สลับชะตา ชายามือสังหาร - ตอนที่ 290 สารภาพ
“เจ้าเด็กบ้า รีบมาหาข้าเร็วเข้าสิ!” มารเฒ่าตะคอกอีกคำก่อนจะตัดการเชื่อมต่อไป
ซือหม่าโยวเย่ว์มองก้อนหินในมือเขาด้วยสายตาเปล่งประกายพลางเอ่ยว่า “ท่านอาจารย์ นี่คือของล้ำค่าอะไรหรือ”
มารเฒ่าเห็นซือหม่าโยวเย่ว์น้ำลายแทบไหลอยู่แล้ว จึงเอ่ยว่า “ก้อนหินบิ่นๆ นี่น่ะหรือ แค่นี้ก็เป็นของล้ำค่าแล้วหรือ ช่างไม่รู้เรื่องรู้ราวเอาเสียเลย!”
ซือหม่าโยวเย่ว์ถูกเขาดุว่าเช่นนี้จึงเบ้ปากพูดว่า “ก็ข้าไม่เคยเห็นมาก่อนเลยนี่นา! ที่แท้แล้วมันคือสิ่งใดกันแน่”
“หินแม่ลูก” มารเฒ่าพูด “ใช้สื่อสารระหว่างหินลูกและหินแม่เช่นนี้ได้”
“เช่นนั้นก็ได้เพียงแค่หนึ่งต่อหนึ่งเท่านั้นน่ะสิ” ซือหม่าโยวเย่ว์ถาม
“ใช่แล้ว” มารเฒ่าพูด
“ท่านอาจารย์ ท่านยังมีอยู่อีกหรือไม่ ให้ข้าสักอันหนึ่งสิ!” ซือหม่าโยวเย่ว์พูดพลางยิ้มตาหยี
“ได้สิ ถึงอย่างไรหุบเขามารเทพก็มีสิ่งนี้อยู่ตั้งมากมาย” มารเฒ่าตอบอย่างมีความสุข
เป่ยกงถังเบ้ปากเล็กน้อย เธอรู้จักของสิ่งนี้ดี ถึงแม้ว่าจะมิได้ล้ำค่าอย่างที่ซือหม่าโยวเย่ว์คิด แต่ก็มิได้เป็นของผุพังอย่างที่มารเฒ่าพูด ยังนับได้ว่าค่อนข้างหายาก
ตอนนี้ซือหม่าโยวเย่ว์เพิ่งเอ่ยปากพูดไปคำเดียว แต่มารเฒ่ากลับรับปากอย่างรวดเร็วทันควันเช่นนี้ หากคนเบื้องบนได้ยินเช่นนี้เข้าแล้วจะรู้สึกเช่นไรเล่า
คิดไม่ถึงว่ามารเฒ่าจะหยิบหินกองใหญ่ออกมาจริงๆ อย่างน้อยก็น่าจะมีสักยี่สิบสามสิบก้อน
ซือหม่าโยวเย่ว์ถือหินก้อนหนึ่งเอาไว้แล้วเอ่ยอย่างอารมณ์ดียิ่งว่า “พวกเราเอาไปคนละก้อน พวกพี่ใหญ่คนละก้อน ไอ้หยา ท่านอาจารย์ แค่นี้ไม่พอให้แบ่งหนึ่งต่อหนึ่งหรอกนะ!”
