สัญญารัก คบกับประธานฮั่ว30วัน - บทที่ 1003 ขอบคุณ ที่คุณยอมแต่งงานกับผม
คุณหมอนั้นคอยเตรียมพร้อมอยู่ข้างๆ ตลอดเวลา ไม่นานคุณหมอก็ได้มาถึง
ระหว่างรอนั้น เย้นหว่านทนไม่ไหวได้อาเจียนออกมาอีกครั้ง แม้แต่เครื่องสำอางบนใบหน้าก็ไม่สามารถปกปิดความอ่อนเพลียบนหน้าเจ้าสาวได้
หลังจากที่คุณหมอมาแล้ว ก็ได้จัดการด้วยวิธีที่ชำนาญ เย้นหว่านอาการถึงค่อยๆ ดีขึ้น
ตอนนี้เอง โห้หลีเฉินก็ได้มาถึงอย่างรวดเร็ว
เขาสวมชุดสูทสีดำเรียบ หลังจากผ่านการแต่งหน้าแต่งตามา คนทั้งคนก็หล่อเหลาเปล่งประกาย
แต่ใบหน้าที่หล่อเหลานั้น หว่างคิ้วกลับขมวดแน่น เต็มไปด้วยความเป็นห่วงและทรมานใจ
เขาเดินเข้ามาข้างๆ เย้นหว่านแล้วคุกเข่าลงข้างหนึ่ง กุมมือน้อยๆ ของเธอไว้
“เป็นอย่างไรบ้าง ไม่สบายอีกแล้วเหรอ”
พักนี้ อาการแพ้ท้องของเย้นหว่านยิ่งอยู่ยิ่งรุนแรงและบ่อยขึ้น เขาคอยดูแลทั้งวัน ถึงแม้ว่าจะคุ้นชินแล้ว แต่ทุกๆ ครั้งที่เห็นก็เจ็บปวดใจอย่างไม่สามารถควบคุมได้
ถ้าหากรู้ตั้งแต่แรกว่าการตั้งท้องแล้วเธอจะทรมานขนาดนี้ เขายอมที่จะให้เธอชีวิตนี้ไม่ต้องมีลูกก็ได้
“ไม่เป็นไรแล้ว ดีขึ้นมากแล้ว”
เย้นหว่านส่ายหน้า ยิ้มแล้วก็มองชายหนุ่มที่อยู่ตรงหน้า “คุณมาได้ยังไง ก่อนพิธีแต่งงานพวกเรายังเจอกันไม่ได้”
“ผมเป็นห่วงคุณ ไม่สนใจอะไรทั้งนั้นแล้ว”
โห้หลีเฉินขมวดคิ้วด้วยความตระหนก
เย้นหว่านยิ้มอย่างจนปัญญา ชายหนุ่มคนนี้ก็มักจะเป็นแบบนี้ ไม่ว่าเรื่องใดก็มักจะวางเธอไว้เป็นอันดับแรก
ไม่ว่าจะเวลาไหน ก็มักจะทำให้เธอรู้สึกสบายใจ
“โห้หลีเฉิน ดัจังที่ได้แต่งงานกับคุณ”
เธอโน้มตัวมาข้างหน้า แล้วประทับรอยจูบเบาๆ ลงกลางหน้าผากของเขา
บรรยากาศช่างโรแมนติก
แต่เมื่อเย้นหว่านถอยออกนั้น ก็ถึงกับชะงัก ใบหน้าแดงก่ำฉับพลัน และสีหน้าอึดอัด
บนหน้าผากของโห้หลีเฉิน มีรอยจูบสีแดงไม่เข้มมากแต่ก็ไม่จางประทับอยู่
ทำให้เครื่องสำอางบนใบหน้าของเขาที่แต่งมาอย่างประณีต เลอะไปหมด
โห้หลีเฉินเกิดความสงสัย “เป็นอะไร”
เย้นหว่านลุกขึ้นด้วยความเขินอาย
“บนหน้าของคุณเลอะแล้ว ไปทำความสะอาดก่อนสิ ฉันจะออกไปเตรียมตัวก่อน”
เมื่อพูดจบ เย้นหว่านยกกระโปรงแล้วเดินออกไปด้านนอก
เป็นการเดินที่ทั้งเร็วและรีบเร่งราวกับวิ่งก็ไม่ปาน
โห้หลีเฉินหรี่ตาลงมองแผ่นหลังของเธอ จากนั้นลุกยืนขึ้นเดินไปส่องดูตัวเองที่กระจกที่ยาวจรดถึงพื้น
บนตรงกลางหน้าผาก มีรอยจูบสีแดงของภรรยาของเขา
มุมปากของเขายกขึ้น แผ่รัศมีความรักความเอ็นดู ผู้หญิงเล็กๆ คนนี้ช่าง……
พิธีแต่งงานนั้นเป็นการจัดตามความชอบเย้นหว่าน ริมทะเลที่ใสสะอาด หายทรายสีทอง ยังมีการแต่งตัวที่เรียบหรูสดใส รวมไปถึงดอกกุหลาบสีขาวที่เบ่งบานสะพรั่ง
