สวินหยาง ยอดหญิงไร้พ่าย ภาค 2 - บทที่ 55.1 การต่อสู้อันดุเดือดบนท้องถนนฉู่ซินอี๋ (1)
- Home
- สวินหยาง ยอดหญิงไร้พ่าย ภาค 2
- บทที่ 55.1 การต่อสู้อันดุเดือดบนท้องถนนฉู่ซินอี๋ (1)
“ข้าอยากพบหน้าเขาสักครั้ง” ฉู่สวินหยางกล่าว
หญิงสาวสองคนต่างฝ่ายต่างมองกันอย่างเงียบๆ ท่ามกลางราตรีอันมืดมิด
ด้วยเหตุที่ปฏิกิริยาของฉู่สวินหยางนั้นนิ่งเกินไป ไม่เพียงแต่เหยียนหลิงจวินและซูอี้ แม้แต่ซื่อหรงก็คาดไม่ถึง
นางเม้มปากแน่น ดวงตาที่ถูกปิดกั้นความรู้สึกมาโดยตลอด เริ่มปรากฏความสับสนวุ่นวายอย่างเห็นได้ชัด
เนิ่นนาน นางกลับเลื่อนสายตาอย่างเงียบเชียบ ไม่มองสบตาฉู่สวินหยางอีกต่อไป
นี่เป็นท่าทีปฏิเสธชัดๆ
ฉู่สวินหยางจึงมองนางอีกครั้ง ทว่ากลับไม่ได้เอ่ยอันใด เพียงแต่หันกายแล้วเดินจากไป
คนทั้งหมดต่างมองกันไปมองกันมา
กลับเป็นซื่อหรงที่เอ่ยขึ้นก่อนด้วยน้ำเสียงเย็นชา “ไสหัวไปให้หมด ไม่เช่นนั้นข้าจะสังหารท่านหญิงสวินหยางแทน”
ฉู่สวินหยางเป็นพระราชนัดดาแท้ๆ ของฮ่องเต้ ต่อให้ภารกิจครั้งนี้ของพวกเขาเป็นคำสั่งสังหารก็ไม่กล้านำเรื่องนี้มาเสี่ยงอันตราย
“คนทรยศ เจ้ายอมให้จับกุมเสียดีๆ ตามพวกเรากลับไปรับโทษ ไม่เช่นนั้น…” หัวหน้าคนชุดดำกล่าว
ซื่อหรงหัวเราะเสียงเย็นขึ้นพรืดหนึ่ง ทว่ากลับไม่ได้ให้โอกาสเขาพูดจนจบ กลับตวัดสายตาไปมองซูอี้ที่อยู่ อีกด้านหนึ่งและเอ่ยขึ้นว่า “ข้าถูกคนใส่ร้ายป้ายสี เป็นพวกซิงเว่ยที่แย่งผลงานและรายงานเท็จต้องการให้ข้าตาย ยามนี้คนผู้นี้ได้ตามข้ามาถึงที่นี่ หากพวกท่านยังบีบบังคับข้า อย่างมากก็แค่เจ้าไม่ตายก็เป็นข้าที่ม้วย ข้าจะพูดความจริงทั้งหมดกับเขาทันที”
“ข้าไม่สนใจศึกภายในของพวกเจ้าซิงเว่ย ข้าสนใจแต่ปฏิบัติภารกิจตามคำสั่ง” คนชุดดำผู้นั้นกล่าว น้ำเสียงเย็นชาและยืนกราน ไม่ยอมถอยให้แม้แต่น้อย “รีบยอมให้จับกุมตัว ข้าจะเมตตาให้ศพของเจ้าสมบูรณ์ได้”
ระหว่างที่พูดนั้น เขายกมือขึ้นกำลังจะส่งสัญญาณออกคำสั่ง
สายตาของฉู่สวินหยางเคลื่อนไหวเบาๆ ท้วงขึ้นว่า “พวกเจ้าเป็นใคร? ไม่รู้สถานที่แห่งนี้เป็นใต้หล้าของโอรสสวรรค์หรืออย่างไร? กล้าแสดงอาวุธต่อหน้าข้า ช่างกล้าหาญชาญชัยยิ่งนัก”
แม้องครักษ์ลับเหล่านี้จะเป็นคนของฮ่องเต้ แต่ด้วยเหตุที่หลบอยู่ใต้ดินตลอดมาฟังเพียงคำสั่งของฮ่องเต้ผู้เดียว แม้จะมีความกังวลที่ฉู่สวินหยางตกอยู่ในมือของซื่อหรง แต่พวกเขาก็ไม่ได้ใส่ใจนัก
ครั้งนี้เมื่อคานอำนาจดูแล้ว คนผู้นั้นยังคงออกคำสั่งอย่างเด็ดขาดว่า “จัดการ!”