“พอเจ้าไปถึงหุบเขามารเทพแล้วค่อยไปหาชนิดอื่นมาอีกก็ได้ เชื่อมต่อกับคนได้มากกว่านี้ โดยปกติแล้วข้าไม่ใช้ ก็เลยมิได้พกติดตัวเอาไว้น่ะ” มารเฒ่าพูด “เอาละ ตอนนี้กลับกันดีกว่า”
พอพูดจบเขาก็พาทั้งสองคนกลับไปยังเขาภาพมังกร
“โยวเย่ว์ พวกเจ้ากลับมาเสียที” ซือหม่าโยวหยางเห็นซือหม่าโยวเย่ว์กลับมาจึงก้าวเข้าไปตบบ่าเธอ
ซือหม่าโยวเย่ว์เห็นคนที่อยู่ในค่ายพักค่อนข้างน้อย จึงเอ่ยถามว่า “แล้วคนอื่นเล่า”
“ไปฝึกประสบการณ์ในภูเขาน่ะ” ซือหม่าโยวหยางพูด
“แล้วทำไมเจ้าจึงไม่ไปด้วยเล่า”
“วันนี้พวกเราเพิ่งกลับมาน่ะ” ซือหม่าโยวหยางพูด “พักผ่อนอีกสักวันแล้วค่อยไปใหม่ พวกเจ้าจัดการธุระเสร็จเรียบร้อยแล้วหรือ”
“อืม ท่านอาจารย์กินยาวิเศษไปแล้ว ยาวิเศษตรีปราณก็หลอมเสร็จแล้วด้วย” ซือหม่าโยวเย่ว์พูด
“พี่สาว ท่านไปเล่นที่ไหน ไม่เห็นพาสายรุ้งไปด้วยเลย” สายรุ้งบินออกมาแล้วร่อนลงบนบ่าซือหม่าโยวเย่ว์
ซือหม่าโยวเย่ว์ลูบตัวสายรุ้งพลางถามว่า “สามีเจ้าเล่า”
“เขาโยนข้าทิ้งไว้ที่นี่แล้วตัวเองก็จากไปไหนไม่รู้” สายรุ้งตำหนิการกระทำอันใจร้ายของเจ้าไก่ฟ้าอย่างเศร้าสร้อย
“เขาจากไปแล้วหรือ ไปไหนเล่า” ซือหม่าโยวเย่ว์พูดอย่างตกใจ
“เขาไม่ได้บอกน่ะ พูดเพียงแค่ว่าให้ข้าอยู่รอท่านที่นี่ อีกสองวันเขาจึงจะกลับมา” สายรุ้งพูด “พี่สาว เขาคงมิได้ไปสถานที่อันตรายอะไรหรอกกระมัง”
“มีความเป็นไปได้” ซือหม่าโยวเย่ว์พูด “แม้กระทั่งเจ้าเขายังไม่พาไปเลย แสดงว่าสถานที่ที่เขาไปนั้นจะต้องอันตรายเป็นอย่างยิ่ง จนเขามิอาจรับรองความปลอดภัยของเจ้าได้”
“หา! เกิดอันตรายกับสามีอย่างนั้นหรือ พี่สาว ตอนนี้พวกเราจะทำเช่นไรกันดีเล่า” สายรุ้งร้องอย่างกังวลใจ
“รอดูไปก่อนดีกว่า” ซือหม่าโยวเย่ว์พูด
ถ้าหากเธอเดาไม่ผิด เจ้าไก่ฟ้าน่าจะไปยังสถานที่แห่งนั้นแล้ว
“พี่สาว คงจะไม่เกิดเรื่องอันใดขึ้นกับสามีกระมัง” สายรุ้งถามอย่างไม่วางใจ
“ไม่น่าจะมีปัญหาหรอก” ซือหม่าโยวเย่ว์เอ่ยปลอบ “เขามิได้บอกเอาไว้ว่าอีกสองวันจะกลับมาหรอกหรือ เจ้าต้องเชื่อเขาสิ”
“อื้มๆ ข้ารู้แล้ว” สายรุ้งพูดอย่างผิดหวัง
ผ่านไปหลายชั่วโมง อูหลิงอวี่มาแล้วเห็นว่ามารเฒ่ากำลังกินอาหารอยู่ จึงเอ่ยว่า “ช่วงนี้ท่านอ้วนขึ้นแล้วนะ!”