ทุกอย่างดูงดงาม สมบูรณ์แบบอย่างลงตัว
นี่เป็นงานแต่งในฝันของเธอ และเจ้าบ่ายก็คือชายหนุ่มที่เธอต้องการอยากแต่งด้วยที่สุด
เย้นหว่านทั้งตื่นเต้นแล้วก็ดีใจ จนร่างกายนั้นเกร็งแน่นไปหมด
หรือบางทีอาจตื่นเต้นเกินไป ทำให้เธอรู้สึกได้ว่ากระเพาะเริ่มปั่นป่วนจนอึดอัดขึ้นอีกครั้ง
“คุณเย้น ไหวไหมครับ”
ท่านอาวุโสแปดที่สวมสูทอยู่ข้างๆ มองเย้นหว่านด้วยความเป็นห่วง
เย้นเจิ้นจื๋อไม่สามารถมาเข้าร่วมงานแต่งได้ เขาก็เลยไม่ได้มาส่งตัวเจ้าสาวเข้าไปในห้องโถงทำพิธี
ที่นี่ ก็มีแต่ท่านอาวุโสแปดที่เย้นหว่านสนิทที่สุด และเขาก็เป็นผู้อาวุโส ก็เลยให้เขาได้ทำหน้าที่บทบาทแทนพ่อ
วันนี้ เย้นหว่านจึงคล้องแขนของท่านอาวุโสแปดแล้วเดินเข้ามาหาโห้หลีเฉิน
เย้นหว่านยืนใต้ซุ้มดอกไม้ที่ยังไม่ได้ทำการเปิด ภายใต้ผ้าม่านสีขาวบางๆ สามารถมองเห็นกลีบดอกไม้ที่โรยเป็นพรมไปจนสุดปลายทางที่โห้หลีเฉินยืนอยู่
เจ้าบ่าวของเธอที่กำลังรอเธอ
วันนี้เป็นวันสำคัญที่สุดของเธอกับเขา เธออยากให้ทุกอย่างนั้นงดงามสมบูรณ์แบบ
จึงได้พยายามอดทนและข่มความปั่นป่วนในกระเพาะไว้ เย้นหว่านยิ้มขึ้น และทำการส่ายหน้าเบาๆ
“ไม่เป็นไร”
ท่านอาวุโสแปดมองเย้นหว่านด้วยความเป็นห่วงอยู่สักพัก แล้ววางใจไม่ลง แต่ก็ไม่ได้พูดออกมา
ตอนนี้ทุกสายตากำลังมองมา ทำให้ไม่สะดวกจริงๆ
หวังแค่เพียงว่าเย้นหว่านจะไม่เป็นอะไรจริงๆ
ถึงเวลาฤกษ์
ผ้าม่านสีขาวถูกดึงออก เด็กสาวที่ทำหน้าที่ถือดอกไม้เริ่มทำการโปรยกลีบดอกไม้ลอยไปรอบๆ จนบังเกิดความงดงาม
ใบหน้าเย้นหว่านยกยิ้มขึ้น แววตามองไปยังชายหนุ่มที่อยู่ไกลๆ ด้วยความอ่อนโยน
ท่านอาวุโสแปดพาเธอก้าวเดินทีละก้าวๆ ท่ามกลางดนตรีที่โรแมนติก มุ่งหน้าเดินไปทางโห้หลีเฉิน
ยิ่งเข้าไปใกล้ หัวใจของเธอก็ยิ่งเต้นแรง และก็ยิ่งรู้สึกเข้าใกล้ความสุขขึ้นทุกที
โห้หลีเฉินมองตรงมาทางเย้นหว่าน แววตาลึกล้ำ ลึกราวกับก้นทะเลสาบที่มองไม่เห็น และต้องการที่จะดึงเธอเข้าไป
จนจมน้ำตาย
แต่เธอก็เต็มใจ
ราวกับว่าเดินมาแล้วหลายศตวรรษ ราวกับว่าเดินผ่านเรื่องราวที่พวกเขาประสบพบเจอ รู้จัก และรักกันมาจนถึงทุกวันนี้ แต่ก็ราวกับว่าเป็นแค่เพียงเสี้ยววินาทีเท่านั้นเอง เย้นหว่านเดินมาถึงด้านหน้าของโห้หลีเฉิน
เขาเอื้อมมือมา แล้วจับมือเธอไว้
ฝ่ามือที่หนาใหญ่มีอุณหภูมิของหัวใจที่ร้อนผ่าว เย้นหว่านมองเขาด้วยแววตาเป็นประกาย ถูกเขากุมจับมือน้อยๆ ไว้แน่น
แล้วเดินไปที่ด้านหน้าของบาทหลวงพร้อมกัน
บาทหลวงเป็นชายชราใจดีคนหนึ่งที่อายุราวเจ็ดสิบปี เป็นผู้มีชื่อเสียงมากในแถบที่นี้ ทั้งชีวิตได้ประกาศคำปฏิญาณให้กับคู่รักแล้วนับไม่ถ้วน