เงาร่างนับสิบพุ่งเข้าไป ทั้งหมดพุ่งเข้าหาซื่อหรงและซูอี้
ในวินาทีความเป็นความตาย ซื่อหรงผลักฉู่สวินหยางออกไปอย่างแรง ดึงดาบต้านรับทันที
ฉู่สวินหยางถูกนางผลักจึงโงนเงนไปมา นางถูกเหยียนหลิงจวินประคองเอาไว้
เมื่อหันกลับมา ซื่อหรงและซูอี้ทั้งสองคนตกอยู่ในวงล้อมขององครักษ์ลับ
แววตาของฉู่สวินหยางเป็นประกายวาบครู่หนึ่ง นางหยิบดอกไม้ไฟออกมาจากแขนเสื้อโดยที่ไม่ได้หยุดคิด กดตุ่มบนนั้นแล้วยื่นมือขึ้นฟ้า
ท้องฟ้าที่เงียบสงัดระเบิดดอกไม้ไฟสีทองออกมา ภายในพริบตาชายฉกรรจ์ปิดหน้าด้วยผ้าสีดำแปดคนก็ปรากฏ กายขึ้นจากทั้งสี่ทิศ
สีหน้าของฉู่สวินหยางนิ่งประดุจสายน้ำ ยืนขึ้นไพล่หลังอยู่ที่เดิมไม่ไหวติง น้ำเสียงเย็นชานั้นพูดเพียงไม่กี่คำ
“ข้าไม่ต้องการให้เขารอดไปเป็นพยาน”
คนชุดดำทั้งแปดไม่ลังเลแม้แต่น้อย ตรงเข้าไปปะทะกับองครักษ์ลับของฮ่องเต้ทันที
ทั้งสองฝ่ายต่างเป็นคนจิตใจโหดเหี้ยมฆ่าคนโดยไม่ทันกะพริบตา การปะทะการอย่างดุเดือดครั้งนี้ย่อมไม่น่าดู เป็นการต่อสู้ที่โหดร้ายและทารุณยิ่ง รอบข้างเต็มไปด้วยกลิ่นคาวเลือดเพียงไม่นานก็คละคลุ้งขึ้นจมูก
ฉู่สวินหยางนั้นไม่แม้แต่กะพริบตา เพียงแต่มองด้วยสีหน้าไร้ความรู้สึกใดใด
ก่อนหน้านี้ ซื่อหรงใช้นางไปต่อรองกับองครักษ์เหล่านั้น ที่จริงแล้วเป็นเพียงการกระทำหลอกๆ ให้คนนอกดูเท่านั้น เพื่อเป็นการตัดความเกี่ยวข้องของคนทั้งสอง ป้องกันไม่ให้ฮ่องเต้สงสัยในตัวนาง
หญิงสาวผู้นั้น คำสั่งสุดท้ายที่เอ่ยก็ยังไม่ลืมที่จะปูทางหนีให้กับกับนาง…
จะบอกว่า ‘มีความตั้งใจดี’ คำนี้ก็ไม่เกินไปนัก
และข้างกายนางมีองครักษ์ลับที่ฉู่อี้อันจัดการให้นั้น นางเองรู้มาโดยตลอด เพียงแต่คนเหล่านี้ซ่อนตัวไว้ลึกลับยิ่ง ไม่ปรากฏกายออกมาง่ายๆ
คนทั้งสองฝ่ายประมือกันอย่างโหดร้ายทารุณอยู่ในตรอก คมดาบตวัดกวัดแกว่งปะทะกัน ไม่มีใครยอมให้อีกฝ่ายมีพื้นที่หนีรอด
องครักษ์ลับของฮ่องเต้คาดไม่ถึงว่าฉู่สวินหยางจะยื่นมือเข้ามาสอด แล้วยังใช้วีธีการกระหายเลือดเช่นนี้
ขณะที่ทำการต้านรับ ก็คิดด้วยความประหลาดใจ
ทว่าคนกลุ่มนี้ของฉู่สวินหยางนั้นไม่ว่าจะเป็นความถนัดหรือความโหดเหี้ยล้วนไม่ได้ด้อยกว่าคนของฮ่องเต้เลยขณะที่การต่อสู้ยังไม่หยุดลง หัวหน้าองครักษ์ลับกัดฟัน สลัดออกจากจากศัตรูได้ ขณะเดียวกันก็ดึงดาบออกมาหันมาจู่โจมใส่ฉู่สวินหยาง
กระบี่ยาวในมือของเขาตวัดข้ามมาราวกับเป็นดอกไม้กระบี่ คมกระบี่ชี้ลงมา…
เป็นฉู่สวินหยางที่ยื่นมือเข้ามาสอดจนเสียเรื่องอยู่ก่อน ยามนี้เขาจึงไม่หนักใจหากต้องทำร้ายอีกฝ่าย ย่อมมีเหตุผลที่จะไปกราบทูลฮ่องเต้ให้กระจ่างแจ้ง
มือของฉู่สวินหยางที่กำแส้อยู่นั้นออกแรงเล็กน้อย เหยียนหลิงจวินกลับเข้ามารับมือแทนก่อนหนึ่งก้าว ใช้อาวุธลับจากขลุ่ยยาวของเขาซัดออกไปต้านรับ
อาวุธกระทบกันเสียงดังและเกิดเป็นประกายไฟส่องวาบ
เหยียนหลิงจวินใช้กำลังภายในทำให้คนผู้นั้นล่าถอยไปครึ่งก้าว พูดด้วยสีหน้าเย็นเยียบ “เมืองหลวงเป็นสถานที่สำคัญ พวกเจ้ากลับกล้าลงมือสังหารธิดาของราชวงศ์? ข้าว่าพวกเจ้ามีชีวิตอยู่จนเบื่อแล้วกระมัง”
“คนพวกนี้ล้วนเป็นพวกเดียวกัน ไม่ต้องเกรงใจพวกเขา ฆ่าได้เลยไม่ต้องถาม” คนผู้นั้นกลับไม่อธิบายเมื่อตั้งใจแล้วจึงถือดาบต้านรับเข้ามา
ด้วยคำสั่งสังหารของฉู่สวินหยาง เมื่อเรื่องไปถึงฮ่องเต้นางก็อธิบายไม่ชัดเจน เป็นศัตรูก็เป็นศัตรูเถิด อย่างไรก็ไม่กลัวว่าจะอธิบายไม่ได้
เมื่อวางท่าออกมาเช่นนี้แล้ว นั่นย่อมแสดงว่าเจ้าไม่ตายข้าก็ม้วย
—————————————————–