สลับชะตา ชายามือสังหาร - ตอนที่ 241 นางพญาผึ้งแดง
ซือหม่าโยวเย่ว์เห็นรัศมีนั้นจึงเอ่ยว่า “พวกเรามาได้จังหวะพอดีเลย นางพญาผึ้งกำลังจะวิวัฒน์ร่างสำเร็จพอดี!”
ซือหม่าโยวหลินสำรวจภูมิประเทศที่นี่แล้วเอ่ยว่า “สัตว์อสูรวิเศษมากมายถึงเพียงนี้ การจะเข้าไปใกล้มิใช่เรื่องง่ายเลย นอกจากนี้ผึ้งแดงนั่นยังอยู่ภายในรังผึ้งด้วย จะต้องมีผึ้งมากมายคอยอารักขาอยู่แน่”
“เมื่อใดที่วิวัฒน์ร่างกลายเป็นนางพญาผึ้งแดงได้สำเร็จ มันก็จำเป็นต้องออกมาจากรังผึ้งเพื่อมารับการชำระล้างของฟ้าดินข้างนอก ทำการดูดซับสารของการวิวัฒน์ร่างบนตัวเข้าสู่ร่างกาย พวกเราแค่คว้าโอกาสนั้นเอาไว้ให้ได้ก็พอแล้ว”
ซือหม่าโยวเย่ว์จ้องมองรังผึ้งใหญ่ยักษ์นั้น รอจนรัศมีสีแดงจางหายไปแล้วเธอจึงกระโดดลงจากหลังเจ้าวิหคน้อยแล้วเอ่ยว่า “เชียนอิน ย่ากวง พวกเจ้าช่วยข้าต้านสัตว์อสูรวิเศษเหล่านั้นเอาไว้ที แค่ครู่เดียวก็พอแล้วล่ะ”
ขณะนี้บรรดาสัตว์อสูรวิเศษเริ่มเกิดความชุลมุนขึ้นมาแล้ว พวกมันพากันพุ่งเข้าหารังผึ้ง
ผึ้งงานมากมายนับไม่ถ้วนกรูกันออกมาจากรังผึ้งแล้วโจมตีเข้าใส่สัตว์อสูรวิเศษเหล่านั้น ถึงแม้ว่าพวกมันจะมิได้มีความสามารถอันแข็งแกร่งมากนัก แต่ก็ปกป้องนางพญาของตนด้วยชีวิต
ผึ้งงานฝูงหนึ่งตายไป ผึ้งงานอีกฝูงหนึ่งก็กรูกันออกมาแทน ระลอกแล้วระลอกเล่า
ซือหม่าโยวเย่ว์เก็บซ่อนกลิ่นอายของตัวเอง ใช้ประโยชน์จากกลิ่นคาวเลือดคละคลุ้งในหุบเขามาปิดบังตนเองแล้วค่อยๆ เคลื่อนเข้าใกล้รังผึ้งอย่างช้าๆ
ผึ้งสีแดงชาดที่เปียกโชกไปทั้งร่างตัวหนึ่งถูกยกออกมาวางบนรังผึ้ง มีผึ้งงานมากมายคอยอารักขาอยู่โดยรอบ
“ออกมาแล้ว!” เธอตื่นเต้นในใจ แต่ผึ้งงานที่ล้อมรอบอยู่อย่างแน่นขนัดก็ทำให้เธอปวดเศียรเวียนเกล้าอยู่บ้าง
ไม่ว่าผึ้งงานเหล่านั้นจะตายไปมากมายเท่าใด ฝูงผึ้งบริเวณรอบตัวนางพญาผึ้งก็ไม่ขยับเขยื้อนเลย
“ปัง…”
พลังวิญญาณสายหนึ่งปะทะลงบนรังผึ้งอย่างไม่หนักไม่เบา รังผึ้งสั่นสะเทือนครั้งหนึ่งก่อนจะร่วงหล่นลงสู่พื้น
“หึ่งๆๆ”
ผึ้งงานเหล่านั้นถูกยั่วโมโห จึงทิ้งส่วนหนึ่งเอาไว้ปกป้องนางพญาผึ้ง ส่วนที่เหลือต่างบินกรูกันเข้าไปหาตัวต้นเหตุ