“จะเป็นไปได้อย่างไรกันเล่า! ก่อนหน้านี้ข้ากินเผ่าพันธุ์ทิพย์ไปตั้งมากมายถึงเพียงนั้นก็ยังไม่เห็นอ้วนเลย” มารเฒ่าขว้างกระดูกในมือใส่เขา อูหลิงอวี่กะพริบร่างหลบหลีกได้อย่างเชี่ยวชาญ
“หยิบมาสิ” อูหลิงอวี่เดินเข้าไปพลางเอ่ยขึ้น
มารเฒ่าหยิบขวดหยกมาแล้วโยนให้อูหลิงอวี่พลางพูดว่า “มีอยู่สามเม็ด น่าจะประคับประคองเอาไว้ได้สามปี”
อูหลิงอวี่เก็บขวดหยกลงไปโดยไม่แม้แต่จะมองแล้วเอ่ยว่า “เมื่อกลางวันเห็นกัลป์โอสถก็เดาได้ว่าท่านต้องหลอมเสร็จแล้ว สามปีหรือ…”
ซือหม่าโยวเย่ว์ไม่เห็นวี่แววความเศร้าของคนกำลังจะตายบนใบหน้าอูหลิงอวี่เลยแม้แต่น้อย เธอก้มหน้าลง จากนั้นจึงเงยขึ้นแล้วถามว่า “ศิษย์พี่ เป็นอะไรไปหรือ”
อูหลิงอวี่มาถึงข้างกายเธอตั้งแต่ตอนที่เธอก้มหน้า เมื่อได้ยินคำถามของเธอจึงยื่นมือมาลูบศีรษะเธอพลางเอ่ยว่า “ศิษย์น้อง ถ้าหากข้าไม่อยู่แล้ว เจ้าต้องดูแลตาเฒ่าให้ดีล่ะ”
ซือหม่าโยวเย่ว์ปัดมือเขาทิ้งแล้วพูดว่า “อย่ามาลูบหัวข้านะ!”
“เจ้าต้องหามันให้พบภายในสามปีนี้ หลังจากข้าขึ้นไปแล้วจะไปหานักพยากรณ์ลองคำนวณดูว่าพอจะมีหนทางช่วยเหลืออะไรได้บ้างหรือไม่” มารเฒ่าพูด
“ไม่ต้องหรอก นักพยากรณ์นั่นเป็นศัตรูของท่าน ถ้าหากท่านไปหาเขา ต่อให้คำนวณได้ก็ไม่แน่ว่าเขาจะบอกท่านหรอกนะ” อูหลิงอวี่หยิบเก้าอี้โยกออกมาวางริมทะเลสาบแล้วเอ่ยว่า “ถ้าหากความจริงแล้วอยู่ที่ดินแดนอี้หลิน เขาก็จะบอกว่าอยู่ที่ดินแดนว่างเปล่า แล้วข้าจะไปหาเจอได้อย่างไรกัน”
“ในเมื่อตอนนั้นสัมผัสมันได้ที่ดินแดนอี้หลิน ตอนนี้มันก็น่าจะยังอยู๋ที่ดินแดนแห่งนี้สิ” มารเฒ่าพูด
“ข้าก็รู้อยู่ แต่น่าเสียดายที่ตอนนี้วิญญาณของข้าอ่อนแอลงกว่าก่อนหน้านี้ไม่น้อย มิอาจสัมผัสถึงการมีอยู่ของเขาได้อีกต่อไปแล้ว” อูหลิงอวี่พูดอย่างเศร้าสร้อย
สวรรค์ลิขิตให้เขามีชีวิตอยู่ได้อีกเพียงแค่ไม่กี่ปีนี้เท่านั้นจริงๆ หรือ
“บางทีหลังจากที่เจ้ากินยาวิเศษตรีปราณลงไปแล้วอาจจะสัมผัสได้อีกทีก็เป็นได้นะ” มารเฒ่าขมวดคิ้ว ในใจร้อนรนอยู่บ้าง
