สลับชะตา ชายามือสังหาร - ตอนที่ 294 มารเฒ่าลงไปในทะเลสาบ
“เมื่อครู่นี้… ที่แท้คือสิ่งใดกันแน่”
ตลอดทั้งร่างกายของคนตระกูลซือหม่าเปียกปอนไปด้วยเหงื่อเยียบเย็นราวกับเพิ่งงมขึ้นมาจากน้ำ
“ช่างเป็นกลิ่นอายอันน่าหวาดหวั่นยิ่งนัก…”
ทุกคนตะเกียกตะกายลุกขึ้นมา แต่ขาเพิ่งจะยืนขึ้นมาได้ข้างเดียวก็ทรุดกลับลงไปเสียแล้ว
ถึงแม้ว่าซือหม่าโยวเย่ว์จะยืนอยู่ที่ริมทะเลสาบ แต่เธอก็รู้สึกว่าตอนนี้ยังคงอ่อนปวกเปียกไปทั้งตัว เกิดความหวาดหวั่นมาจากดวงวิญญาณเลยทีเดียว
และผู้คนภายในหมู่บ้านภาพมังกรต่างก็ถูกกดดันจนล้มลงเช่นเดียวกัน สีหน้าของทุกคนล้วนเต็มไปด้วยความหวาดกลัว ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น
มารเฒ่าและอูหลิงอวี่อยู่ห่างออกไปไม่ไกล หลังจากที่สัมผัสความเคลื่อนไหวทางนี้ได้จึงรีบเหินทะยานมาอย่างรวดเร็วแล้วร่อนลงที่ริมทะเลสาบ เมื่อเห็นซือหม่าโยวเย่ว์ปลอดภัยไร้เรื่องราวจึงค่อยคลายใจลง
“โยวเย่ว์ เกิดเรื่องอันใดขึ้นหรือ” อูหลิงอวี่เดินเข้ามาหาพลางถามอย่างเป็นกังวล
ซือหม่าโยวเย่ว์หันหน้ามามองเขาและมารเฒ่า เมื่อเห็นความเป็นห่วงในแววตาของทั้งคู่ ความโกรธเมื่อครู่จึงเบาบางลงไปไม่น้อย
เธอชี้ไปยังผิวทะเลสาบพลางเอ่ยว่า “เกิดมาจากในนั้นน่ะ”
“ก่อนหน้านี้ก็ยังดีๆ อยู่เลยมิใช่หรือ เหตุใดจู่ๆ จึงเกิดเหตุการณ์เช่นนี้ขึ้นมาได้เล่า” อูหลิงอวี่ถาม
ซือหม่าโยวเย่ว์ลูบจมูกพลางเล่าเรื่องที่ตนกลับมาแล้วขว้างก้อนหินเพื่อระบายความโกรธให้ฟัง
“ข้าลงไปดูหน่อยดีกว่า” มารเฒ่าเกิดความสนใจขึ้นมาจึงเอ่ยขึ้น
“ตาเฒ่า ท่านระวังจะเอาชีวิตมาทิ้งที่นี่นะ” อูหลิงอวี่เองก็สัมผัสได้ถึงความแกร่งกล้าของกลิ่นอายเมื่อครู่จึงเอ่ยขึ้น
“ข้าเป็นคนที่ตายง่ายถึงเพียงนั้นเชียวหรือ เจ้าเด็กบ้าอย่ามาแช่งข้านะ!” มารเฒ่าเอ่ยแล้วส่งเสียงเฮอะอย่างเย็นชา
“ท่านอาจารย์ ท่านระวังตัวด้วยล่ะ!” ซือหม่าโยวเย่ว์พูด