ซือหม่าโยวเย่ว์มองซือหม่าโยวหลินอย่างขอบคุณปราดหนึ่ง หลังจากนั้นจึงใช้พลังวิญญาณห่อหุ้มกำปั้นเอาไว้แล้วยื่นมือไปจับนางพญาผึ้งมาไว้ในกำมือ
ผึ้งงานปกติมีขนาดใหญ่ไม่เกินข้อนิ้วมือเดียวเท่านั้น แต่ผึ้งน้ำตาลที่นี่มีขนาดยาวถึงหนึ่งนิ้วมือ ส่วนนางพญาผึ้งแดงตัวนี้มีขนาดยาวเกือบหนึ่งฟุต
บนตัวของนางพญาผึ้งในตอนนี้ยังคงเปียกโชก เธอต้องใช้ทั้งสองมือจึงจะจับตัวมันเอาไว้ได้
“หึ่งๆๆ”
ผึ้งน้ำตาลเห็นนางพญาผึ้งของตนถูกจับตัว จึงกรูกันเข้ามาโจมตีซือหม่าโยวเย่ว์กันหมด
“เพียะๆๆ…”
เชียนอินเข้ามาจัดการในช่วงเวลาคับขันพอดี เขายืนอยู่ข้างกายซือหม่าโยวเย่ว์พลางโบกสะบัดหางทั้งเจ็ดเส้นฟาดฟันผึ้งน้ำตาลเหล่านั้นจนหมด
“ขอบใจเจ้ามากนะ เชียนอิน” ซือหม่าโยวเย่ว์พูดจบแล้วหลับตาลงเริ่มต้นฝึกนางพญาผึ้งแดงให้เชื่อง
ถึงแม้ว่าในตอนนี้ร่างกายนางพญาผึ้งแดงจะอ่อนแอเป็นอย่างยิ่ง แต่ก็เข้าใจสถานการณ์ในตอนนี้ดี พลังจิตของมันยิ่งแข็งแกร่ง ก็ยิ่งปฏิเสธการฝึกของซือหม่าโยวเย่ว์
แต่ไม่ว่ามันจะต้านทานอย่างไรก็มิอาจเอาชนะอิทธิพลของเคล็ดควบคุมสัตว์อสูร รวมทั้งพลังจิตอันน่าหวาดหวั่นนั้นของซือหม่าโยวเย่ว์ได้ จึงถูกเธอฝึกให้เชื่องไปในที่สุด
“ยังมีสติรับรู้ของตัวเองอยู่ด้วย” ซือหม่าโยวเย่ว์สัมผัสได้ถึงพลังจิตอันแกร่งกล้าของนางพญาผึ้งแดง จึงพึมพำกับตนเองว่า “ถ้าหากไม่ทำพันธสัญญาในตอนนี้ รอให้มันฟื้นฟูพละกำลังก่อน เกรงว่าคงจะมีพลังต้านทานการทำพันธสัญญา ในเมื่อเป็นเช่นนี้ ข้าก็จะทำพันธสัญญากับเจ้าในตอนนี้เลยแล้วกัน!”
ซือหม่าโยวหลินกำลังขับเคี่ยวอยู่กับผึ้งน้ำตาล การโจมตีระลอกแล้วระลอกเล่าทำให้เขาเกินทนรับไหวอยู่บ้าง แต่ทันใดนั้นเอง รัศมีแห่งการทำพันธสัญญาก็สว่างไสวไปทั่วทั้งหุบเขา โอบล้อมซือหม่าโยวเย่ว์และผึ้งแดงเอาไว้ด้วยกัน หลังจากนั้นก็กลายเป็นลำแสงสองสายพุ่งเข้าไปในหว่างคิ้วของมนุษย์และสัตว์อสูรคู่นั้น
ทำพันธสัญญาสำเร็จแล้ว!
จากนั้นลำแสงแห่งการเลื่อนระดับสองสายก็สว่างวาบขึ้น ซือหม่าโยวเย่ว์เลื่อนระดับกลายเป็นบรรพวิญญาณขั้นห้า ยกระดับอย่างต่อเนื่องถึงสองขั้น!
