สัญญารัก คบกับประธานฮั่ว30วัน - บทที่ 1021 เพื่อเธอแล้วทำได้หมดทุกอย่าง
คิดได้แบบนั้น เย้นโม่หลินก็ทำอย่างที่คิด
เขาเดินไปบนพื้นที่เต็มไปด้วยฝุ่น ก้าวแล้วก้าวเล่าฝ่าความมืดมุ่งไปยังบันได
“ระริ่งริ่ง ระริ่งริ่ง”
ในเวลานี้เอง โทรศัพท์มือถือของเขากลับดังขึ้น
ในความเงียบอันมืดมิด เสียงดังกล่าวดังราวกับเสียงฟ้าร้องสนั่น ดังสะท้อนทั่วราตรี
เย้นโม่หลินหยุดชะงักการก้าวเดิน เขากดรับสายโทรศัพท์
“คุณชาย พวกเราพบร่องรอยของเจียงเป้ยนีแล้ว”
เย้นโม่หลินสะดุ้งไปชั่วครู่ ตาของเขาเป็นประกายขึ้นในความมืด
ในที่สุด ก็พบแล้ว
“เดี๋ยวฉันมา”
เมื่อวางสายแล้ว เย้นโม่หลินเดินมุ่งหน้าไปยังประภาคารด้านนอกราวกับดอกธนู
การก้าวเดินของเขาทั้งว่องไวและรีบร้อน ไม่เพียงเท่าไรก็ถึงทรายหาด ใกล้กับป่าต้นมะพร้าว
กู้จื่อเฟยที่กำลังพยายามนอนหลับอยู่ ได้ยินเสียงโทรศัพท์มือถือขึ้นเป็นครั้งแรก ตั้งแต่มาอยู่ที่นี้ ไม่รู้ว่าพวกสาวใช้ใช้โหมดปิดเสียงโทรศัพท์หรือว่าไม่ได้ใช้โทรศัพท์กันแน่ แต่ว่าจะไม้ให้มีการเกิดเสียงโทรศัพท์ดังขึ้นแบบนี้แน่
ในเวลานี้กลับมีเสียงโทรศัพท์?
หรือว่ามีใครลืมปิดเสียงโทรศัพท์ หรือว่า………อาจจะเป็นนักท่องเที่ยวที่นอนไม่หลับแล้วผ่านมาทางนี้?
คิดได้ว่าอาจเป็นได้เช่นนั้น กู้จื่อเฟยลุกขึ้นจากพื้นทันที เธอวิ่งไปที่หน้าต่าง รีบมองลงไปด้านล่าง
เธอมองจากที่สูงลงไป สายตาก็พบกับ—
ในจุดทรายหาดที่ห่างไปประมาณ30-40เมตร มีเงาคนหนึ่งคนกำลังเดินไปทางด้านป่าต้นมะพล้าว
ถึงเธอจะอยู่ไกล แม้ว่าเงานั้นเล็กมาก แต่เธอสามารถแยกแยะได้ทันทีว่าเป็นใคร
เย้นโม่หลิน
เป็นพี่ชายพี่เย้น
เขาอยู่ที่นี้ได้ไง! เขามาริมทะเล!
กู้จื่อเฟยดีใจแทบจะระเบิดออกมา เธออ้าปากเตรียมจะส่งเสียงเรียกเขา
“ตึงตึงตึง”
เสียงเดินเท้าเบาๆดังขึ้นด้านนอก
เสียงนี้กู้จื่อเฟยคุ้นเคยเป็นที่สุด มันคือเสียงที่สาวใช้กำลังมาที่ห้องของเธอ
พวกเธอไม่ค่อยมาที่นี่ในเวลากลางดึกแบบนี้ คิดว่าคงเป็นเพราะเสียงโทรศัพท์มือถือเมื่อครู่ จึงได้มาตรวจดู
หากว่าพวกหล่อนรู้ว่าเย้นโม่หลินมาที่นี่ ต้องไปรายงานเจียงเป้ยนีแน่ ถึงไม่รู้ว่าเพราะอะไรทำให้เย้นโม่หลินจากไปอีกแล้ว แต่ยังอีกเพียงนิดเดียวก็จะพบตัวเธอแล้ว
เพื่อความปลอดภัย เจียงเป้ยนีต้องย้ายเธอออกไปที่อื่นทันทีแน่
ถ้าเป็นแบบนี้ เธอก็ยิ่งมีความเป็นไปได้ว่าจะคาดจากการพบกับเย้นโม่หลิน