“อืม ถึงแม้ว่าสิ่งนี้จะมีกลิ่นอายอันแข็งแกร่งแต่ก็ทำอะไรข้าไม่ได้หรอก” มารเฒ่าพูดจบก็ใช้พลังวิญญาณโอบล้อมตัวเองเอาไว้ ก่อนจะกระโจนลงไปในทะเลสาบ
“ข้าจะกลับไปที่เมืองวิเศษแล้วนะ เจ้าจะไปกับข้าหรือไม่” อูหลิงอวี่ถาม
ซือหม่าโยวเย่ว์ส่ายหน้า
“รอให้ทางด้านเมืองวิเศษสงบลงแล้วข้าจะบอกให้เจ้ารู้นะ” อูหลิงอวี่พูด
เขาหยิบหินแม่ลูกก้อนหนึ่งออกมาแล้วแบ่งให้กับซือหม่าโยวเย่ว์ครึ่งหนึ่ง
“ได้สิ” ซือหม่าโยวเย่ว์รับหินแม่ลูกมา
“ข้าไปก่อนนะ เจ้าระวังตัวด้วยล่ะ” อูหลิงอวี่มองซือหม่าโยวเย่ว์ปราดหนึ่งก่อนจะลุกขึ้นทะยานจากไป
ในขณะนี้เอง คนตระกูลซือหม่าจึงค่อยลุกขึ้นมาจากพื้นแล้วมองดูผิวทะเลสาบที่กลับไปนิ่งสงบดังเดิมก่อนจะเอ่ยว่า “เบื้องล่างนี้มีสิ่งใดอยู่หรือ”
ซือหม่าโยวเย่ว์เล่าเรื่องที่ตนและมารเฒ่าคาดเดาว่าเบื้องล่างมีสัตว์อสูรร้ายอยู่ให้พวกเขาฟัง อีกทั้งยังคาดเดาว่าการจลาจลสัตว์อสูรวิเศษของเทือกเขาหมื่นอสูรก็เกิดขึ้นเนื่องจากอสูรร้ายตนนี้นี่เอง
คนตระกูลซือหม่าได้ยินข่าวนี้แล้วต่างตระหนกใจ แต่เพราะรู้เรื่องเบื้องล่างของเกาะลืมกังวลอยู่แล้ว พวกเขาจึงย่อยข่าวสารนี้ได้อย่างรวดเร็ว
“พูดเช่นนี้ก็หมายความว่าสถานที่แห่งนี้คงจะอันตรายเป็นอย่างยิ่งเลยน่ะสิ” ซือหม่าโยวหยางขมวดคิ้ว “พวกเราต้องเปลี่ยนที่ตั้งค่ายพักหรือถอยกลับไปไหม”
“ข้าว่าไม่จำเป็นหรอก” ซือหม่าโยวหรานพูด “ในเมื่อสถานที่แห่งนี้สะกดเจ้าอสูรร้ายนั่นเอาไว้ได้ ก็แสดงว่าที่นี่เป็นศูนย์กลางของค่ายกล ย่อมต้องเป็นบริเวณที่ปลอดภัยที่สุด”
“ข้าเห็นด้วยกับความคิดของโยวหรานนะ” ซือหม่าโยวหลินพูด “อยู่มาหลายปีขนาดนี้มันยังออกมามิได้ แค่ระยะเวลาสั้นๆ ไม่น่าจะมีปัญหาหรอก”
“ข้าก็ขี้เกียจย้ายเหมือนกัน ฟังจากที่เหยียนลู่พูด อีกไม่กี่วันการจลาจลนี้ก็น่าจะผ่านพ้นไปแล้วละ” ซือหม่าโยวเย่ว์พูด
หลังจากผ่านการหารือกันแล้วคนตระกูลซือหม่าก็อยู่ที่เดิมกันต่อไป ปกติทำเช่นไร ตอนนี้ก็ยังคงทำเช่นเดิม แต่ในใจยังคงหวาดหวั่นอยู่
