สลับชะตา ชายามือสังหาร - ตอนที่ 273 เส้นทางด้านหน้าถูกขวาง
“ตระกูลน่าหลานหรือ” เหยียนลู่ขมวดคิ้วแล้วเอ่ยว่า “ตระกูลน่าหลานไม่อยู่ เก็บไว้ก็เก็บไว้สิ ให้คนตระกูลซือหม่าก่อนเถิด”
“ไม่ได้” หลี่มู่พูด “คนตระกูลน่าหลานมาถึงแล้ว จะมาถึงที่นี่ในวันนี้แหละ”
“แบ่งห้องมาสักจำนวนหนึ่งมิได้เลยหรือ” เหยียนลู่เริ่มโมโหขึ้นมาเสียแล้ว
“ศิษย์น้องหญิง ข้าคุยกับคนตระกูลน่าหลานเอาไว้เรียบร้อยแล้ว พอถึงตอนนั้นจะมาอธิบายให้พวกเขาฟังก็มิใช่เรื่องง่ายเลยนะ” หลี่มู่พูด
“ท่าน… ได้… เช่นนั้นที่นี่ก็ยกให้ท่านไปแล้วกัน ข้าจะพาพวกเขาไปที่อื่น” เหยียนลู่พูดอย่างโมโห
“ศิษย์น้องหญิง พวกเขาก็แค่คนที่เจ้ารู้จักระหว่างทางเท่านั้น ไม่เห็นจะต้องไปสนใจพวกเขาเลยนี่” หลี่มู่เอ่ยอย่างไม่พอใจ
“พวกเขาเคยช่วยข้า ข้าพูดเอาไว้แล้วว่าจะพาพวกเขาไปเมืองวิเศษ แล้วจะทิ้งพวกเขาเอาไว้กลางทางได้อย่างไรกัน ในเมื่อท่านบอกว่าท่านจะรอคนตระกูลน่าหลานอยู่ที่นี่ เช่นนั้นข้าก็จะไปอยู่กับพวกเขาแล้วกัน” เหยียนลู่พูดจบแล้วเดินจากไป
“ศิษย์พี่หญิง!”
“ศิษย์น้องหญิง!”
“คุณหนู!”
“ศิษย์พี่ ศิษย์พี่หญิงนาง… แล้วตอนนี้จะทำเช่นไรกันดีเล่า” หงสยามองหลี่มู่
หลี่มู่หัวเราะอย่างเย็นชาแล้วเอ่ยว่า “โรงเตี๊ยมในหมู่บ้านล้วนเต็มหมดแล้ว ศิษย์น้องหญิงไปก็เสียเวลาเปล่า พอไม่มีที่พัก นางก็ต้องกลับมาเองนั่นแหละ”
“เช่นนั้นคนพวกนั้น…” หงสยาพูดอย่างเป็นกังวลอยู่บ้าง
“ไม่ต้องไปสนใจหรอก จะตายก็ให้ตายไป!” หลี่มู่พูดจบก็หมุนกายกลับไปยังโต๊ะเมื่อครู่
เหยียนลู่มาถึงบนถนนแล้วจึงนึกถึงพวกซือหม่าโยวเย่ว์ขึ้นมา จึงหันไปพูดกับพวกเขาว่า “เมื่อครู่นี้ต้องขอโทษด้วยจริงๆ นะ ศิษย์พี่หลี่เป็นเช่นนี้อยู่เสมอ ข้าจะพาพวกเจ้าไปยังโรงเตี๊ยมอื่นแทนแล้วกัน”
ในเมื่อนางพูดเช่นนี้แล้ว พวกเขาจึงมิได้พูดอะไร เพียงแค่เดินตามนางไปเท่านั้น
“ศิษย์พี่ผู้นั้นของเจ้าร้ายกาจมากเลยหรือ” เจ้าอ้วนชวีถาม
