สัญญารัก คบกับประธานฮั่ว30วัน - บทที่ 1047 แฟน
“ห๊ะ? ได้ค่ะ ได้ค่ะ”
โจ๋ลี่จึงจะหวนนึกกลับมา แก้มแดงไปหมด หลบสายตาออกอย่างเขินอาย
เธอรีบหันหลัง “คุณกู้ คุณผู้ชาย เชิญตามฉันมาค่ะ”
“ไม่ต้อง แฟนของฉันเขาไม่ไปกับฉัน แค่มาส่งฉันเอง”
กู้จื่อเฟยกอดแขนของเย้นโม่หลิน เกือบจะติดอยู่ในอ้อมกอดของเย้นโม่หลินทั้งตัว
พูดด้วยเสียงอ้อนว่า “ที่รัก เดี๋ยวเค้าทำเสร็จแล้ว ค่อยโทรหาที่รักนะ ที่รักมารับเค้านะ”
เย้นโม่หลินแข็งทื่อไปเลย เขารู้สึกแปลกใจจริงๆ
เธอเรียกเขาว่าอะไรนะ? ที่รัก?
นี่คือชื่อเรียกอะไร สะ……เสี่ยวมาก
ใบหน้าที่หล่อเหลาของเขาทำตัวไม่ถูกเลย ทว่าหัวใจกลับเหมือนถูกไฟช็อต
“ได้ เธอเข้าไปเถอะ”
กู้จื่อเฟยส่ายหัว “ไม่ เค้าจะส่งตัวเองออกไปก่อน เค้าค่อยเข้าไป”
เย้นโม่หลิน “…..” ทำไมเสียงของกู้จื่อเฟยฟังแล้วอึดอัดขนาดนี้เนี่ย? เหมือนว่าลำคอถูกบีบไว้เลย
ทว่าพอนึกถึงจุดนี้ เขาก็ไม่ได้พูดอะไรมาก พยักหน้า หันหลังแล้วเดินจากไป
โจ๋ลี่มองดูภาพข้างหลังที่จากไปของเย้นโม่หลิน เธอรู้สึกเซื่องซึมไม่กระตือรือร้นเลย
หนุ่มหล่อคนนี้เป็นแฟนของกู้จื่อเฟยแน่นอน
ดูแล้วยังรักกันมากๆ ด้วย
เธอไม่มีแม้กระทั่งโอกาสคลั่งรักแล้ว
รีบกำจัดความคิดที่มหัศจรรย์เมื่อกี้ออกไป โจ๋ลี่พูดอย่างชำนาญว่า
“คุณกู้ เชิญทางนี้ค่ะ”
กู้จื่อเฟยจึงจะเดินเข้าไปข้างในด้วยความสบายใจ
ระหว่างนั้น เธอเดินผ่านห้องนวดบำบัด ทว่าไม่ได้หยุดเดิน แต่กลับถูกโจ๋ลี่พาไปยังห้องข้างอีกห้องหนึ่งในทางเดิน
โจ๋ลี่เปิดประตู เดินเข้าไป “คุณหมอเฉียว คุณกู้มาแล้วครับ”
กู้จื่อเฟยเดินตามเข้ามา ก็เห็นคุณหมอผู้หญิงแปลกหน้าคนหนึ่งกำลังนั่งอยู่บนโซฟา
เธอมองกู้จื่อเฟย จากนั้นก็มองไปทางนอกประตู
ถามขึ้นว่า “คุณมาคนเดียวเหรอคะ”
“ใช่ค่ะ” กู้จื่อเฟยพยักหน้า
คุณหมอเฉียวจึงจะวางใจ ตะโกนไปทางข้างหลังว่า “ออกมาเถอะ”
ประตูระหว่างห้องถูกเปิดออก เจิ้งเหลียงเดินออกมาจากข้างใน
เขาสวมชุดกาวน์สีขาว บุคลิกที่อ่อนโยนมีความจริงจังของคุณหมอเพิ่มมากขึ้น ยิ่งดูใกล้ชิดเพิ่มขึ้น
กู้จื่อเฟยเห็นเขา ก็รู้สึกสบายใจลงตาม
เธอนัดกับเจิ้งเหลียงในโทรศัพท์ และบอกเขาแล้ว เธอไม่อยากให้เย้นโม่หลินรู้อาการของเธอ
เจิ้งเหลียงบอกว่าเขาจะจัดการให้ทั้งหมด ไม่ให้คนอื่นรู้ว่าเธอกำลังรักษาโรคเบื่ออาหาร
ดังนั้น แผนการของเขาคือหาคุณหมอนวดมาสร้างความสับสน?