วันรุ่งขึ้น คนของหมู่บ้านภาพมังกรค่อยๆ ทยอยมาเพราะอยากรู้ว่าเกิดอะไรขึ้นที่นี่ ความเคลื่อนไหวเมื่อวานเกิดขึ้นจากอะไร แต่เมื่อพวกเขามาถึงริมทะเลสาบเล็กแล้วกลับเห็นเพียงภาพกลุ่มคนตระกูลซือหม่ากินดื่มกันอย่างสบายใจ
“ไม่มีอะไรหรอกหรือ” มีคนสงสัย
“คงจะไม่มีอะไรหรอกกระมัง ไม่อย่างนั้นพวกเขาจะยังอยู่ที่นี่ได้อย่างไรกันเล่า”
“กลิ่นอายเมื่อคืนนี้น่าหวาดหวั่นเหลือเกิน ลึกไปถึงวิญญาณเลยทีเดียว”
“ช่างชวนให้คนตกใจเกินไปแล้ว ข้ามานึกถึงมันตอนนี้ก็ยังตัวสั่นอยู่เลย”
“แข้งขาข้าอ่อนยวบไปหมด”
“แต่เหตุใดพวกเขาจึงดูเหมือนไม่เป็นไรเลยเล่า”
“พวกเขามิอาจรู้สึกถึงกลิ่นอายขุมนั้นได้หรอกหรือ”
“พวกเจ้าไปถามดูหน่อยสิ”
“เอาล่ะ ถามก็ถาม”
มีคนไปถามคนตระกูลซือหม่าจริงๆ แต่พวกเขากลับบอกว่าเมื่อคืนมิได้อยู่ที่นี่ เพิ่งกลับมาตอนเช้าวันนี้ จึงไม่รู้เลยว่าเกิดอะไรขึ้น
“ข้าว่าแล้วอย่างไรเล่า ถ้าหากพวกเขาถูกกลิ่นอายขุมนั้นปกคลุมเช่นเดียวกัน แล้วจะยังผ่อนคลายขนาดนี้ได้อย่างไร”
“ก็ยังไม่รู้อยู่ดีว่าเมื่อคืนเกิดอะไรขึ้น”
“ข้าเคยได้ยินความลับบางอย่างมาว่าความจริงแล้วเทือกเขาหมื่นอสูรแห่งนี้สะกดอสูรร้ายตนหนึ่งเอาไว้ มันจะต้องเป็นผู้ก่อให้เกิดกลิ่นอายเมื่อคืนขุมนั้นแน่”
“เรื่องจริงหรือเท็จกัน”
“ถ้าหากเป็นเช่นนี้จริง พวกเราก็มิตกอยู่ในอันตรายกันหมดแล้วหรือ กลิ่นอายขุมนั้นแข็งแกร่งกว่าระดับจ้าววิญญาณขั้นสุดยอดมากมายนัก ข้าว่าอย่างน้อยที่สุดก็ต้องเป็นระดับเทพแล้วล่ะ”
“ข้าไม่คิดอย่างนั้นหรอก” มีคนปฏิเสธ “ข้าเคยได้สัมผัสกลิ่นอายของสัตว์อสูรเหนือเทพที่เมืองไตรวารีแห่งอาณาจักรจันทร์ประจิมมาก่อนแล้ว มิได้ใกล้เคียงกับเมื่อคืนนี้เลย”
“หรือจะบอกว่าร้ายกาจยิ่งกว่าระดับเทพอีกเล่า”
“ดินแดนของพวกเราจะมีสัตว์ที่แกร่งกล้าเช่นนี้อยู่ได้อย่างไรกัน”
“ใครจะไปรู้เล่า!”
