สัญญารัก คบกับประธานฮั่ว30วัน - บทที่ 1005 ยินดีด้วย พวกท่านเป็นสามีภรรยากันแล้ว
- Home
- สัญญารัก คบกับประธานฮั่ว30วัน
- บทที่ 1005 ยินดีด้วย พวกท่านเป็นสามีภรรยากันแล้ว
เขาเดินเข้ามาใกล้โห้หลีเฉินสองก้าว เสียงทุ้มต่ำ เย็นชาสุดๆ
“โห้หลีเฉิน ไม่ว่าแกจะเห็นด้วยหรือไม่เห็นด้วย เรื่องนี้ก็จะต้องตัดสินแบบนี้ ถ้าหากว่าแกไม่อยากจะสูญเสียตำแหน่งปัจจุบันของแกในตระกูลเย้น อยากจะปกป้องเมียแกให้ดีๆ ก็อย่ามาเป็นปฏิปักษ์กับฉัน
เมื่อพูดจบ หยูฉู่สองสะบัดแขนเสื้อหันหลังแล้วก้าวเท้าใหญ่จากไป
พลางเดินพลางกล่าวเหน็บแนม
“ฉันยังมีธุระ คงไม่อยู่ร่วมพิธีแต่งงานของพวกแกต่อ พวกแกเริ่มกันต่อแล้วกัน”
โห้หลีเฉินยืนนิ่งตรงอยู่ที่เดิม ทั้งตัวราวกับถูกปกคลุมด้วยชั้นน้ำแข็งหิมะ
ถึงแม้ว่าหยูฉู่สองจะไม่ได้บอกอย่างละเอียดชัดเจน แต่ว่าจุดประสงค์ของเขาโห้หลีเฉินนั้นเข้าใจดี
ตอนนี้เขามีแผนอยู่สองแผน
หนึ่ง คือการสู้ชนะตระกูลเย้นให้ได้ เมื่อได้ยาถอนพิษจากตระกูลเย้น ก็นำมารักษาโรคทางพันธุกรรมให้กับลูกหลานตระกูลหยู สามารถเข้าคลังสมบัติได้อย่างตามใจ แล้วก็ควบคุมลูกหลานของหลานชาย ก็จะสามารถควบคุมตระกูลหยูต่อไปได้
สอง คือทางถอยของเขา หากว่าไม่สามารถชนะตระกูลเย้นได้ ก็เริ่มลงมือจากลูกของเย้นหว่าน แย่งลูกของพวกเขามาเลี้ยงดูแลตั้งแต่เล็กๆ แล้วปลูกฝังทางความคิด เด็กจะได้เป็นทายาทสืบทอดทางชอบธรรม และจะเชื่อฟังคำสั่งของหยูฉู่สอง
เพียงแต่โห้หลีเฉินไม่ค่อยข้าใจ เด็กยังไม่เกิด และก็ยิ่งไม่แน่ใจว่าเขาจะสืบทอดโรคทางพันธุกรรมได้หรือไม่ มีความสามารถในการเปิดคลังสมบัติหรือไม่
ทำไมหยูฉู่สองกลับเหมือนไม่ได้คิดปัญหานี้ หรือว่าเขามั่นใจว่าเด็กจะต้องมี
หยูฉู่สองทำอะไรย่อมต้องมีเหตุผล โห้หลีเฉินสัมผัสได้ว่ามีอันตรายบางอย่างที่เขายังไม่รู้ กำลังซ่อนอยู่ในที่มืด
และอาจยิงธนูลับที่อันตรายถึงชีวิตออกมาเมื่อไหร่ก็ได้
เย้นหว่านจับมือของโห้หลีเฉินอย่างกังวล โดยที่มืออีกข้างกุมท้องของตัวเองไว้
แววตาของเธอประกายความวิตก “โห้หลีเฉิน ลูกของพวกเราจะยกให้เขาไม่ได้”
หากว่าเป็นไปได้ เย้นหว่านไม่อยากแม้กระทั่งที่จะให้เด็กคนนี้เป็นทายาทสืบทอดของตระกูลหยู ไม่อยากให้เขามีความสัมพันธ์เกี่ยวข้องใดๆ กับตระกูลหยูอีกต่อไป
โห้หลีเฉินตกอยู่ในหล่มของตระกูลหยู ทุกข์ยากทรมานมามากพอแล้ว
เธอแค่อยากให้ลูกของเธอสามารถเจริญเติบโตได้อย่างมีแต่ความสุข แต่งงานมีลูกอย่างมีความสุข และใช้ชีวิตที่คนปกติทั่วไปควรมี
โห้หลีเฉินจับมือหงายของเย้นหว่าน หันหน้ามามองเธอ ฉับพลันแววตาก็กลายเป็นอ่อนโยนและผ่อนคลายลงทันที