กู้จื่อเฟยยิ้มอย่างจนปัญญา
“คุณกู้ เจอกันอีกแล้วครับ”
เจิ้งเหลียงยิ้มพลางเดินมา ยื่นมืออย่างสุภาพไปทางกู้จื่อเฟย
ไม่เหมือนคุณหมอและผู้ป่วย เหมือนเพื่อนกันมากกว่า
อารมณ์ที่กู้จื่อเฟยรู้สึกตื่นเต้นในตอนนี้ ตอนนี้ผ่อนคลายลงเยอะมาก
เธอพูดขึ้น “คุณหมอเจิ้ง สร้างความลำบากให้คุณแล้ว”
“พูดอะไรครับเนี่ย สามารถช่วยคุณได้ เป็นเกียรติมากครับ เชิญนั่งค่ะ”
เจิ้งเหลียงยิ้มด้วยความอ่อนโยน นั่งลงยังบนโซฟา “เพราะว่าสถานการณ์ของคุณ ดังนั้นพวกเราจึงทำการรักษาที่นี่ นี่คือห้องเก็บอุปกรณ์ที่ว่าง และไม่มีใครเข้าออกรบกวนครับ”
แบบนี้ก็ไม่มีคนรู้ว่ากู้จื่อเฟยกำลังรักษาอะไรกันแน่ สำหรับเธอแล้ว ความปลอดภัยสูงมากขึ้น
แน่นอนว่ากู้จื่อเฟยเห็นด้วยมาก พยักหน้า “โอเค เอาตามที่คุณวางแผนไว้เลยค่ะ”
เจิ้งเหลียงคุยกับกู้จื่อเฟยเรียบร้อยแล้ว จึงจะพูดกับคุณหมอเฉียว
“คุณหมอเฉียว รบกวนคุณด้วยนะครับ ทางภายนอกนั้น สองสามวันนี้กู้จื่อเฟยคือผู้ป่วยของคุณนะครับ”
คุณหมอเฉียวส่ายมือ “เรื่องเล็กน้อย ไม่เป็นไรค่ะ ฉันยังมีธุระอีก ไปก่อนนะคะ พวกคุณก็คงจะยุ่งกัน”
หลังจากพูดจบ คุณหมอเฉียวก็จากไปเลย
โจ๋ลี่มองสถานการณ์นี้ด้วยความแปลกใจ
กู้จื่อเฟยนัดรักษานวดบำบัดกับคุณหมอเฉียวไม่ใช่เหรอ? ทำไมคนที่พบกลับไม่ใช่คุณหมอเฉียว นี่เกิดอะไรขึ้น?
เธอตะลึงงันอยู่ที่เดิม ไม่รู้ว่าควรทำอย่างไร
เจิ้งเหลียงเดินมายังตรงหน้าเธอ บนใบหน้ามีรอยยิ้มที่อ่อนโยนเหมือนเดิม
พูดขึ้นว่า “เสี่ยวลี่คุณผู้หญิงท่านี้คือแขกพิเศษของเรา การรักษาของเธอต้องเก็บเป็นความลับ ผมเป็นคุณหมอประจำตัวของเธอ คุณคือผู้ช่วยพยาบาลของผม ขั้นตอนการรักษาของเธอ มีเพียงผมและคุณที่รู้ กฎรักษาความลับของโรงพยาบาลควรทำอย่างไร คุณคงเข้าใจดีนะครับ?”
ที่แท้ก็เป็นแบบนี้นี่เองเหรอ?
โจ๋ลี่มองกู้จื่อเฟย แล้วตอบกลับเร็วมาก พยักหน้าตอบรับ
“ฉันเข้าใจดี ฉันจะปฏิบัติหน้าที่ในส่วนของฉันให้ดีที่สุดค่ะ”
อยู่ในโรงพยาบาลเรื่องราวแบบนี้ไม่ใช่ว่าเธอไม่เคยพบเจอ ทว่านี่เป็นครั้งแรกที่ไม่ได้ปิดบังแค่คนอื่นๆ ในโรงพยาบาล แม้กระทั่งคนในครอบครัวก็ปิดบัง
กู้จื่อเฟยและหนุ่มหล่อคนนั้นรักกันขนาดนี้ ทำไมถึงยังปิดบังเขาล่ะ?
