สัญญารัก คบกับประธานฮั่ว30วัน - บทที่ 105 ถ้าหากว่าฉันแต่งงานกับเธอล่ะ
บทที่ 105 ถ้าหากว่าฉันแต่งงานกับเธอล่ะ
ทั้งสองเงียบไปครู่หนึ่ง มู่จื่ออี้ถามเสียงต่ำมา “ช่วงนี้ คุณสบายดีรึเปล่า?”
“อืม ก็พอได้ คุณล่ะ?”
“ก็ดี”
มู่จื่ออี้ตอบอย่างอ่อนโยน ช่วงเวลานี้เขาไม่สบายมาก แต่เหมือนกับว่าเวลานี้กลายเป็นไม่สำคัญเลย
เขาลังเลนิดนึง คล้ายกับรวบรวมความกล้าพูดไป “ต่อไปเจอปัญหาอะไร คุณมาหาผมได้ ผมจะช่วยคุณเอง หรือถ้าเบื่อๆ ก็มาหาผมคุยเล่นก็ได้ โดยเฉพาะ……ทุกคนเป็นเพื่อนกัน”
เย้นหว่านหยุดฝีเท้าลง เอียงหน้ามองมู่จื่ออี้ด้วยอาการมึนงง
“ช่วงนี้ฉันโทรศัพท์หาคุณตั้งหลายสาย คุณไม่รับเลยสักสาย”
เท่าที่เธอรู้จักมู่จื่ออี้ เขาไม่เหมือนคนที่ต่อหน้าพูดอีกอย่างลับหลังพูดอีกอย่างประเภทนี้ แต่ว่าทำไมไม่รับโทรศัพท์ล่ะ?
มู่จื่ออี้ตะลึง สายตาเผยความปลื้มใจอย่างไร้ขีดจำกัดออกมา
เขาจับไหล่ของเย้นหว่านเอาไว้ด้วยความตื่นเต้น “คุณโทรศัพท์หาผมมาตลอด?”
ที่แท้เธอไม่ได้ไม่ติดต่อเขา ไม่ใช่ไม่สนใจเขาเลยสักนิด
เย้นหว่านพยักหน้า “ฉันยังคิดว่าคุณเกิดเรื่องอะไรขึ้นแล้ว”
ต่อมาเห็นเขากับวางหนิงเวยอยู่ด้วยกัน เธอเลยคิดว่าเพราะแฟนมู่จื่ออี้ ดังนั้นถึงตัดขาดการติดต่อกับเธอไป พูดขึ้นมาในใจเธอยังผิดหวังอยู่บ้าง
“เย้นหว่าน คุณโทรศัพท์หาผมได้ ผมดีใจมากจริงๆ”
ราวกับเป็นความรู้สึกจากนรกกลับสู่สวรรค์อีกครั้ง
มู่จื่ออี้ปลื้มใจจนไม่สามารถควบคุมตนเองได้ กอดเย้นหว่านเอาไว้
เย้นหว่านไม่เข้าใจอะไร ความประทับใจหุนหันพลันแล่นของเขานี้มันเรื่องอะไรกัน?
เวลานี้เสียงตะโกนที่เย็นยะเยือกอันตรายของชายหนุ่มดังขึ้นที่ระเบียงทางเดิน
“พวกเธอกำลังทำอะไรกัน?”
เย้นหว่านตะลึงแวบหนึ่ง เหมือนผลักมู่จื่ออี้ออกไปโดยจิตใต้สำนึก หันหน้ามองทางชายหนุ่มที่อยู่ไม่ไกลนัก
เห็นเพียงโห้หลีเฉินมองพวกเขาตรงๆ ในดวงตาที่ดูดีที่สุดคู่นั้นคล้ายเผยเกล็ดน้ำแข็ง ทั่วทั้งตัวเผยความหนาวเย็นที่ทำให้คนหายใจไม่ออก
“คุณโห้ คุณอย่าเข้าใจผิดนะ ฉันกับจื่ออี้เพียงแต่……”
ประคองเขาอยู่ กอดอยู่ด้วยกัน? พูดขึ้นมา เย้นหว่านไม่รู้จะอธิบายอย่างไรดี
เห็นท่าทางเธออธิบายไม่กระจ่าง ความโกรธของโห้หลีเฉินยิ่งเดือดขึ้น
เขารอเธออยู่ที่โถงงาน เธอก็ยังไม่กลับมาเลยสักที เขาเข้ามาหาด้วยความเป็นห่วง กลับเห็นเธอและมู่จื่ออี้กอดอยู่ด้วยกัน
หน้าเขาดำมิดอย่างกับสีก้นหม้อ ก้าวใหญ่ๆ เดินเข้ามา ดึงเย้นหว่านมาตรงหน้าตนเองทันที
“ไป”
เย้นหว่านเป็นห่วงแผลที่เท้าของมู่จื่ออี้ กลัวเขาคนเดียวจะยืนไม่ไหว รีบดึงโห้หลีเฉินไว้
“ยังไปไม่ได้ เท้าเขาบาดเจ็บ”
“เกี่ยวอะไรกับเธอด้วย? เขาเป๋แล้วก็ยังคลายได้”
น้ำเสียงของโห้หลีเฉินเต็มไปด้วยนิสัยร้ายกาจ
เขาคว้าเย้นหว่านไว้แน่น แรงเยอะมาก เหมือนอยากคุมขังเธอเอาไว้ในเนื้อหนังของตนเอง ถึงจะวางใจ
เย้นหว่านดึงมุมปาก มองโห้หลีเฉินอย่างคาดไม่ถึง วันนี้เขากินยาผิดแล้วหรือ?
