สัญญารัก คบกับประธานฮั่ว30วัน - บทที่ 1026 เป็นเธอ เธอคือกู้จื่อเฟย
“คุณหนู คุณมาทําอะไรที่นี่ คุณท่านตามหาคุณหนูแทบจะเป็นบ้าอยู่แล้ว”
ในเวลานี้เอง หญิงวัยกลางคนคนหนึ่งโผล่เข้ามากะทันหัน จับมือของกู้จื่อเฟยเอาไว้แล้วดึงกลับหลังไปสองสามกล้าว
มือของกู้จื่อเฟยและเย้นโม่หลินที่จับกันอยู่หลุดออกไปอย่างกะทันหัน
ให้ความรู้สึกเหมือนหัวใจถูกคนฉีกขาด
กู้จื่อเฟยหันกลับไปมองหน้าหญิงคนนั้นอย่างเต็มตา พบว่าเป็นหนึ่งในคนที่กักขังเธอไว้ในเวลาที่ผ่านมา
เจียงเป้ยนีปล่อยให้เธอมาที่นี่ หลังก็ไม่ได้มีความมั่นใจ 100%
เกรงว่าเย้นโม่หลินจะจำเธอได้ก็เลยให้หญิงคนนี้ตามมาเฝ้าดู
คาดเดาว่าการกระทำที่ไม่ปกติของเย้นโม่หลินของแท้ต้องถึงประสาทของเจียงเป้ยนีแล้วสิ
กู้จื่อเฟยใจเต้นด้วยความระส่ำ ตามนิสัยของเย้นโม่หลินแล้ว เขาไม่เอาใครอยู่ในสายตาทั้งนั้น
แต่ทำไมเขาไม่สบัดเธอออก แล้วทำไมมองเธอด้วยสายตาแบบนั้น แล้วทำไมยื่นมือมาจะสัมผัสใบหน้าที่น่ารังเกียจของเธอ
เธออยากจะรู้ แต่ก็ไม่มีเวลาให้รู้แล้ว
สาวใช้ใช้แรงมหาศาลดึงข้อแขนของเธอ ไม่ยอมให้เธอปฏิเสธดึงเธอจากไป
กู้จื่อเฟยก็ไม่กล้าที่จะปฏิเสธ
เธอตอนนี้เป็นเหมือนลูกไก่ในกำมือ เธอจะทำอะไรได้เล่า
กู้จื่อเฟยสาวสวยอยู่ในใจ เคยจำต้องได้จากไปพร้อมกับสาวใช้คนนั้น
ทันใดนั้นเธอเพิ่งจะออกหามาได้เพียงสองก้าว เย้นโม่หลินกลับตามมาอย่างไม่คาดคิด เขาดึงเธอไว้อีกครั้ง
“รอเดี๋ยว”
เย้นโม่หลินใช้สายตาอันสับสนมองเธอ เมื่อออกแรง ครั้งนี้เขาดึงไว้ด้วยความตื่นเต้น
หัวใจของกู้จื่อเฟยที่ตกไปในก้นบึ้งอันมืดมิดถูกดึงกลับมาในทันใด
แววตาของเธอเป็นประกายระยับ อยากกลับมีดวงดาวมากมายประดับอยู่
สาวใช้ขมวดคิ้วด้วยความกระวนกระวาย เธอพูดด้วยสีหน้าไม่รับแขกว่า
“คุณผู้ชาย คุณจะทำอะไร? คุณท่านกำลังรอคุณหนูอยู่ คุณก็เห็นแล้วสักภาพของเธอเป็นแบบนี้ การออกมาจากบ้านก็คือการเหยียบย่ำศักดิ์ศรีของตัวเองจนสิ้น คุณรีบปล่อยมือเธอ ให้ฉันพาคุณหนูออกไปจากที่ที่ไม่ควรอยู่นี้”
เย้นโม่หลินมองไปรอบด้าน กลับเห็นผู้คนมากมายกำลังล้อมรอบมองมาด้วยความประหลาดใจ
สายตาที่พ่อเขามองกู้จื่อเฟยต่างก็เป็นทำนองรังเกียจ
สายตาที่วิจารณ์หัวเราะเยาะเย้ยหยัน ทำให้เย้นโม่หลินโมโหขึ้นมา เขารู้สึกไม่อยากจะเสียความรู้สึกกับคนพวกนั้นออกมาและฉีกปากของพวกเขาทิ้งเสีย
ตอนนี้เรื่องที่สำคัญที่สุดไม่ใช่เรื่องนี้
สายตาของเขาเป็นประกายมองไปที่หญิงสาวที่หน้าตาเต็มไปด้วยรอยแผล