โจ๋ลี่ไม่เข้าใจ ทว่ามีมารยาทพื้นฐาน หลังจากที่ตอบตกลงแล้วก็เดินออกไป
หลังจากที่โจ๋ลี่จากไป ในห้องเหลือเพียงแต่กู้จื่อเฟยและเจิ้งเหลียงสองคน
กู้จื่อเฟยนั่งอยู่บนโซฟาที่ไม่ใหญ่มากนัก ประสานนิ้วมือเข้าหากันโดยไม่รู้ตัว
ถึงแม้ว่าเธอรวบรวมความกล้ามารักษาโรคเบื่ออาหาร ทว่าเรื่องนี้ก็ยังเหมือนฝันร้ายที่สลักไว้ในใจเธอ อยากจะจัดการมันทิ้งไป นั่นก็คือให้เธอฝันร้ายอีกครั้ง
จิตใต้สำนึกของเธอนั้น กลัวมาก
เจิ้งเหลียงนั่งอยู่บนโซฟาอีกตัวหนึ่ง ยิ้มด้วยรอยยิ้มที่อ่อนโยน “ดื่มชาหรือกาแฟครับ?”
“ไม่เป็นไรค่ะ น้ำก็ได้แล้วค่ะ”
เจิ้งเหลียงเติมน้ำให้กู้จื่อเฟยหนึ่งแก้ว ยื่นไปยังตรงหน้าเธอ
เขายังคงรักษารอยยิ้มที่อ่อนโยนอยู่ “อย่าตื่นเต้นครับ เป็นเพียงโรคเล็กๆ เท่านั้นเองครับ ขอแค่คุณยอมรักษา ก็กลับมาแข็งแรงแน่นอนครับ คุณก็ต้องเชื่อในความชำนาญของผมนะครับ”
กู้จื่อเฟยยิ้มด้วยความฝืน พยักหน้า
เธอวางแก้วน้ำลง มองเจิ้งเหลียงแล้วพูดว่า “เริ่มเถอะค่ะ ต้องทำอะไรบ้าง ฉันจะให้ความร่วมมือคุณค่ะ”
กู้จื่อเฟยสวมหมวกแก๊ปและผ้าปิดปาก บนร่างกายก็แต่งตัวมิดชิดมาก เผยออกมาเพียงแค่ดวงตาหนึ่งคู่
ทว่าดวงตาคู่นี้ กลับเปล่งแสงสว่าง ดั่งแสงสว่างของจิตวิญญาณ
เจิ้งเหลียงตะลึงเล็กน้อย จากนั้นยิ้มแล้วลุกขึ้นมา
“ไปเถอะ ผมพาคุณไปตรวจสุขภาพก่อน รวบรวมข้อมูลด้านร่างกายของคุณ ค่อยวางแผนการวินิจฉัยฉันอีกทีครับ”
เพราะว่ากู้จื่อเฟยมีความพิเศษ เจิ้งเหลียงจึงวางแผนโดยส่วนตัวไว้ทั้งหมดแล้ว
ตลอดการตรวจสุขภาพทั้งกระบวนการ เธอไม่เจอกับผู้ป่วยคนอื่นๆ เลย ตรวจทั้งหมดเรียบร้อยด้วยความเงียบสงบ
พอตรวจแต่ละชุดลงมา ก็ใช้เวลาไปประมาณสามชั่วโมง
เธอใช้ข้ออ้างว่ามานวดบำบัด ไม่จำเป็นต้องใช้เวลานานมาก ถึงเวลาควรจะกลับไปแล้ว เดี๋ยวเย้นโม่หลินคิดมากอีก
พอดีเลย เจิ้งเหลียงพูดขึ้นว่า “มีผลตรวจบางอย่างที่ออกมาช้า ต้องรอพรุ่งนี้ วันนี้คุณสามารถกลับไปก่อนได้เลยครับ พรุ่งนี้ผมจะให้แผนกำหนดการรักษาที่สมบูรณ์กับคุณครับ”
หลังจากที่กู้จื่อเฟยบอกลากับเจิ้งเหลียงแล้ว ก็จากไป
เธอโทรหาเย้นโม่หลินก่อนสิบนาที ในตอนที่เธอเดินมาถึงห้องโถงด้านนอกของโรงพยาบาล ก็เห็นเย้นโม่หลินยืนอยู่หน้าประตูแล้ว
เขาสวมชุดคุมสีดำ มือทั้งสองซุกอยู่ในกระเป๋าเสื้อคลุม ดูแล้วหล่อจนทำให้คนอยากกรี๊ด
ความเย็นชาและบุคลิกที่น่าอันตรายนั้น กลับทำให้คนไม่กล้าเข้าหา
ระยะห่างประมาณสองสามเมตร มีผู้หญิงล้อมรอบประมาณยี่สิบสามสิบคน แววตาที่เปล่งประกายมองเขาจนน้ำลายไหล
กู้จื่อเฟยรู้สึกหมดหนทาง ใบหน้าของเขาช่างดึงดูผู้คนมากเกินไปแล้ว จู่ๆ เธอก็นึกขึ้นว่า จะให้เขาสวมผ้าปิดปากด้วย……