สัญญารัก คบกับประธานฮั่ว30วัน - บทที่ 1062 การพูดคุยส่วนตัวของคู่หนุ่มสาว
กู้จื่อเฟยถูกเย้นโม่หลินพากลับมาที่ที่พัก พักนี้พวกเขาจะอยู่ที่นี่ในช่วงหนึ่ง
พอเข้ามาในห้อง กู้จื่อเฟยกลับเห็นตาเล็กๆ อยู่บนโต๊ะอย่างประหลาดใจ บนนั้นมีเค้กสามเหลี่ยมชิ้นเล็กๆ วางอยู่ ท่าทางดูเหมือนเค้กวันเกิด 3 ชั้นที่เธอทำให้กับเย้นโม่หลิน
แล้วอีกอย่าง มันถูกคนกินไปแล้วสองคำ
กู้จื่อเฟยรู้สึกประหลาดใจและสับสน “ทำไมเค้กนี้ถึงทุกวัยที่นี่ล่ะ? ใครเอามา?”
เล่นพิเรนทร์อย่างนั้นเหรอ?
เย้นโม่หลินจูงมือกู้จื่อเฟยเดินไปนั่งลงที่โต๊ะ “ฉันให้คนเอามาเอง”
กู้จื่อเฟยประหลาดใจ
แล้วเขาก็พูดต่อ “สิ่งที่เธอทำ ฉันก็ต้องกินให้หมด”
จู่ๆ ก็มีเหตุการณ์กระชากหน้ากากเกิดขึ้นในงานเลี้ยง เขาก็เลยอยากกินเค้กไม่ทันหมด
เค้ก 3 ชั้น เขาแบ่งมาได้แค่ชิ้นเล็กๆ เท่านี้เอง แค่นี้เขาก็ไม่พอใจแล้ว ถ้าเกิดว่าเสียชิ้นไปอีก เขายิ่งจะรู้สึกทนไม่ได้
ก็เลยตัดสินใจให้คนไปเอากลับมา
เย้นโม่หลินถือจานขึ้นมา แล้วก็เอาช้อนตัก “เธอกินหน่อยไหม?”
กู้จื่อเฟยมองเขาด้วยตาที่เป็นประกาย ในใจรู้สึกซาบซึ้งเป็นอย่างมาก
เอาใจใส่ของเขา มันเป็นการยืนยันที่ดีที่สุดสำหรับเค้กที่เธอทำ
กู้จื่อเฟยอ้าปากและกินเข้าไปหนึ่งคำ เธอเคี้ยวไปด้วยแล้วพูดด้วยว่า
“นายชอบ ต่อไปฉันก็จะทำให้กินเยอะๆ กินทุกวันก็ยังได้เลย”
เย้นโม่หลินป้อนกู้จื่อเฟยอีกครั้ง แล้วก็กินเองอีกคำนึง
แต่ว่าเขากลับสายล่าช้าๆ “เรื่องเข้าครัวให้ฉันทำคนเดียวก็พอแล้ว ถ้าเกิดว่าเธออยากทำ ปีหนึ่งทำครั้งเดียว กินแค่ตอนวันเกิดก็ได้”
พอพูดจบ เขาก็คิดอะไรขึ้นได้ แล้วก็พูดเสริมอีก “แต่ว่าห้ามทำแจกจ่ายให้คนในงานเลี้ยงอีกแล้วนะ ให้ฉันกินแค่คนเดียวพอ”
ท่าทางเอาแต่ใจที่ดูไร้เดียงสาของเขานั้น ทำให้กู้จื่อเฟยอดไม่ได้ที่จะหัวเราะออกมา
พี่เย้นนี่ช่างน่ารักจริงๆ เลย พูดเรื่องเล็กน้อยให้จริงจังขนาดนั้น ทำให้ใจของเธออ่อนยวบ
เธอจุ๊บลงไปที่ริมฝีปากของเย้นโม่หลินที่ยังมีเค้กติดอยู่ “พี่เย้น ฉันอดไม่ได้จริงๆ เลย อยากจะจับนายขึ้นเตียงซะตอนนี้เลย”
เย้นโม่หลินตัวแข็งขึ้นในทันทีและหูเขาก็เริ่มแดง
ของอ่อนนุ่มในอ้อมแขนของเขา เขายิ่งทนไม่ได้มากกว่าอีกเข้าใจไหม?