เขายิ้มอย่างรักใคร่เอ็นดู “วางใจนะ มีผมอยู่ ไม่มีทางที่จะยกลูกให้เขาอย่างแน่นอน ต่อไปรอให้ลูกของเราคลอดออกมา แม้แต่แวบเดียวก็ไม่ให้ได้เห็น”
ท่าทางการปกป้องลูกน้อยของโห้หลีเฉิน ทำให้เย้นหว่านอดยิ้มไม่ได้
เธอเชื่อขอเพียงมีเขาอยู่ ลูกของเธอจะต้องปลอดภัย
มือลูบท้องน้อยเบาๆ เย้นหว่านก้มศีรษะลง แล้วกล่าวพึมพำด้วยความรัก
“ลูกจ๋า ไม่ต้องกลัวนะ แม่กับพ่อจะต้องปกป้องหนูให้ดีอย่างแน่นอน ให้หนูเจริญเติบโตขึ้นมาอย่างมีความสุข”
โห้หลีเฉินมองเย้นหว่านด้วยใบหน้าที่อบอุ่น แล้วมองท้องของเธอ
ฝ่ามือของเขาค่อยๆ ทาบอยู่ที่หลังมือของเธอ
“ผมจะปกป้องพวกคุณอย่างดีนะ”
นี่คือลูกที่มีค่าที่สุดในชีวิตของเขา เป็นคนที่จะต้องปกป้อง
ไม่ว่าหยูฉู่สองจะมีแผนการอะไร จะทำอะไร เขาก็ไม่มีทางยอมให้หยูฉู่สองได้เข้าใกล้ลูกของเขากับเย้นหว่าน
หยูฉู่สองจากไปแล้ว แต่ว่าการมาของเขาครั้งนี้ กลับทำให้บรรยากาศจากที่เดิมทีมครึกครื้นมีความสุขอันตรธานหายไป แม้แต่อากาศในตอนนี้ก็ยังปกคลุมด้วยบรรยากาศที่กดดัน
แขกเหรื่อต่างสบตากันก่อนค่อยๆ นั่งลงบนเก้าอี้
สีหน้าต่างเคร่งขรึม
พวกเขาต่างเลือกที่จะยืนข้างโห้หลีเฉิน คอยสนับสนุนเขา คำพูดของหยูฉู่สองในวันนี้ สื่อถึงความไม่สงบในวันข้างหน้า
เรื่องของตระกูลเย้นยังจบ เกรงว่าหลังจากที่เย้นหว่านคลอดลูก ตระกูลหยูจะยิ่งก่อพายุที่รุนแรงในสงครามการต่อสู้
หยูฉู่สองต้องการนำพาตระกูลหยูไปสู่จุดสูงสุดของโลก แต่ถ้าหากยังเป็นเช่นนี้ต่อไป เกิดความขัดแย้งภายนอกภายในไม่หยุดหย่อน ตระกูลหยูต้องการเดินไปสู่การจุดสูงสุด หรืออยากตกลงไปสู่หุบเขาลึกกันแน่
บางทีอย่างหลังอาจเป็นไปได้มากกว่า
ตระกูลหยูเกิดปัญหา พวกเขาทั้งหมดก็ต้องรับกรรมไปด้วย เป็นเรื่องที่เกี่ยวกับผมประโยชน์ตัวเอง อนาคตของตระกูลหยู ทุกคนต่างรู้สึกตกอยู่ในอันตราย กังวล และคร่ำเครียด
บาทหลวงเองก็ไม่เคยประสบกับสถานการณ์เช่นนี้มาก่อน
สถานที่จัดงานถูกขัดจังหวะเช่นนี้ หรือแม้แต่ส่งผลกระทบไปถึงจิตใจของผู้ร่วมงานทั้งหมด
แต่ด้วยที่เขาประสบการณ์โชกโชน จึงยิ้มแล้วแนะนำขึ้น
“คุณเย้นครับ ถึงเวลาที่คุณจะสวมแหวนให้กับคุณหยูฉู่สองแล้วครับ”
เขากล่าวอย่างเป็นธรรมชาติมาก ราวกับว่าการมาของหยูฉู่สองเมื่อสักครู่นี้ เหมือนไม่เคยเกิดขึ้น
เย้นหว่านดึงสติกลับคืนมา มองรอยยิ้มที่ใจดีของบาทหลวง แล้วก็หันมามองโห้หลีเฉิน
โห้หลีเฉินเองก็เม้มปากยิ้มเบาๆ แล้วพยักหน้าให้กับเธอ
“คุณนายโห้ถึงคราวคุณแล้ว” เขายื่นมือมาที่ด้านหน้าของเธอ
เย้นหว่านชะงัก ราวกับว่าถูกคำว่าคุณนายโห้ช็อตใส่ จนไฟฟ้าไหลไปทั่วร่าง
