราตรีคืบคลานเข้ามาอย่างรวดเร็ว พวกเขานั่งสนทนากันอยู่รอบกองไฟเพื่อเป็นการฆ่าเวลา
“บรู๊ววว…”
เสียงหมาหอนเสียงหนึ่งดังมาจากบริเวณไกลๆ ทำให้ทุกคนตกใจจนผุดลุกขึ้นยืน
“ที่นี่มีสุนัขป่าอยู่ด้วยหรือขอรับ” ทหารยามเอ่ยปาก
“มิใช่หมาป่าหรอก เป็นเสียงมนุษย์ต่างหากเล่า” ซือหม่าโยวเย่ว์พูด
“เป็นเสียงมนุษย์จริงด้วย!” ทหารยามได้ฟังแล้ว เสียงหอนของหมาป่านี้ฟังดูไม่สมจริงเอาเสียเลย เหมือนเสียงคนกำลังหอนมากกว่า
“พวกเราต้องไปดูกันสักหน่อยหรือไม่” มีคนเอ่ยขึ้น
“คุณชายโยวหลิน พาคนไปดูหน่อยสิ” ผู้อาวุโสใหญ่พูด
“ได้” ซือหม่าโยวหลินพยักหน้าก่อนจะเรียกคนสามสี่คนไปด้วย
ซือหม่าโยวเย่ว์ที่อยู่ท่ามกลางกลุ่มคนมองซือหม่าโยวหลินอย่างไม่พอใจพลางเอ่ยว่า “พลังยุทธ์ของข้าต่ำต้อยถึงเพียงนี้แล้วจะเรียกข้าไปด้วยทำไมกัน!”
ซือหม่าโยวหลินหันมามองเธอแวบหนึ่งพลางพูดว่า “ข้าจะปกป้องเจ้าเอง!”
ซือหม่าโยวเย่ว์สะดุ้งทีหนึ่ง เจ้าคนผู้นี้บอกว่าจะปกป้องเธออย่างนั้นหรือ
นอกจากท่านปู่กับบรรดาพี่ๆ และพวกเว่ยจือฉีแล้ว ยังไม่เคยมีใครบอกว่าจะปกป้องเธอมาก่อนเลย
เมื่อเห็นซือหม่าโยวเย่ว์ตะลึงไป ซือหม่าโยวหลินเพียงแค่หันหน้าหนี มุมปากยกยิ้มน้อยๆ
เขาค้นพบแล้วว่ามิอาจฝืนเธอผู้นี้ได้ หากยิ่งกดดันเธอ เธอก็จะยิ่งต่อต้าน หากอยากจะอยู่ร่วมกันโดยดี ก็ได้แต่ใช้วิธีเช่นนี้เท่านั้น
แต่เมื่อเห็นปฏิกิริยาของเธอแล้ว… วิธีนี้ได้ผลจริงๆ เสียด้วย
เมื่อพวกเขามาถึงเนินเขาก็เห็นว่าภายในช่องเขาอีกแห่งหนึ่ง คนผู้หนึ่งกำลังถูกฝูงสัตว์อสูรทะเลครึ่งบกครึ่งน้ำไล่ตามอยู่ และกำลังวิ่งมาทางภูเขาลูกนี้อย่างบ้าคลั่ง
“เหตุใดเขาจึงไม่เหาะหนีสัตว์อสูรวิเศษเหล่านั้นขึ้นมาเสียเลยเล่า” ซือหม่าโยวเย่ว์ไม่เข้าใจ
“เกาะแห่งนี้มีข้อห้ามมิให้เหาะเหินเดินอากาศอยู่น่ะสิ” ซือหม่าโยวหลินเอ่ยตอบ เมื่อเห็นเงาร่างมนุษย์ที่ใกล้เข้ามาเรื่อยๆ แล้วจึงเอ่ยอย่างตกตะลึงว่า “เขานี่เอง!”
ซือหม่าโยวเย่ว์มองเงาร่างคนที่ได้รับบาดเจ็บหลายแห่งพลางเอ่ยว่า “เจ้ารู้จักด้วยหรือ”
ซือหม่าโยวหลินพยักหน้า แสดงให้เห็นชัดว่ามิได้มีความสัมพันธ์อันดีต่อคนผู้นี้แต่อย่างใด
เมื่ออีกฝ่ายเห็นว่าบนยอดเขามีคนอยู่ จึงเปลี่ยนทิศทางวิ่งมาหาพวกเขาแทน เมื่อเห็นชัดว่าเป็นซือหม่าโยวหลินจึงหัวเราะเสียงดังก่อนจะเอ่ยว่า “สวรรค์ช่วยข้าด้วย! สหายโยวหลิน ช่วยข้าที!”
ซือหม่าโยวเย่ว์มองคนที่ยังหัวเราะออกมาได้ในสถานการณ์เช่นนี้ ความรู้สึกแรกก็คือเจ้าคนผู้นี้จะต้องมีอุปนิสัยเหลวไหลเลื่อนเปื้อน ไม่เอาจริงเอาจัง
ถึงแม้ว่าซือหม่าโยวหลินจะไม่ชอบคนผู้นี้เลยสักนิด แต่ก็ยังพูดกับทหารยามข้างกายว่า “พวกเจ้าไปจัดการสัตว์อสูรวิเศษพวกนั้นที”
ทหารยามกรูกันเข้าไปยืนอยู่กับฝูงสัตว์อสูรวิเศษ คนผู้นั้นจึงหลุดออกจากการไล่ตามด้วยความลำพองใจ
“เขาเป็นใครหรือ” ซือหม่าโยวเย่ว์ถามอีก
“ประมุขน้อยแห่งหอเซวียนหยวน จวินหลิน” ซือหม่าโยวหลินเอ่ยตอบ
………………………………………….