“พรสวรรค์ค่อนข้างดี จึงได้รับความชอบพอจากท่านพ่อข้าเป็นอย่างมากเลยล่ะ” เหยียนลู่พูด “แต่ข้าไม่ชอบเขาเอาเสียเลย ไม่เคยชินกับท่าทางหยิ่งยโสของเขาน่ะ”
“เจ้ามิได้เป็นคุณหนูหรอกหรือ” เมื่อครู่เสี่ยวเอ้อร์เรียกนางเช่นนี้
“ต่อให้ข้าเป็นคุณหนู แต่พรสวรรค์ไม่เท่าเขา ในสายตาของผู้อื่น เขาจึงมีความสำคัญมากกว่าข้า” เหยียนลู่พูด “เอาละ อย่าพูดถึงเขาอีกเลย พวกเราไปดูโรงเตี๊ยมอื่นๆ กันดีกว่านะ”
น่าเสียดายที่พวกเขาเดินกันจนสุดถนนแล้วก็ยังไม่พบโรงเตี๊ยมที่มีห้องว่างเลย
ขณะนี้ท้องฟ้าเริ่มมืดแล้ว ซือหม่าโยวเย่ว์จึงเอ่ยว่า “ในเมื่อไม่มีที่พักแล้ว เช่นนั้นพวกเราหาที่ตั้งค่ายพักแรมกันในภูเขามิดีกว่าหรือ”
“ไม่ได้หรอก ข้างนอกอันตรายเป็นอย่างยิ่ง ต่อให้พวกท่านพ่อของข้าอยู่ที่นี่ก็ยังไม่กล้าไปตั้งค่ายพักแรมข้างนอกตามอำเภอใจเลย” เหยียนลู่ปฏิเสธทันควัน
“ไม่เป็นไรหรอกน่า ถึงอย่างไรก็เพียงแค่คืนเดียวเท่านั้น” ซือหม่าโยวหยางพูด
“อืม ข้าก็อยากจะไปตั้งค่ายพักแรมข้างนอกมากกว่า ไม่อยากจะนอนบนถนนทั้งคืนหรอกนะ” ซือหม่าโยวฉิงพูด
“คุณหนูเหยียน อย่าไปพักข้างนอกตอนนี้เลยขอรับ!” ผู้ดูแลโรงเตี๊ยมพูด “ตอนนี้ข้างนอกอันตรายกว่าเมื่อก่อนเสียอีก”
“เพราะเหตุใดหรือ”
“เหตุผลที่ระยะนี้หมู่บ้านมีคนมามากมายเช่นนี้ก็เพราะภายในภูเขาด้านนอกไม่สงบ ทุกคนต่างมาหลบภัยกันทั้งสิ้น หากพวกท่านออกไปตอนนี้ก็จะอันตรายยิ่งกว่าเดิมอีกนะขอรับ” ผู้ดูแลโรงเตี๊ยมพูด
“คืนเดียวก็ไม่ได้หรือ” ซือหม่าโยวฉิงพูด
ผู้ดูแลโรงเตี๊ยมส่ายหน้าแล้วเอ่ยว่า “ทหารรับจ้างที่กลับมาบอกว่าดูเหมือนทิศทางที่ไปยังเมืองวิเศษนั้นจะเกิดเรื่องบางอย่างขึ้น สัตว์อสูรวิเศษกลุ่มใหญ๋จึงมุ่งหน้ามาทางนี้แทน ถ้าหากไม่อยากเกิดเรื่อง ก็รออยู่ที่นี่ให้เรื่องราวผ่านพ้นไปก่อนจะเป็นการดีที่สุดนะขอรับ”
“ใช่แล้ว ข้าลืมเรื่องนี้ไปได้อย่างไรกัน” เหยียนลู่ขมวดคิ้ว
“ทำไมหรือ” ซือหม่าโยวเย่ว์ถาม