มู่จื่ออี้สีหน้าซีดเผือด มองทั้งสอคนอยู่ ในใจผุดความเศร้ารันทดเป็นชั้นๆ
พูดกันตามตรง เย้นหว่านเป็นคู่หมั้นของโห้หลีเฉิน
“เสี่ยวหว่าน ไม่ต้องเป็นห่วงผม ผมไปเองได้ คุณกับคุณโห้ไปเถอะ”
เย้นหว่านมองมู่จื่ออี้ เขายืนเองอยู่ สามารถยืนนิ่งได้ น่าจะสามารถเดินเองได้เช่นกัน
ที่สำคัญคือตอนนี้โห้หลีเฉินเหมือนวัตถุอันตรายที่ระเบิดแล้ว ดุร้ายไปทั้งตัว ความจริงดูเหมือนอันตรายเกินไป เธอไม่กล้าขัดใจเขา
โห้หลีเฉินจ้องมู่จื่ออี้ด้วยสายตาบางเบา น้ำเสียงเย็นชาสุดๆ
“คุณมู่ เมืองหนานไม่เหมาะให้คุณอยู่ มาจากที่ไหนก็กลับไปที่นั่น อย่าให้คนที่บ้านมาจับไป”
คุกคามอย่างโจ่งแจ้ง
มู่จื่ออี้สีหน้าดูแย่เพิ่มขึ้น ดูแล้วสถานการณ์ที่บ้านเขา โห้หลีเฉินก็รู้ชัดเจนดี
เขาดึงมุมปากอย่างจำใจ “ไม่รบกวนคุณโห้ใส่ใจ ผมจองตั๋วเครื่องบินกลับบ้านเรียบร้อยแล้ว”
“คุณจะไปแล้วหรือ?”
เย้นหว่านพูดอย่างตกใจ แต่พึ่งพูดออกมา ก็เจอกับสายตาหนาวเหน็บอันตรายของโห้หลีเฉินเข้า
เขาจับเธอไว้ เดินไปอีกทางหนึ่งอย่างไม่พูดพร่ำทำเพลง
เดินทั้งเร็วทั้งรีบ ร่างสูงใหญ่เต็มไปด้วยความโกรธที่ปะทุขึ้น
เย้นหว่านมองโห้หลีเฉินด้วยความไม่เข้าใจ สรุปใครหาเรื่องเขาแล้ว ทำไมถึงโกรธเป็นฟืนเป็นไฟขนาดนี้?
เดินมาได้ระยะหนึ่ง เย้นหว่านเอ่ยปากอย่างลองเชิง “คุณโห้ ฉันนึกได้ว่าพ่อฉันบอกให้ฉันกลับบ้านเดี๋ยวนี้ มีธุระด่วน ฉันกลับไปก่อนได้รึเปล่า?”
เท้าของโห้หลีเฉินหยุดลงมา
เย้นหว่านค่อยๆ โล่งอกทีหนึ่ง โชคดีที่เธอสามารถออกไปเงียบๆ ได้
“งั้นฉันไปก่อนแล้วนะ มีธุระคุณค่อยให้……”
คำพูดของเธอยังไม่ทันพูดจบ แขนโห้หลีเฉินก็โอบเอวของเธอ ดึงเธอเข้ามาในอ้อมอกของเขา
กลิ่นอายที่คุ้นเคยของชายหนุ่มกระโจนมาตรงหน้า ยังมีนิสัยโหดร้ายทารุณบางอย่างที่ทำรู้สึกหวาดกลัว
เขาจ้องเธอมาตรงๆ ทุกคำที่พูดล้วนเหมือนออกมาจากช่องฟันที่กัดไว้
“เย้นหว่าน สรุปเธอมีจิตสำนึกในฐานะคู่หมั้นของฉันอยู่หรือไม่?”