คุณนายโห้
วันนี้เวลานี้ เขาเรียกแบบนี้ก็ไม่มีอะไรที่ผิด
เธอได้กลายเป็นภรรยาของเขาแล้ว
หัวใจที่สั่นรัวได้ขจัดทิ้งอารมณ์ที่เกิดจากหยูฉู่สอง แก้มเย้นหว่านแดงก่ำ แล้วหยิบแหวนขึ้นมาใหม่ ค่อยๆ สวมใส่เข้าไปในนิ้วมือของโห้หลีเฉิน
มองแหวนวงนั้นที่ล้อมรอบบนนิ้วนางของเขา
หัวใจของเย้นหว่านก็ราวกับถูกล็อกด้วยบางสิ่ง
บาทหลวงประกาศอย่างมีความสุข
“ขอแสดงความยินดีด้วย ตั้งแต่นี้เป็นต้นไป พวกคุณเป็นสามีภรรยากันอย่างเป็นทางการ”
“คุณโห้หลีเฉิน ตอนนี้คุณสามารถจูบเจ้าสาวคุณได้”
เสียงปรบมือดังสนั่นลั่นในงาน บรรยากาศกลับมาคึกคักอีกครั้ง
เย้นหว่านมองโห้หลีเฉินด้วยดวงตาที่เป็นประกายแวววาว ความเศร้าก่อนหน้านี้ถูกขจัดทิ้ง ในแววตาของเธอตอนนี้มีเพียงแต่ความสุข
ใช่แล้ว
ไม่ว่าหยูฉู่สองวางแผนจะทำอะไร เธอกับโห้หลีเฉินก็จะไม่มีทางยอมแพ้ และก็จะไม่ยอมให้เขาวางแผนทำร้ายได้อย่างตามใจชอบ
ส่งทหารมาก็จะใช้ขุนพลต้านรับ ส่งน้ำมาก็จะใช้ดินในการต้านรับ
เธอไม่มีทางให้คนที่ไม่สำคัญมาส่งผลกระทบทางจิตใจ เธอต้องเพลิดเพลินกับเวลาแห่งความสุขที่อยู่ตรงหน้า เพลิดเพลินกับงานแต่งงานของเธอกับโห้หลีเฉิน ความสุขของพวกเขา
โห้หลีเฉินมองเย้นหว่านด้วยแววตาที่ร้อนแรงแผดเผา ราวกับก้นหุบเหวที่มองไม่เห็น และก็ราวกับดวงดาวที่ระยิบระยับเต็มอยู่บนท้องฟ้า
เขาโอบเอวของเธอเบาๆ ริมฝีปากบางค่อยๆ ชิดเข้ามาใกล้
เย้นหว่านปล่อยให้เขากอดได้อย่างตามใจ หัวใจเต้นแรง แล้วค่อยๆ หลับตาลง
ริมฝีปากสัมผัสกัน
ความสุขความหอมหวานกำลังแตกหน่องอกเงย
จูบนี้แตกต่างจากครั้งก่อนๆ ที่ผ่านมา มีความหมายเฉพาะ และเป็นการประกาศว่าเธอกับโห้หลีเฉินนั้นเป็นสามีภรรยากันอย่างเป็นทางการ ……
ในที่สุด เธอก็ได้แต่งงานกับเขา
……
การเข้าห้องหอในคืนแรกของการแต่งงาน
เย้นหว่านสวมชุดแต่งงานสีขาวหิมะ นั่งอยู่บนเตียงอย่างเรียบร้อย รอคอยเจ้าบ่าวของตัวเองที่ทั้งตื่นเต้นและทั้งดีใจ
เธอมองไปทางประตูห้องเป็นระยะๆ ในหัวสมองครุ่นคิด เขาจะเมามาหรือเปล่านะ
จะเดินเซไปเซมาจนยืนไม่ตรง แล้วก็ถูกกลุ่มคนหามมาไหมนะ จากนั้นก็เหมือนในละครที่ร้องเรียกอย่างดีใจว่า เมียจ๋า เค้ากลับมาแล้ว
หรือไม่เขาอาจไม่ได้เมา แล้วเดินเข้าไปหาเธออย่างเสน่หา เปิดผ้าคลุมสีขาวบนศีรษะของเธอแล้วบรรจงจูบเธอ
เธอครุ่นคิดสับสนวุ่นวายถึงความเป็นไปได้ ซึ่งแต่ละอย่างล้วนทำให้เธอรู้สึกแม้แต่ปอยผมก็มีความสุข
“เอี๊ยด”
ประตูห้องมีเสียงดังขึ้นทันใน ที่จับประตูเลื่อนลงด้านล่าง แล้วประตูก็ค่อยๆ เปิดออก
ร่างสูงใหญ่ของโห้หลีเฉินปรากฏตัวอยู่หน้าประตู