“เธอหนักขึ้นประมาณครึ่งโลอีกแล้วนะ เกือบจะหนัก 50 กิโลกรัมแล้วนะ”
กู้จื่อเฟย:”……”เอาจริงเอาจังอย่างเทียบไม่ได้เลยจริงๆ
แต่ว่าพอเห็นน้ำหนักของตัวเอง มันก็เริ่มขึ้นแล้วจริงๆ แถมยังขึ้นอย่างรวดเร็วอีกต่างหาก เธอก็รู้สึกโล่งใจ
เช้ากินเย็นกิน เป็นแค่เรื่องที่เกิดขึ้นเดือนเดียวเท่านั้นเอง
ถ้าเกิดว่าผ่านช่วงเวลาที่ยากลำบากนี้ไป เธอก็สามารถเริ่มแผนการมีลูกได้อย่างสบายใจแล้ว
พยายามมีลูกเสี่ยวโม่ตัวน้อยๆ
พอคิดได้แบบนี้ จู่ๆ กู้จื่อเฟยก็นึกถึงปัญหาอีกข้อหนึ่ง
เธอนั่งอยู่ในอ้อมแขนของเย้นโม่หลิน เอามือคล้องคอของเขาไว้แล้วพูดอย่างจริงจัง
“พี่เย้น ช่วงนี้ฉันจะเรื่องบางอย่างและรู้สึกว่ามันไม่ค่อยถูกต้องเท่าไหร่ แต่ว่าไม่สามารถยืนยันได้ แล้วก็ไม่รู้ว่ารู้สึกผิดไปหรือเปล่า”
“เรื่องอะไรเหรอ?”เย้นโม่หลินถาม
กู้จื่อเฟยคิดอยู่ครู่หนึ่ง แล้วก็ตัดสินใจที่จะปรึกษากับเย้นโม่หลิน
“หลายวันนี้ที่ฉันเตรียมวางแผนงานเลี้ยงให้นาย ก็คุยกับเสี่ยวหว่านค่อนข้างเยอะ แต่ว่าสิ่งที่แปลกก็คือ ขนาดติดต่อกันบ่อยขนาดนี้ แต่ฉันกลับไม่เคยเห็นคุณโห้เลยสักครั้งเดียว”
ก่อนหน้านี้นานๆ ทีที่เธอจะวิดีโอคอลคุยกัน ก็จะเห็นโห้หลีเฉินแว๊บไปมาอยู่ข้างๆ เย้นหว่านบ้าง
แต่ว่าครั้งนี้ วันหนึ่งวิดีโอคอลหากันตั้งหลายครั้ง ครั้งหนึ่งก็ประมาณหลายสิบนาที แต่ว่ากลับไม่เห็นโห้หลีเฉินเลย
แม้แต่ ตอนกลางคืนก็ไม่เห็นเหมือนกัน
เย้นโม่หลินขมวดคิ้วเข้าหากันและพูดด้วยเสียงทุ้มต่ำว่า
“หลังจากที่ฉันกลับมา มีเรื่องให้ต้องจัดการเยอะ หยูฉู่สองก็ค่อนข้างที่จะสำรวมขึ้นเยอะ ถ้าพูดตามความเป็นจริง หลายวันนี้โห้หลีเฉินต้องผ่อนคลายลงสิถึงจะถูก”
พอได้ยินดังนั้น กู้จื่อเฟยก็ยิ่งรู้สึกประหลาดใจขึ้นไปใหญ่ ความรู้สึกไม่สบายใจของเธอมันก็แรงขึ้นเรื่อยๆ
ดวงตาของเธอเป็นประกายเล็กน้อย เธอลังเลอยู่ครู่หนึ่งแล้วก็พูดว่า
“ถึงแม้ว่าดูภายนอกเสี่ยวหว่านจะดูสบายดี แต่ว่าฉันกลับรู้สึกว่า เธอเสแสร้งทำเป็นมีความสุข แต่ว่าฉันไม่กล้ายืนยัน ฉันแค่หวังว่าฉันจะคิดมากไปเอง แต่ว่า……”
กู้จื่อเฟยกัดฟันแน่น “ฉันค่อนข้างเป็นห่วงเสี่ยวหว่าน”
ออร่าของเย้นโม่หลินดูเย็นชาลงในทันที เหมือนเขาตกอยู่ในความกดอากาศต่ำ
ผ่านไปครู่หนึ่ง เขาถึงได้พูดด้วยเสียงทุ้มต่ำ
“ความรู้สึกของเธอไม่มีทางผิดหรอก ถ้าเกิดว่าเป็นเวลาปกติ โห้หลีเฉินไม่มีทางปล่อยให้เย้นหว่านอยู่คนเดียวนานๆ หรอก แล้วอีกอย่างเธอยังต้องท้องอยู่อีกด้วย”
ก่อนหน้านี้เขาไม่เข้าใจ แต่ว่าหลังจากที่ได้เห็นความเป็นห่วงของกู้จื่อเฟย เขาก็เลยเข้าใจความรู้สึกของความรักอย่างชัดเจน
ถึงแม้ว่าตอนนี้กู้จื่อเฟยจะไม่ได้ตั้งท้อง แต่ว่าเขาก็อยากจะปกป้องเธอ คอยเฝ้ามองเธอตลอดเวลา
ยิ่งไม่ต้องพูดถึงความรักอันลึกซึ้งของโห้หลีเฉินเลย
ความรู้สึกไม่สบายใจของกู้จื่อเฟยงานเพิ่มมากขึ้น ตาของเธอเป็นประกายไม่หยุด เธอเป็นกังวลอย่างมาก
“ความหมายของนายก็คือ ระหว่างเสี่ยวหว่านกับคุณโห้อาจจะมีปัญหาอะไรเกิดขึ้นจริงๆ อย่างนั้นเหรอ?”