นางพญาผึ้งแดงก็เลื่อนระดับจากสัตว์อสูรเทพขั้นสี่กลายเป็นสัตว์อสูรเทพขั้นห้า ทำให้ซือหม่าโยวเย่ว์ตกใจจนสะดุ้ง
“เป็นถึงสัตว์อสูรเทพขั้นสี่เชียวหรือ… ถ้าหากไม่ทำพันธสัญญากับมันในตอนนี้ เกรงว่าคงจะไม่มีใครปราบมันเอาไว้ได้แล้วล่ะ” ซือหม่าโยวเย่ว์เม้มปากพลางกลืนน้ำลายครั้งแล้วครั้งเล่า
ซือหม่าโยวหลินมองหนึ่งมนุษย์หนึ่งสัตว์อสูรที่เลื่อนระดับ คิดไม่ถึงว่าเธอจะทำพันธสัญญาได้สำเร็จจริงๆ เสียด้วย ที่แท้แล้วคนผู้นี้เป็นตัวประหลาดมาจากที่ใดกันแน่ จึงทำพันธสัญญากับสัตว์อสูรเทพมากมายถึงเพียงนี้ได้!
ขณะนี้นางพญาผึ้งแดงยังคงอ่อนแอเป็นอย่างยิ่ง ซือหม่าโยวเย่ว์เก็บตัวมันเข้าไปภายในเจดีย์วิญญาณ หลังจากนั้นจึงเรียกตัวเจ้าวิหคน้อยมาแล้วกระโดดขึ้นไปบนหลังมัน ก่อนจะรับตัวซือหม่าโยวหลิน ขึ้นมา แล้วใช้พลังแห่งการทำพันธสัญญาเก็บตัวย่ากวงและเชียนอินกลับเข้าไปในมิติพันธสัญญา แล้วขี่เจ้าวิหคน้อยบินจากไปอย่างรวดเร็ว
ผึ้งน้ำตาลเหล่านั้นเห็นนางพญาของตนถูกจับตัวไปจึงวางมือจากสัตว์อสูรวิเศษเหล่านั้นแล้วพากันติดตามพวกเขาไปจนหมด
ซือหม่าโยวเย่ว์มิได้ตรงกลับไปยังค่ายพัก หากแต่หายอดเขาแห่งหนึ่งแล้วร่อนลง ก่อนจะหยิบเครื่องยาจำนวนหนึ่งออกมาวางแผ่บนก้อนหิน หลังจากนั้นจึงหยิบตัวนางพญาผึ้งแดงออกมา แล้ววางตัวมันลงไปบนเครื่องยากองนั้น
นางพญาผึ้งแดงมองซือหม่าโยวเย่ว์อย่างอ่อนแอ หลังจากนั้นจึงเริ่มต้นดูดซับเครื่องยาและปราณวิญญาณฟ้าดิน
ซือหม่าโยวเย่ว์เห็นเช่นนี้จึงหยิบอ่างใบหนึ่งออกมา ภายในนั้นมีน้ำทิพย์วิญญาณที่เจือจางแล้วอยู่ เธอหยิบตัวนางพญาผึ้งแดงวางลงไป หลังจากนั้นจึงเริ่มทำการกลั่นเครื่องยา แล้วนำสารสำคัญของเครื่องยาแล้วเทลงไปในอ่างใบนั้นพร้อมกัน
เมื่อซือหม่าโยวหลินเห็นซือหม่าโยวเย่ว์หยิบเครื่องยาเหล่านั้นออกมาแล้วก็รู้สึกตื่นตะลึงกับฝีมือของเธอเป็นอย่างยิ่ง หลังจากนั้นเมื่อเห็นเธอวางตัวนางพญาผึ้งแดงลงไปในน้ำทิพย์วิญญาณแล้วก็คาดเดาว่าของสิ่งนั้นจะต้องล้ำค่าเป็นอย่างยิ่งแน่นอน และเมื่อเห็นการเคลื่อนไหวอันคล่องแคล่วยามที่เธอกลั่นเครื่องยาแล้วก็คาดเดาว่าเธอจะต้องไม่ใช่นักหลอมยาระดับขั้นต่ำๆ แน่นอน
“เป็นทั้งนักหลอมยา ทั้งนักฝึกสัตว์อสูร… มิได้เล่าถึงได้ถือครองบัตรสีฟ้าของหอเซวียนหยวน” ซือหม่าโยวหลินพึมพำพลางยอมรับจากใจว่าเธอร้ายกาจยิ่งกว่าที่เขาคาดคิดเอาไว้เสียอีก