การสนับสนุนของเขา คำพูดของเขา ล้วนแสดงถึงการอวยพร
เขาเปิดหนังสือเล่มหนาตึบที่อยู่ตรงหน้า แล้วหันไปกล่าวกับเย้นหว่านด้วยความจริงจัง
“คุณเย้น คุณเต็มใจที่จะแต่งงานเป็นภรรยาของคุณโห้หลีเฉินไหม ต่อไปไม่ว่าจะยามสุขและยามยาก ยามไข้และสบายดี ยามงดงามหรืออัปลักษณ์ ยามราบรื่นยามผิดหวัง ก็จะเต็มใจรักเขา ปลอบใจเขา เคารพเขา ปกป้องเขา และซื่อสัตย์ต่อเขาตลอดไปไม่เปลี่ยนแปลงหรือไม่”
เย้นหว่านจ้องไปที่โห้หลีเฉิน ริมฝีปากเปิดแล้วกล่าวอย่างหนักแน่น
“ดิฉันเต็มใจค่ะ”
ใบหน้าที่รูปงามของโห้หลีเฉินได้ยกยิ้มขึ้น อบอุ่นสุดๆ
แล้วบาทหลวงก็หันไปทางโห้หลีเฉิน
“คุณโห้หลีเฉิน คุณเต็มใจที่จะรับคุณเย้นเป็นภรรยาของคุณไหม ต่อไปไม่ว่าจะยามสุขและยามยาก ยามไข้และสบายดี ยามงดงามและอัปลักษณ์ ยามราบรื่นยามผิดหวัง ก็จะเต็มใจรักเธอ ปลอบใจเธอ เคารพเธอ ปกป้องเธอ และซื่อสัตย์ต่อเธอตลอดไปไม่เปลี่ยนแปลงหรือไม่”
โห้หลีเฉินจ้องมองตรงเย้นหว่าน ราวกับว่าในโลกของเขามีแค่เพียงเธอเท่านั้น
เวลาเช่นนี้ เขารอคอยมานานแสนนาน
น้ำเสียงของโห้หลีเฉินค่อนข้างสะอึก จ้องมองเธอ แล้วกล่าวออกมาทีละคำๆ
“ผมเต็มใจครับ”
บาทหลวงยิ้มเบาๆ “ตอนนี้เชิญพวกคุณทำพิธีสวมแหวนให้แก่กันและกัน”
เขาหยิบกล่องแหวนประณีตสวยงามที่วางอยู่บนโต๊ะมาเปิดออก ในนั้นเป็นแหวนคู่รักสองวง
ของฝ่ายชายเรียบหรูดูสง่า ของฝ่ายหญิงประณีตละเอียดอ่อน เป็นการฝังด้วยเพชรที่ดีที่สุดที่มีเพียงหนึ่งเดียวจากเซโรเปียดูงดงามตระการตา
โห้หลีเฉินจูงมือน้อยๆ ของเย้นหว่าน แล้วหยิบแหวนขึ้นมา จากนั้นคุกเข่าลงข้างหนึ่ง ราวกับว่าใช้ความอ่อนโยนทั้งหมดที่มี ค่อยๆ นำแหวนมาสวมเข้าที่นิ้วนางของเธอ
พวกเขามองดูแหวนที่เปล่งประกายแสงด้วยกัน ทั้งหัวใจก็ยิ่งแนบแน่นชิดกันมากขึ้น
เย้นหว่านสะอึกในลำคอ แววตาที่เป็นประกายมีน้ำตาซึม
แววตาของโห้หลีเฉินลุ่มลึกเหลือเกิน เงยหน้ามองเธอด้วยท่าทางราวกับกำลังชื่นชม
“เย้นหว่าน ผมไม่เคยรู้มาก่อนว่าอะไรคือความรัก จนกระทั่งได้มาพบคุณ ถึงได้รู้ว่าที่จริงแล้วบนโลกใบนี้ยังมีแบบนี้ ความรู้สึกแบบที่สามารถทำให้จิตใจคนหวั่นไหว รู้สึกชอบ และเป็นห่วงเป็นใย
ขอบคุณที่รักผม ขอบคุณที่ให้โอกาสผม ให้ผมได้ดูแลคุณไปชั่วชีวิต และอยู่ด้วยกันจนแก่เฒ่า ขอบคุณที่เคยให้ความสนับสนุนผม ทำให้ผมรู้ความหมายของการมีชีวิตอยู่
เย้นหว่าน ผมรักคุณ”
น้ำตาเย้นหว่าน ไหลออกมาจากเบ้าตา ร่วงหล่นลงมาเป็นสาย
มือข้างหนึ่งของเธอปิดปากไว้ ซาบซึ้งสะอึกสะอื้น ร้องจนเปียกปอนขะมุกขะมอมไปหมด
เธอสะอื้นจนไม่พูดไม่ออก มีความสุขราวกับถูกแช่อยู่ในน้ำผึ้ง เป็นน้ำตาลให้เขาใช้หมัก