ในใจกู้จื่อเฟยตื่นเต้นเจียนจะทนไม่ไหว เธอบังคับกลืนคำพูดที่กำลังจะตะโกนออกไป เธออยู่ไกลเกินไป ถึงจะตะโกนออกไปใช่ว่าเย้นโม่หลินจะได้ยิน
ในเวลาสองวินาทีนี้ เย้นโม่หลินได้เดินหายลับเข้าไปในป่ามะพร้าว แม้นแต่เงาก็ไม่เห็นเสยแล้ว
กู้จื่อเฟยมองไปทางด้านที่เขาเดินไปด้วยความอาลัย ในใจแล้วยากจะบินตามไปเหลือเกิน
ในเวลาเดียวกันนี้เอง เสียงคนเดินก็มาถึงประตูพอดี
เสียงคุ้นเคยของการเปิดประตูดังขึ้น
กู้จื่อเฟยรีบกลับไปยังนอนลงพื้นให้เร็วที่สุด เธอแกล้งนอนหลับ
ประตูห้องเปิดออก สาวใช้สองคนมองเข้ามาด้านใน กู้จื่อเฟยนอนเงียบอยู่ที่พื้น อย่างกลับเธอนอนหลับลึกมาก
สาวใช้หนึ่งคนพูดขึ้นว่า
“หลับไปแล้ว คงไม่ได้ยินเสียงอะไรหรอก ตอนนี้ร่างกายเธออ่อนแอมาก นอนหลับแล้วคงไม่สะดุ้งตื่นจากเสียงรบกวนง่ายๆ”
“เป็นเช่นนั้นดี”
พูดแล้วสาวใช้ปิดประตูห้องเข้า พวกหล่อนเดินออกไปด้านนอก พร้อมกับคุยกันเสียงเบา
“ชายคนนั้นเกือบขึ้นมาบนประภาคารแล้ว อันตะลายจริงๆ เรื่องนี้ต้องบอกกับคุณหนูทันทีเลย”
“ตอนนี้มันดึกมากแล้วนะ จะรบกวนคุณหนูพักผ่อนเสียเปล่า ยังไงชะชายคนนั้นก็จากไปแล้ว ก็คงไม่ใช่นักท่องเที่ยวที่สำคัญอะไรที่เดินเที่ยวทั่วไปนั่นแหละ”
“แต่คุณหนูเคยบอกว่า เกิดเรื่องอะไรขึ้นก็ต้องรายงานคุณหนูนะ”
“พรุ่งนี้ค่อยว่ากันเถอะ”
“งั้นก็ได้ มันดีต่อทั้งสองฝ่าย”
เสียงของพวกหล่อนเบาลงเลื้อยๆ ค่อยๆห่างออกไป
กู้จื่อเฟยลืมตาขึ้น เธอมองประตูห้องอย่างขึงขัง โชคดี ที่สาวใช้ทั้งสองคนไม่ได้ปะเชินหน้ากับเย้นโม่หลิน ฉะนั้นพวกหล่อนไม่รู้ว่าเขาเป็นใคร
แต่จากความระมัดระวังของเจียงเป้ยนีแล้ว ถ้าหากเธอรู้ว่ามีคนเกือบพลาดเข้ามาในประภาคารพบตัวเธอ เจียงเป้ยนีจะต้องหามาตรการรับมือแน่
หรืออาจจะเอาตัวเธอย้ายไปที่อื่น หรือไม่อย่างไร……
แต่ไม่ว่าอย่างไหน ก็หมายถึงโอกาสที่เธอจะพบเย้นโม่หลินยิ่งน้อยลง
อีกอย่างเธอก็ยังไม่แน่ใจว่าเย้นโม่หลินยังจะกลับมาที่นี่อีกครั้งหรือเปล่า เขาควรจะงานยุ่งมาก ไม่แน่ว่าวันต่อมาอาจจะไปจากที่นี่แล้วก็ได้
ไม่ได้
เธอควรหาวิธีทำอะไรสักอย่างในโอกาสอันหายากนี้
ฟ้าใกล้สว่างแล้ว
สาวใช้ก็มาที่ห้องกู้จื่อเฟยตั้งแต่เช้าเหมือนปกติ เตะเธอให้ตื่นจากการนอนหลับบนพื้น
“รีบลุกขึ้นมาเปลี่ยนยาได้แล้ว”
กู้จื่อเฟยถูกบังคับให้ลุกขึ้นจากพื้น ในตาเธอกลับไม่มีความมึนงงจากอาการพึ่งตื่นนอนเลย แต่กลับจับจ้องสังเกตการณ์ที่ถาดใส่ยาอย่างเฉียบคม