ในใจมีความรู้สึกยังไงก็พูดออกมาไม่ถูกเหมือนกัน รู้เพียงแค่ว่าไม่ยอมปล่อยมือ
เขาพูดด้วยเสียงทุ้มว่า “เราสามารถคุยกันได้ไหม”
กู้จื่อเฟยรู้สึกเหมือนโดนไฟช็อต โดนช็อตที่ตรงหัวใจ แสบปลายจมูกอยากร้องไห้
ไม่ว่าเธอจะเสียโฉมหรือไม่ น่าเกลียดน่ากลัวขนาดไหน แต่ไม่อยู่ต่อหน้าเขาแล้ว เธอจะสามารถเข้าไปในโลกของเขาได้ เข้าไปในสายตาของเขา
ที่จริงแล้ว ไม่ว่าจะยังไง จะจำเธอได้ไหม สำหรับเธอแล้ว เธอจะเป็นคนที่พิเศษคนนั้น
แค่นี้ก็เพียงพอแล้ว
“กู้จื่อเฟย สะบัดเขาออก ไม่งั้นเขาตาย” เสียงข่มขู่ของเจียงเป้ยนีดังขึ้นในสายฟังหู
กู้จื่อเฟยกัดปากตัวเองแน่น ในใจรู้สึกขมขื่นเปี่ยมล้น
ก้มหน้ามองดูข้อมือตัวเองที่เขาจับไว้แน่น ถ้าหากยินยอมนี่จะกลายเป็นชั่วฟ้าดินสลาย
แต่ว่าเธอจะกล้าพูดได้อย่างไร
เธอแกล้งเจ็บปวดแล้วพูดว่า “คุณผู้ชาย คุณทำฉันเจ็บแล้ว”
เย้นโม่หลินสะดุดไปชั่วครู่ ตอนนี้เขาถึงได้สังเกตว่าตัวเองจับข้อมือหญิงสาวอยู่ ในเวลาที่เขารีบปล่อยมือนั้น เขาบังเอิญพบว่าข้อมือของเธอนั้นเต็มไปด้วยบาดแผล
มีรอยมีด รอยขีดข่วน และยังมีรอยแผลที่เขาไม่รู้จัก
เขาหายใจเอาอากาศเย็นเข้าไป ผู้หญิงคนหนึ่ง เต็มไปด้วยรอยแผลจากมีดทั้งตัว ที่จริงแล้ว เธอผ่านอะไรมาบ้าง?
แต่ระหว่างที่ตกใจอยู่นั้น ในใจของเขาก็รู้สึกเจ็บปวดไปด้วย
กู้จื่อเฟยดึงมือกลับไป เก็บกดความอาลัยอาวรณ์ในใจเอาไว้
พูดเสียงต่ำ “คุณก็ได้ปฏิเสธชฉันแล้ว ระหว่างเราก็ไม่มีอะไรที่ต้องคุยกันอีก คุณกรุณาอย่าตามฉันมาอีกเลย แบบนี้มันยิ่งทำให้ฉันรู้สึกอับอาย”
พูดเสร็จกู้จื่อเฟยก็หันหลังเดินจากไป
แผ่นหลังที่ยืดตรง อย่างกับค้ำจุนความดื้อรั้นไว้
ความดื้อรั้นที่ทำให้คนสงสาร
เย้นโม่หลินมองแผ่นหลังของเธออยู่นาน เขาอยากตามไป คำพูดของเธอทำให้เท้าของเขาโดยอัตโนมัติ
เขาไม่อยากให้เธอรู้สึกอับอาย
เพียงแต่ไม่รู้ทำไมว่าหัวใจของเขาทำไมถึงได้เจ็บปวดเช่นนี้ เจ็บปวดรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ อย่างกับควักเอาหัวใจของเขาออกไปยังไงอย่างนั้น
เขาเอามือกุมที่อก รู้สึกอึดอัดจนหน้าซีด
“พี่ชาย พี่เป็นอะไรไป? พี่กำลังมองอะไรอยู่?”
ป่ายฉีตามมาพบ ว่าให้ถูกก็คือเขาตามหาเย้นโม่หลินในกลุ่มคนจนพบแล้ว
เพียงแต่ที่แปลกประหลาดก็คือ กลับไม่ได้ยืนละเมออยู่ที่ริมทะเล
เย้นโม่หลินใช้มือกุมที่บริเวณหน้าอก เสียงทุนต่ำของเขาอยากกลับกำลังคำราม
“มันแปลกประหลาดมาก….”