เย้นหว่านงงงวย เรื่องนี้เดิมทีเธอไม่จำเป็นต้องมีจิตสำนึกมั้ง
เธอตอบ “พวกเราเป็นแค่ปลอม……อื้ม!”
ริมฝีปากของเธอถูกเขาปิดไว้อย่างแน่นหนา
จูบของเขาทั้งแรงทั้งรีบ มีลักษณะของการลงโทษ รุกล้ำเข้ามาอย่างหยาบคายราวกับผู้ร้าย ม้วนรอบอยู่ด้านใน
คล้ายว่าอยากกลืนเธอไปทั้งเป็น
เย้นหว่านรู้สึกถึงอันตรายที่ดุเดือด ริมฝีปากยังมีความเจ็บนิดหน่อย
มือทั้งคู่เธอโบยตี พยายามผลักเขาออก
โห้หลีเฉินกลับยิ่งกอดเธอเอาไว้แน่น จูบอย่างบ้าคลั่งเผด็จการขึ้นอีก เกือบเอาลมหายใจของเธอไปหมด ดึงพลังของเธอไปจนเกลี้ยง
จนกระทั่งเย้นหว่านอ่อนยวบไปในอ้อมอกเขาอย่างไร้แรงต้านทาน โห้หลีเฉินถึงปล่อยเธอในที่สุด
มองหญิงสาวที่หน้าแดงฉาดอ่อนแรงอยู่ในอกตนเอง สีหน้าโห้หลีเฉินถึงค่อยๆ ดีมาหน่อย
เขาพูดด้วยน้ำเสียงทุ้มต่ำ “ต่อไปห้ามไปยุ่งเกี่ยวกับผู้ชายคนอื่นอีก”
เย้นหว่านจิตใจว้าวุ่น รู้สึกถึงความอับอายสุดจะทน
เธอหายใจลึกๆ อยู่หลายครั้ง ในที่สุดก็สงบอารมณ์ยุ่งเหยิงลงมา ฟื้นพลังกลับคืน
เธอยืนขึ้นมาจากในอ้อมอกของโห้หลีเฉิน มองเขาด้วยสีหน้าเคร่งขรึม
“คุณโห้ ต่อไปคุณอย่าเอะอะก็มาจูบฉันอีกได้มั้ย? ฉันเป็นคนหัวโบราณ ท้ายที่สุดพวกเราต้องถอนหมั้น ฉันไม่อยากทำเรื่องแบบนี้กับคุณแบบอธิบายไม่ได้”
อธิบายไม่ได้?
โห้หลีเฉินมองเธอตรงๆ “เป็นเพราะพวกเราต้องถอนหมั้นกัน ไม่มีความสัมพันธ์ที่แท้จริง ดังนั้นเธอถึงไม่ยอมผูกมัดกับฉัน?”
“แน่นอนสิ”
เย้นหว่านน้ำเสียงแน่วแน่ เธอไม่ใช่คนที่ใจง่ายแบบนั้น สามารถนอนกับใครได้ในชั่วข้ามคืน ที่ไม่มีข้อห้ามใดๆ ก็ได้
แม้กระทั่งจูบครั้งหนึ่ง เธอหัวใจยังว้าวุ่นไปตั้งนาน
โห้หลีเฉินท่าทางแพรวพราว เข้าใจอะไรแล้วทันใด
เขาจ้องมองเย้นหว่านอยู่ แม้กระทั่งอึดอัดนิดๆ ตื่นเต้นแบบที่ยากจะเจอ
เสียงของเขาต่ำไม่รู้จะต่ำอย่างไรแล้ว “งั้นถ้าไม่ถอนหมั้น แล้วฉันแต่งงานกับเธอล่ะ?”
สายตาที่เย้นหว่านมองโห้หลีเฉินเปลี่ยนไป ในใจซับซ้อนที่สุด
เธอไม่เข้าใจ นี่โห้หลีเฉินอยากคลุมเครือกับเธอต่อไป ดังนั้นจึงพูดไปเรื่อย หรือเพียงแค่ลองถามแบบหยอกล้อ?