“เฮ้อ… ไปเถิด กลับกันดีกว่า อยู่ที่นี่ไปก็ไร้ประโยชน์”
พวกซือหม่าโยวเย่ว์กินอาหารไปพลางฟังคนเหล่านี้คุยกัน คิดไม่ถึงว่าจะได้ยินคนพูดได้ถูกต้องจริงๆ แต่พวกเธอก็ไม่อยากพูดเรื่องนี้ออกมา เพื่อเลี่ยงไม่ให้คนเหล่านี้ตกใจ
เมื่อเห็นคนเหล่านั้นจากไปแล้ว เป่ยกงถังจึงฉีกเนื้อย่างใส่ปากแล้วถามว่า “โยวเย่ว์ เมื่อคืนเจ้าเป็นอย่างไรบ้าง ดูออกเลยว่าเจ้าโกรธเคืองเป็นอย่างยิ่ง”
ตอนนี้ซือหม่าโยวเย่ว์จิตใจสงบลงแล้ว แต่ก็ยังกัดปีกไก่อย่างรุนแรงคำหนึ่งก่อนจะเล่าเรื่องที่ตนได้รับการยอมรับจากปลอกนิ้วโลหิตให้ทุกคนฟัง
ทุกคนจนคำพูด ถ้าหากคนทั่วไปได้พบเจอเรื่องเช่นนี้ แม้ยามหลับก็ยังต้องตื่นด้วยรอยยิ้ม มีแต่เธอเท่านั้นแหละที่จะหดหู่เช่นนี้
พวกเว่ยจือฉีเข้าใจความรู้สึกของเธอดี เพราะรู้ว่าเธอขี้เกียจจนเคยตัวเสียแล้ว แต่ก็ยังพูดหยอกล้อว่า “ยากนักที่จะเห็นเจ้าโมโหเหมือนเมื่อวาน! ข้าพบว่าหลังจากที่ได้เจอกับท่านอาจารย์ของเจ้า เจ้าก็บันดาลโทสะมาหลายครั้งแล้วนะ”
เขาหมายถึงเรื่องตอนที่ซือหม่าโยวเย่ว์พบหน้าอูหลิงอวี่แล้วสู้กับเขาอุตลุด ตอนนั้นเธอยังกัดเขาอีกด้วย ทำให้ทุกคนเอามาพูดกันเป็นเรื่องตลกได้อีกหลายวัน
ซือหม่าโยวเย่ว์หัวเราะเยาะเสียงหนึ่งแล้วเปลี่ยนหัวข้อสนทนา เธอเอ่ยถามว่า “ระยะนี้ตระกูลน่าหลานทำอะไรกันอยู่หรือ ไม่เห็นพวกเขาจะโผล่หน้ามาเลย”
“จะทำอะไรได้อีกเล่า ก็เหมือนกับพวกเรานั่นแหละ พวกเขากำลังเสาะหาสัตว์อสูรวิเศษมาฝึกประสบการณ์อยู่ในภูเขาน่ะสิ!” ซือหม่าโยวหยางพูด “พวกเราได้พบตั้งหลายครั้ง แต่ก็มิได้เกิดความขัดแย้งอะไรกันใหญ่โตนัก”
“ข้าได้ยินมาว่าอีกสองวันคนตระกูลหั่วก็จะมาแล้ว” ซือหม่าโยวฉิงพูด
เมื่อมีเวลานางกับซือหม่าโยวหลานก็จะไปหาเหยียนลู่ที่หมู่บ้านภาพมังกร จึงได้ยินคนพูดกันถึงเรื่องนี้
“ตระกูลหั่วหรือ” ซือหม่าโยวเย่ว์ได้ยินชื่อพวกเขาแล้วนึกถึงพี่น้องตระกูลหั่วที่เคยพบที่เมืองอันหยางขึ้นมา ในตอนนั้นพวกเขาฉีกหน้าอีกฝ่ายอย่างแรงเลยทีเดียว
“นอกจากตระกูลหั่ว ตระกูลอื่นๆ ก็จะมาด้วยเช่นกัน ข้าว่าพวกเขาคงจะคำนวณเอาไว้แล้วว่าการจลาจลในเทือกเขาหมื่นอสูรใกล้จะสิ้นสุดลงแล้ว” ซือหม่าโยวหลานพูด
“เช่นนั้นพวกเรา…” ซือหม่าโยวเย่ว์ยังพูดไม่ทันจบ ความคิดวูบไหวคราหนึ่ง หินแม่ลูกก็ปรากฏขึ้นในอุ้งมือเธอและเปล่งแสงบนพื้นผิว
เธอใส่ปราณวิญญาณเข้าไปภายในนั้น เสียงของอูหลิงอวี่จึงดังแว่วออกมา “สัตว์อสูรวิเศษข้างนอกล่าถอยไปกันหมดแล้ว หากไม่มีสิ่งใดเหนือความคาดหมาย อีกสองวันก็จะปิดค่ายกลใหญ่คุ้มกันเมืองแล้วละ”