เหยียนลู่ถอนหายใจแล้วเอ่ยว่า “เทือกเขาหมื่นอสูรมักเกิดเหตุการณ์เช่นนี้ขึ้นทุกสองสามปี สัตว์อสูรวิเศษทั่วทั้งภูเขาต่างก็หงุดหงิดกันเป็นอย่างยิ่ง ทุกครั้งแม้กระทั่งเมืองวิเศษก็ยังต้องเปิดค่ายกลป้องกันเมืองก่อนหน้าและหลังจากเหตุการณ์ราวหนึ่งเดือน ดูเหมือนว่าพวกเราคงต้องรออยู่ที่นี่กันอีกหลายวันแล้วล่ะ”
“ถูกต้อง เช่นนี้แหละ นี่ก็ผ่านมาครึ่งเดือนได้แล้ว ยังเหลืออีกราวครึ่งเดือน พวกท่านก็อยู่กันในห้องโถงใหญ่นี้สักครึ่งเดือนไม่ดีหรือขอรับ” ผู้ดูแลโรงเตี๊ยมพูด “ปกติแล้วใครมาก่อนก็ได้ก่อน พวกเราจะให้ผู้อื่นสละห้องให้ท่านก็คงไม่ดีนัก ถ้าหากห้องสองห้องก็ยังพอว่า แต่พวกท่านมีกันหลายคนเช่นนี้ ข้าจัดการให้มิได้จริงๆ ขอรับ”
“ไม่เป็นไรหรอก ผู้ดูแล ช่วยบอกพวกเราหน่อยว่าตรงไหนที่มีบริเวณกว้างขวางพอบ้าง” ซือหม่าโยวเย่ว์พูด
“พวกท่านจะออกไปอยู่ข้างนอกกันจริงๆ หรือขอรับ” ผู้ดูแลโรงเตี๊ยมเห็นพวกซือหม่าโยวเย่ว์ดื้อดึงเช่นนี้ จึงถอนหายใจแล้วเอ่ยว่า “ออกจากที่นี่ไปไม่ไกล จะมีทะเลสาบอยู่แห่งหนึ่ง พื้นที่บริเวณนั้นใช้ได้เลยทีเดียว นอกจากนี้ยังอยู่ใกล้ที่นี่ด้วย พอถึงเวลาหากเกิดอะไรขึ้นมา พวกท่านก็พอจะวิ่งกลับมาได้ทัน”
ซือหม่าโยวหยางเกิดความสงสัยขึ้นมาในใจ จึงเอ่ยถามว่า “เมืองวิเศษแห่งนี้ได้เปิดใช้ค่ายกลป้องกันเมืองเอาไว้หมดแล้ว เหตุใดพวกเจ้าจึงยังไม่เปิดค่ายกลป้องกันอันใหญ่อีกเล่า
“เพราะสัตว์อสูรวิเศษเหล่านั้นมุ่งโจมตีเมืองวิเศษเป็นหลัก ดังนั้นจึงจำเป็นต้องเปิดค่ายกลป้องกันเมืองอันใหญ่ แต่ที่นี่ได้รับผลกระทบน้อยกว่า ดังนั้นยามปกติจึงเปิดค่ายกลป้องกันทั่วไป รอให้เกิดเหตุการณ์ก่อนแล้วค่อยเปิดใช้ค่ายกลป้องกันอันใหญ่ก็ได้” เหยียนลู่พูดอธิบาย
“ใช่แล้ว” ผู้ดูแลโรงเตี๊ยมรับคำ ก่อนเอ่ยว่า “ค่ายกลป้องกันอันเล็กนี้ไม่กระทบต่อการเข้าออกของผู้คน แต่เมื่อใดที่เปิดใช้อันใหญ่แล้วหมู่บ้านก็จะถูกตัดขาดจากโลกภายนอก มิอาจเข้าออกได้”
ซือหม่าโยวเย่ว์ถอนหายใจแล้วเอ่ยว่า “ดูเหมือนว่าพวกเราจะมากันไม่ถูกเวลาสินะ!”