สาวใช้ทั้งสองใส่ยาให้เธอ ทุกครั้งที่ทำการใส่ยา พวกหล่อนมีความไม่สบอารมณ์เอาเสียเลย ลงแรงมากๆ บางครั้งถึงกลับตั้งใจทำให้แผลที่หายดีแล้วของกู้จื่อเฟยฉีกขาด
ทำเพื่อความสะใจ
วันนี้ก็เป็นเช่นเดิม พวกหล่อนทำการทรมานกู้จื่อเฟยอย่างมีความสาแก่ใจ อย่างกลับแก้แค้นความไม่พอใจที่เมื่อคืนวานโดนรบกวนการนอน
กู้จื่อเฟยเหงื่อเย็นไหลพลั่ก ทั้งร่างกระตุกไปหมด
เธอกัดฟันแน่น ดวงตาเธอมองที่ยาข้าเชื้อตาเป็นประกาย
ในตาเธอเหมือนกลับหยั่งเชิงเตรียมมีพายุ มันเข้ม และ บ้าคลั่งขึ้นเลื้อยๆ
เธอต้องไปจากที่นี่ มีเพียงวิธีเดียวเท่านั้น
กู้จื่อเฟยกัดฟันแน่น ทันใดนั้นเธอเอื้อมมือจับเอาขวดยาข้าเชื้อ จากนั้นเปิดฝาขวดออก แล้วกรอกเข้าปากตัวเองอย่างว่องไว
“อึกอึกๆๆๆๆ”
เธอดื่มเร็วมาก พริบตาเดียวเธอดื่มไปกว่าครึ่งขวด
สาวใช้ทั้งสองมองเธอด้วยความตกตะลึง ตกใจเข้าแล้ว จากนั้นก็กระโดดขึ้นมาตะโกนด่า
“บ้าไปแล้ว เธอยากตายหรือ หยุดดื่มได้แล้ว”
พวกหล่อนเข้ามาแย่งขวดน้ำยาข้าเชื้อด้วยความลนลาน กู้จื่อเฟยเตรียมตัวมาดี เธอกอดขวดไว้แน่น ปากคาบไว้ดื่มน้ำยาข้าเชื้อลงไปไม่หยุด
พวกสาวใช้ดึงจนสุดแรง ทั้งเตะทั้งตีกู้จื่อเฟย ต้องใช้แรงควายแรงเสือที่มีทั้งหมด จึงสามารถเอาขวดยาข้าเชื้อออกจากปากกู้จื่อเฟยได้
แต่ถึงตอนนี้ น้ำยาในขวดเหลือเพียงแค่หนึ่งส่วนสิบของขวดเท่านั้น
กู้จื่อเฟยกลั้นความรู้สึกพะอืดพะอมเอาไว้ เธอนอนราบที่พื้นด้วยความอ่อนแรง เผยรอยยิ้มอย่างคนโง่เขลามองไปที่เพดาน
อย่างกับคนบ้าเช่นนั้น
สาวใช้กลับตกใจมากเสียจนหน้าถอดสี รีบกดบริเวณท้อง
“เร็วเข้ารีบอาเจียนออกมา อาเจียนออกมา”
กู้จื่อเฟยเม้มปากแน่น ไม่ยอมอาเจียนออกมา
“เดี๋ยวเธอก็ตายหรอก! เธอยากตายเหรอ?”
“ตายเสียก็ดีสิ ดีกว่าอยู่ที่นี่เหมือนตายทั้งเป็น”
กู้จื่อเฟยมีแววของความบ้าคลั่ง สิ้นหวังในความมืดมน
สาวใช้ที่มองอยู่ยิ่งตกใจกว่าเดิม พวกหล่อนได้รับคำสั่งให้เฝ้าดูกู้จื่อเฟย ให้ทรมานเธอ แต่ต้องให้เธอมีชีวิตอยู่
ถ้าหากกู้จื่อเฟยตาย พวกหล่อนก็จบกันพอดี
“รีบติดต่อคนมาเร็วเข้า พาเธอไปล้างท้อง”
“แต่ที่นี่เฮือนไขมีจำกัด ไม่สามารถล้างท้องให้เธอได้ ต้องไปล้างที่โรงพยาบาล”
“ฉันโทรหาคุณหนู……”
สาวใช้คนหนึ่งยุ่งอยู่กับการโทรศัพท์ อีกคนหนึ่งพยายามที่จะกรอกน้ำเข้าปากของกู้จื่อเฟย แต่กู้จื่อเฟยก็ไม่ยอมเปิดปากออก
แต่ผ่านไปไม่เท่าไร ในที่สุดกู้จื่อเฟยก็เปีดปากออกแล้ว
เพียงแต่ว่าสิ่งที่เธออาเจียนออกมากลับเป็นเลือด