โชคดีที่ตระกูลมิได้พลาดคนมีความสามารถเช่นนี้ไป มิฉะนั้นพวกเขาคงต้องรู้สึกเสียดายตายแน่นอน
เขาย่อตัวลงมองดูนางพญาผึ้งแดงกระพือปีกอย่างผ่อนคลายอยู่ในอ่างน้ำจึงเอ่ยถามว่า “นี่เจ้ากำลังทำอะไรอยู่หรือ”
“ตอนนี้มันก็เหมือนกับเด็กทารกแรกเกิด หากยิ่งดูดซับสิ่งดีๆ ในตอนนี้ได้มากเท่าไหร่ก็จะยิ่งดีต่อการพัฒนาของมันในอนาคต” ซือหม่าโยวเย่ว์อธิบาย “สิ่งเหล่านี้ล้วนเป็นเครื่องยาที่มีประโยชน์ต่อมันทั้งสิ้น”
“หึ่งๆๆ…” ผึ้งน้ำตาลเหล่านั้นไล่ตามเข้ามา พลางมองพวกเขาทั้งสองอย่างระแวดระวัง
ซือหม่าโยวเย่ว์มองพวกมันแล้วเอ่ยว่า “ตอนนี้ข้าทำพันธสัญญากับนางพญาของพวกเจ้าเรียบร้อยแล้ว ถ้าหากอยากจะติดตามมันต่อไปก็จงอยู่ที่นี่ ถ้าหากไม่อยาก ก็จากไปได้เลย”
ซือหม่าโยวหลินเห็นว่าผึ้งน้ำตาลเหล่านั้นโมโหอย่างยิ่ง แต่เรื่องราวก็เป็นเช่นนี้ไปแล้ว พวกมันก็ไม่มีทางเปลี่ยนแปลงอะไรได้ ทำได้เพียงแค่เลือกติดตามอยู่ข้างกายซือหม่าโยวเย่ว์เท่านั้น
“ผึ้งน้ำตาลมากมายเช่นนี้ แล้วเจ้าจะจัดการเช่นไรเล่า” ซือหม่าโยวหลินมองผึ้งน้ำตาลหลายพันตัวพลางเอ่ยถาม
“ก็หาที่ดีๆ ให้พวกมันอาศัยน่ะสิ” ซือหม่าโยวเย่ว์พูด “แต่ต้องรอให้นางพญาผึ้งแดงหายดีก่อนแล้วค่อยว่ากัน”
นางพญาผึ้งแดงหันหน้าหาแสงตะวันพลางดูดซับสารสำคัญในน้ำไปทีละน้อย ซือหม่าโยวเย่ว์สัมผัสได้ว่าพลังยุทธ์ของมันกำลังเพิ่มพูนขึ้นทีละเล็กละน้อย โดยเฉพาะพลังจิตของมันนั้นเปลี่ยนแปลงราวกับพลิกหน้ามือเป็นหลังมือเลยทีเดียว ขอเพียงแค่เป็นไปตามเงื่อนไข อยู่ในภายนั้นมันก็จะพัฒนาไปจนถึงระดับที่น่าหวาดหวั่นได้อย่างแน่นอน
ผ่านไปเกือบครึ่งชั่วโมง นางพญาผึ้งแดงจึงดูดซับสารสำคัญได้หมด มันกระพือปีกแล้วบินออกมาจากอ่างน้ำ
“เรียบร้อยแล้ว” ซือหม่าโยวเย่ว์เก็บอ่างน้ำแล้วพูดว่า “นางพญาผึ้งแดง เจ้าพาพรรคพวกของเจ้าไปตั้งถิ่นฐานกันก่อนดีกว่านะ”
เธอเก็บผึ้งน้ำตาลทั้งหมดเข้าไปภายในเจดีย์วิญญาณ สภาพแวดล้อมของที่นั่นเพียงพอที่จะดึงดูดพวกมันเอาไว้ได้อยู่แล้ว
เธอไม่กลัวซือหม่าโยวหลินจะล่วงรู้ความลับของเธอเลย ตอนนี้เธอมีพลังยุทธ์มากพอที่จะปกป้องสิ่งของของตัวเองในโลกแห่งนี้ได้แล้ว
ไพ่ไม้ตายของเธอมิได้มีเพียงแค่ที่พวกเขาเห็นเท่านั้น ถ้าหากใครคิดจะลองดีกับเธอ ก็ต้องเตรียมตัวเตรียมใจถูกปลิดชีพเอาไว้ให้ดี
นอกจากนี้เธอยังเชื่อมั่นว่าซือหม่าโยวหลินย่อมไม่มีทางทำเรื่องเช่นนั้นออกมาได้อย่างแน่นอน เพราะเขาเป็นคนชาญฉลาดคนหนึ่ง
……………………………………….