เย้นโม่หลินขมวดคิ้ว “ทำไมเธอถึงคิดว่ามีปัญหาระหว่างพวกเขาล่ะ ทำไมถึงไม่คิดว่าโห้หลีเฉินเจอเรื่องที่แก้ไขได้ยาก แล้วยุ่งจนไม่มีเวลา?”
“เซ้นส์ของผู้หญิงน่ะ”กู้จื่อเฟยชะงักไป “ฉันรู้สึกว่าอารมณ์ที่แท้จริงของเสี่ยวหว่าน เหมือนกำลังซ่อนความเศร้าอยู่”
สถานการณ์แบบนี้ เป็นไปได้ว่ามีปัญหาเกิดขึ้นระหว่างความสัมพันธ์ของพวกเขาทั้งสองคน
พอได้ยินดังนั้น เย้นโม่หลินโมโหขึ้นมาในทันที
“โห้หลีเฉินรังแกน้องสาวของฉัน ฉันจะไปฆ่ามัน!”
กู้จื่อเฟยรีบดึงเขาไว้ในทันที “ฉันก็แค่รู้สึกแค่นั้นเอง ยังไม่แน่ใจเลยว่าสรุปแล้วเรื่องราวมันเป็นยังไงกันแน่ แล้วอีกอย่างคุณโห้รักเสี่ยวหว่านขนาดนั้น ถ้าพูดตามหลักเหตุผลเขาไม่ควรจะปล่อยให้เสี่ยวหว่านต้องเสียใจสิถึงจะถูก”
“อย่าเพิ่งรีบร้อนไปเลย รอให้เราแน่ใจเรื่องราวชัดเจนก่อนแล้วค่อยว่ากันโอเคไหม?”
ความโมโหของเย้นโม่หลินถึงได้ลดลงเล็กน้อย แต่ว่าความเยือกเย็นที่แผ่ซ่านออกมาจากตัวเขาก็ยังคงน่ากลัว
เพราะคิดว่าเย้นหว่านอยู่ในตระกูลหยูที่เต็มไปด้วยหมาป่าและถ้ำเสือเพียงคนเดียว ถ้าเกิดว่าโห้หลีเฉินยังรังแกเธออีก เธอที่ตั้งท้อง จะมีชีวิตอยู่ได้ยังไงกัน?
เย้นโม่หลินกัดฟันกรอด “ดีที่สุดก็คืออยากให้มันเป็นเรื่องที่โห้หลีเฉินทำเรื่องที่ผิดต่อเสี่ยวหว่านเลย ไม่อย่างนั้น ฉันจะบุกเข้าไปที่ตระกูลหยู ทำให้มันแหลกสลายเป็นชิ้นๆ ”
กู้จื่อเฟยมองดูเย้นโม่หลินที่กำลังโมโห ทันใดนั้นก็รู้สึกเสียใจ
เธอไม่ควรจะบอกเรื่องนี้กับเย้นโม่หลินตอนที่ยังไม่แน่ใจหรือเปล่า? เขารักเย้นหว่านจะตาย จะทนเห็นเย้นหว่านได้รับความไม่เป็นธรรมได้ยังไงกัน
แม้แต่การคาดเดาก็เพียงพอที่จะทำให้เขาโมโหอย่างมากแล้ว
เธอไม่สามารถปล่อยให้มันไม่ชัดเจนอย่างนี้ต่อไปได้
กู้จื่อเฟยคิดอยู่ครู่หนึ่งและพูดว่า
“ฉันได้ไอเดียหนึ่ง เสี่ยวหว่านไม่มีทางพูดอะไรอยู่แล้ว แล้วเราก็ไม่มีคนคอยสอดส่องที่ตระกูลหยูด้วย แต่ว่าพวกเราก็สามารถทำแบบเลี่ยงๆ ได้นี่”
“ทำแบบยังยังไงเหรอ?”
“ตอนนี้เป็นเวลาสองทุ่ม ตอนเที่ยงคืนแล้วก็วิดีโอคอลไปหาเสี่ยวหว่าน”
เย้นโม่หลินไม่เข้าใจ “แล้วจะวิดีโอคอลไปหาเธอตอนนั้นทำไม? เธอท้องอยู่ น่าจะนอนเร็ว มันจะไม่เป็นการปลุกเธอเหรอ”
กู้จื่อเฟยส่ายหน้า “แล้วถ้าเกิดเสี่ยวหว่านยังไม่นอนเหรอ? ”
เย้นโม่หลินขมวดคิ้ว
เสียงของกู้จื่อเฟยต่ำลงเยอะ เธอไม่ต้องการให้สิ่งนี้เกิดขึ้น
“ถ้าเกิดว่าเธอยังไม่นอน มันก็อาจจะหมายถึง ตอนนั้นโห้หลีเฉินยังไม่กลับมา หรืออาจจะหมายความว่า เธอมีเรื่องในใจจะนอนไม่หลับ”