“อะไรแปลกประหลาด?”
“คนแปลกหน้าคนหนึ่ง จะทำให้นายคุ้นเคยและสงสารได้ไหม?”
ป่ายฉีทำหน้ามึนงง “อะไรนะ?”
เย้นโม่หลินขมวดคิ้วแน่น สายตามองตามไปที่แผ่นหลังไกลลิบ
ใครกลับมาจมหายไปกับกลุ่มคน ไม่เห็นแม้เงา
ยิ่งเป็นไงอย่างนั้น ความรู้สึกในใจของเขาก็ยิ่งรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ อย่างกับจะระเบิดออกมา
“เมื่อกี้ฉันพบหญิงสาวคนหนึ่ง เธอไม่เหมือนกู้จื่อเฟยแม้แต่นิดเดียว แต่ฉันกลับรู้สึกว่า…..”
เขากุมอกแน่น “มองเห็นรอยแผลของเธอแล้ว รู้สึกเจ็บปวดตรงนี้”
ป่ายฉีตกใจหน้าถอดสี
เขามองไปที่เย้นโม่หลินที่หน้าจืดชีดอย่างตกตะลึง เย้นโม่หลินมีสภาพเหมือนจมอยู่ในความทุกข์ช่วยเหลือตัวเองไม่ได้ ในใจเขาคิดได้ว่า
ในโลกนี้แล้ว ยังจะมีใครที่สามารถทำให้อารมณ์ของเย้นโม่หลินเปลี่ยนแปลงได้
เกรงว่าจะมีแต่กู้จื่อเฟยเท่านั้น ใครคนที่สองไม่ได้อีก
เพราะว่าเย้นโม่หลินเป็นคนที่อยู่ในเกมเขาไม่รู้สึกตัว
ป่ายฉีรีบถามว่า “เธออยู่ไหน? รีบรั้งเธอไว้! เธออาจเป็นกู้จื่อเฟย?”
เย้นโม่หลินสะดุดใจตัวแข็งทื่อ
เขามองไปที่ป่ายฉีด้วยความตกใจและสับสน “นายพูดว่าไงนะ?”
หมอกครึ้มในจิตใจอยากจะกลับถูกคลี่คลายออกเป็นชั้นๆ
เขามองไปที่ดวงตาของเธอ ถึงได้รู้สึกคุ้นเคย เขามองไปที่รอยบาดแผลบนหน้าของเธอ ถึงได้รู้สึกเจ็บปวดจนทนไม่ได้ เขาเห็นเธอเดินจากไป ถึงได้รู้สึกปวดหัวใจอยากกลับถูกใครจะดึงเอามันออกไปจากนอกอก
ความรู้สึกทั้งหมดมันรุนแรงมาก มันจะเป็นแบบนั้นแบบไม่มีสาเหตุได้อย่างไร เพียงเพราะคนแปลกหน้าที่ไม่เคยพบกันมาก่อนนั้นเหรอ?
เพียงแต่ว่า เขาไม่กล้าที่จะคิดไปในด้านนั้น…
“ระริ่งๆๆๆๆ ระริ่งๆๆๆๆๆ”
ในเวลานี้เอง เสียงโทรศัพท์ของเย้นโม่หลินได้ดังขึ้น
มันเป็นสายโทรศัพท์ในพื้นที่ น้อยมากที่จะมีคนรู้จักเบอร์ส่วนตัวของเขา
เขานึกสงสัยพร้อมกับกดรับสาย
มีเสียงชายแปลกหน้ามาตามสาย “สวัสดี คุณคือเย้นโม่หลินใช่หรือเปล่า?”
เย้นโม่หลินตอบด้วยเสียงทุ้ม “ใช่”
“คือแบบนี้ ผมเป็นหมอในโรงพยาบาลเอกชนอันซอนเวลส์ผมโทรหาคุณเพื่อที่จะบอกคุณว่า ก่อนหน้านี้ 1 ชั่วโมง มีหญิงสาวที่ดื่มยาฆ่าเชื้อมาล้างท้องกับพวกเราที่นี่ เธอบอกว่าเธอถูกลักพาตัวมาและถูกขังในประภาคารมาตลอด เธอให้ผมโทรหาคุณเพื่อให้ไปช่วยเหลือเธอ”
ประภาคาร?
เย้นโม่หลินแข็งทื่อไปทั่วร่าง ในหัวของเขาปรากฏภาพประภาคารเก่าๆที่เขาเมื่อคืนวาน
หลังจากเขารับโทรศัพท์แล้วก็ไม่ได้ขึ้นไป
หรือว่า…..