เหยียนลู่หัวเสียอยู่บ้าง แล้วเอ่ยอย่างขอโทษว่า “ขอโทษด้วย เพราะข้าหาของที่ข้าต้องการพบแล้วจึงมัวแต่ดีใจจนลืมเรื่องสำคัญไปเสียได้ ถ้าหากเตือนพวกเจ้าตั้งแต่แรก พวกเจ้าคงไม่ต้องมาที่นี่แล้ว เอาเป็นว่าพวกเจ้าทนอยู่ที่นี่กันสักคืนหนึ่งแล้วพรุ่งนี้ค่อยกลับไปที่เมืองเล็กแล้วกัน”
“ไม่เป็นไร ในเมื่อมาถึงที่นี่แล้วก็ต้องชื่นชมทิวทัศน์อันงดงามของที่นี่สักหน่อยสิ” ซือหม่าโยวเย่ว์พูด “ระหว่างนี้ทุกคนจะได้ฝึกประสบการณ์กันด้วย”
“อืม พวกเราก็ไม่อยากกลับไปเช่นกัน” ซือหม่าโยวเล่อพูด
“ในเมื่อเป็นเช่นนี้ ข้าก็จะอยู่กับพวกเจ้าแล้วกัน” เหยียนลู่พูด
“เจ้าจะอยู่กับพวกเราอย่างนั้นหรือ เพราะเหตุใดกัน” ซือหม่าโยวฉิงถามอย่างประหลาดใจ
ไม่เพียงแค่นางเท่านั้น คนตระกูลซือหม่าต่างประหลาดใจกันทั้งสิ้น
“ถ้าหากมิใช่เพราะความประมาทเลินเล่อของข้า เตือนพวกเจ้าตั้งแต่เนิ่นๆ พวกเจ้าก็คงไม่ต้องมาถึงที่นี่หรอก” เหยียนลู่พูด “นอกจากนี้ห้องสุดท้ายยังถูกศิษย์พี่หลี่เหมาไปจนหมด ข้ารู้จักเขาดี ถ้าหากข้าไม่อยู่กับพวกเจ้า พอถึงตอนนั้นเขาอาจจะให้คนพวกนั้นปิดค่ายกลใหญ่ก็เป็นได้”
“คุณหนูเหยียน ความจริงแล้วเจ้าไม่ต้อง…” ซือหม่าโยวเย่ว์พูด
“ข้าตัดสินใจแล้วว่าจะออกไปพร้อมกันกับพวกเจ้า” เหยียนลู่พูดอย่างแน่วแน่
“เช่นนั้น…ก็ได้” ซือหม่าโยวเย่ว์เห็นด้วย เธออยากจะเข้าใจสถานการณ์ของเมืองวิเศษอีกสักหน่อยก่อนจะไปถึงที่นั่น
“คุณหนูขอรับ” ชายหนุ่มคนหนึ่งเดินเข้ามาแล้วเอ่ยว่า “ศิษย์พี่หลี่บอกว่าให้มาเชิญท่านกลับไปขอรับ”
เหยียนลู่มองคนผู้นั้นปราดหนึ่งแล้วพูดว่า “เจ้ากลับไปบอกศิษย์พี่หลี่ว่าข้ากับสหายมาตั้งค่ายอยู่ข้างนอกแล้ว”
พอพูดจบนางก็ไม่สนใจคนผู้นั้นอีก แล้วออกจากหมู่บ้านไปพร้อมกับพวกซือหม่าโยวเย่ว์
ตอนที่หลี่มู่ได้ข่าวว่าพวกเขาไปถึงริมทะเลสาบแล้ว เขาก็รีบออกไปอย่างโมโห แต่กลับถูกเหยียนลู่ไล่กลับมาด้วยวาจาเย็นชา
เมื่อเห็นซือหม่าโยวเย่ว์ที่กางกระโจมไปพร้อมหัวร่อต่อกระซิกกับเหยียนลู่แล้ว เพลิงริษยาในใจเขาก็ลุกโชนอย่างไร้ที่สิ้นสุด
“ศิษย์พี่หลี่ คนตระกูลน่าหลานมาถึงแล้วขอรับ” ศิษย์ตัวน้อยคนหนึ่งกระซิบที่ข้างหูหลี่มู่
“ข้ารู้แล้ว” หลี่มู่มองพวกเขาอีกแวบหนึ่งก่อนจะพาคนของตัวเองจากไป
เจ้าเด็กนี่ จะต้องได้เห็นดีกันแน่!