ซือหม่าโยวเย่ว์ก้มหน้ามองดูข้างๆ หลังจากที่อูหลิงอวี่มาถึงแล้ว มารเฒ่าก็ติดตั้งข่ายมนตร์ ถึงแม้ว่าคนตระกูลซือหม่าจะมองเห็นพวกเขา แต่กลับไม่ได้ยินเลยว่าพวกเขาพูดอะไรกันอยู่
เธอฟังการสนทนาโต้ตอบระหว่างทั้งสองคนอย่างเงียบๆ ซึ่่งพวกเขาก็มิได้ห้ามปรามเธอเลย ซึ่งนับได้ว่าไว้ใจเธอนั่นเอง
“เรื่องนั้น… ท่านอาจารย์” เธอเงยหน้าขึ้นมองมารเฒ่าแล้วพูดว่า “ข้ารู้ว่าวิญญาณอีกครึ่งหนึ่งของศิษย์พี่อยู่ที่ไหน”
มารเฒ่าและอูหลิงอวี่ตกตะลึง ถึงแม้ว่าพวกเขาจะมิได้ปิดบังเธอ แต่ก็มิได้พูดเลยว่ากำลังหาวิญญาณอีกครึ่งหนึ่งของอูหลิงอวี่อยู่ แล้วเธอรู้ได้อย่างไรกัน!
“โยวเย่ว์ เจ้าว่าอะไรนะ” มารเฒ่าดวงตาเป็นประกาย แววตาซับซ้อนอยู่พอสมควร
ซือหม่าโยวเย่ว์เห็นสายตาของเขาแล้วก็มิได้รู้สึกเหนือความคาดหมายเลย ถึงอย่างไรอูหลิงอวี่ก็เป็นคนที่เขาเลี้ยงมาจนเติบใหญ่ ย่อมต้องรักใคร่ทะนุถนอมอย่างยิ่ง แต่ตนกลับล่วงรู้ความลับของพวกเขา ถ้าหากมิอาจบอกเหตุผลที่ดีพอออกมาได้ กลัวแต่ว่าเขาจะไม่มีทางปล่อยตนไปง่ายๆ แน่
“ข้ารู้ว่าตอนนี้วิญญาณในร่างกายศิษย์พี่ไม่ครบสมบูรณ์ พลังยุทธ์ของเขาพัฒนาขึ้นมาตลอดหลายปีนี้ แต่วิญญาณกลับอ่อนแอลงเรื่อยๆ พวกท่านกำลังตามหาวิญญาณอีกครึ่งหนึ่งของเขาอยู่” ซือหม่าโยวเย่ว์พูดทุกสิ่งทุกอย่างที่ตนรู้ออกมา “นอกจากนี้ข้ายังรู้ด้วยว่าวิญญาณที่พวกท่านต้องการตามหาอยู่ที่ไหน”
“เจ้ารู้เรื่องพวกนี้ได้อย่างไรกัน” อูหลิงอวี่ถาม
ซือหม่าโยวเย่ว์มองคนตระกูลซือหม่าพลางเอ่ยว่า “พวกเราไปหาสถานที่สักแห่งคุยกันดีกว่านะ”
มารเฒ่าไม่กินอาหารอันโอชะอีกต่อไปแล้ว เขาพาซือหม่าโยวเย่ว์และอูหลิงอวี่ไปจากริมทะเลสาบ จนถึงยอดเขาที่อยู่ห่างออกไปไม่ไกล หลังจากแน่ใจว่าบริเวณรอบๆ ไม่มีใครแล้วจึงปล่อยตัวพวกเขาก่อนจะติดตั้งข่ายมนตร์แล้วมองเธอพลางเอ่ยถามว่า “เจ้ารู้เรื่องพวกนี้ได้อย่างไร”
ซือหม่าโยวเย่ว์ถอนหายใจแล้วเอ่ยว่า “เพราะว่าวิญญาณอีกครึ่งหนึ่งของเขาอยู่กับข้าน่ะสิ”