สัญญารัก คบกับประธานฮั่ว30วัน - บทที่ 1064 ฉันพูดเรื่องจริงทั้งนั้น
แคทเธอรีน
ผู้ช่วยระดับสูงคนใหม่ ช่วงนี้เหมือนกับว่าจะอยู่กับโห้หลีเฉินทุกวัน20ชั่วโมงต่อวัน ไม่ห่างกันเลย
เธอมีสายเลือดของคนขาว ดวงตาสีฟ้า จมูกโด่ง อวัยวะบนใบหน้าคมชัดและละเอียดอ่อน เป็นคนสวยที่มีหน้าตาเป็นอาวุธ
พอเห็นเธอ เย้นหว่านก็มองไปยังทิศทางอื่นโดยอัตโนมัติ แต่ว่าก็ไม่เห็นโห้หลีเฉิน
ทำไมเธอถึงมาที่มีคนเดียวล่ะ?
แคทเธอรีนยิ้มแล้วพูดว่า “ไม่ต้องหาหรอก โห้หลีเฉินไม่ได้มาที่นี่ ฉันมาคนเดียว”
ดวงตาของเย้นหว่านฉันสั่นเล็กน้อย แล้วก็เดินไปหยุดอยู่ตรงหน้าเธอ
“เธอมาหาฉันโดยเฉพาะเลยเหรอ? มีเรื่องอะไรหรือเปล่า?”
“ที่จริงก็มีเรื่องนิดหน่อย”
แคทเธอรีนดึงเก้าอี้ออกมาตัวหนึ่ง แล้วก็พูดกับเย้นหว่าน
“เธอต้องลงทานข้าวก่อนเถอะ ทานไปด้วยคุยไปด้วย ลูกจะได้ไม่หิว”
ความจริงเย้นหว่านก็ไม่ควรจะยืนเป็นเวลานาน เธอก็ไม่ได้พูดอะไรและนั่งลง
พอนั่งลง แคทเธอรีนก็ไปนั่งลงฝั่งตรงข้ามของเธอ
เธอเอามือข้างหนึ่งเท้าคาง เราก็มองเย้นหว่านอย่างละเอียด “ถึงแม้ว่าจะตั้งท้อง แต่ว่าเธอดูไม่อ้วนเลยนะ แถมยังผอมอีกต่างหาก ถึงแม้ว่าเวลาปกติผอมจะดูดีกว่า แต่ว่าถ้าท้องแล้วเราต้องบำรุงลูกให้ดี ถ้าผอมไปมันจะไม่ดีนะ เย้นหว่าน เธอต้องดูแลสุขภาพตัวเองให้ดี เพื่อลูก”
คนสนิทกันก็จะพูดภาษาใดเป็นกันเองแบบนี้ แต่ว่าพอมันออกมาจากปากของแคทเธอรีน บวกกับสายตาของเธอ เย้นหว่านกลับรู้สึกว่ามีบางอย่างผิดปกติ
เธอยิ้มอย่างมีมารยาท “ขอบคุณที่เป็นห่วง ว่ามาเถอะ มาหาฉันมีธุระอะไรหรือเปล่า?”
แคทเธอรีนยกชามซุปมาไว้ตรงหน้าของเย้นหว่าน
“เธอกินอะไรก่อนเถอะ แล้วแต่ฉันจะพูด หลีกเลี่ยงว่าถ้าเกิดว่าฉันพูดเสร็จแล้วเธอจะไม่มีอารมณ์กินข้าว”
เย้นหว่านขมวดคิ้ว สีน่าดูจริงจังและหนักแน่น
เธอพูดด้วยเสียงทุ้มต่ำ “เกิดเรื่องอะไรขึ้นกับโห้หลีเฉินอย่างนั้นเหรอ?”
“จะพูดแบบนั้นก็ไม่ได้หรอก มีเรื่องเกิดขึ้นนิดหน่อย แต่มันเป็นเรื่องของพวกเรา” แคทเธอรีนพูดอย่างคลุมเครือ
เย้นหว่านตอบ “หมายความว่ายังไง?”
แคทเธอรีนมองเย้นหว่าน สีหน้ายั่วยุ ปกปิดความพึงพอใจกับความเย่อหยิ่งว่ะอยู่
“ตอนแรกฉันก็ไม่ได้กะจะบอกเธอเร็วขนาดนี้ แต่ว่าถ้าเกิดว่าเป็นแบบนี้ต่อไปก็ไม่มีทางเลือก เธอลำบากเขาตั้งท้องลูก ตัวเองก็มีสิทธิ์ที่จะรู้”
ทุกคำพูดของแคทเธอรีน สีหน้าของเธอ มันแสดงให้เห็นว่าเธอต่างหากที่เป็นเจ้าของ
“เธอเองก็รู้นี่ ว่าฉันอยู่กับโห้หลีเฉินทั้งวันทั้งคืน ไม่ห่างกันแม้แต่นิดเดียว ชายหนุ่มกับหญิงสาวอยู่ด้วยกันสองคน ก็ไม่อาจทนต่อสิ่งล่อใจและอาจจะเกิดอะไรขึ้นได้บ้าง ฉันกับโห้หลีเฉินก็ไม่ได้ยกเว้น ดังนั้น……”
เธอยังพูดไม่ทันจบ ริมฝีปากสีแดงของเธอก็ยกขึ้นอย่างเย่อหยิ่ง เต็มไปด้วยความอยากเยอะ
เย้นหว่านนั่งตัวแข็งทื่อด้วยความตกใจ ความหนาวเหน็บพุ่งตรงจากฝ่าเท้าขึ้นมาถึงขมับของเธอ ทำให้ลมหายใจของเธอไม่คงที่
เธอใช้เวลาครู่หนึ่งในการทำให้ใจสงบลง กัดฟันแน่นและพูดด้วยเสียงทุ้มต่ำกว่า
“ฉันไม่เชื่อ”
เธอพูด 3 คำนี้อย่างเด็ดขาด
แคทเธอรีนก็ไม่ได้แปลกใจ แถมเธอยังยิ้มอย่างเยาะเย้ยมากขึ้น
“ฉันรู้อยู่แล้วว่าเธอต้องเป็นแบบนี้ ยังไงความไว้วางใจของเธอมันก็เกือบจะเป็นความละเลยไปแล้ว แม้แต่ผู้ช่วยที่อยู่ๆ ก็โผล่ขึ้นมาอย่างฉันเธอยังไม่สนใจ ปล่อยให้ฉันอยู่กับเขาเพียงลำพังทั้งวัน”
“แต่ว่าบนโลกใบนี้ มันมีแมวตัวไหนที่ไม่ขโมยปลาชั้นดีด้วยล่ะ?ฉันกับโห้หลีเฉินคบกันแล้ว”
“ดังนั้นถ้าคิดว่าการที่ทุกวันเขาต้องอยู่ข้างนอกมากกว่า 20 ชั่วโมงต่อวัน เพราะว่าอยู่กับฉัน พวกเราทำงานด้วยกัน กินข้าวด้วยกัน หรือแม้แต่……นอนด้วยกัน”
เย้นหว่านน้าสิทธิ์ลงในทันที มือที่อยู่ใต้โต๊ะกุมกันแน่น
เธอเข้าใจเจตนาของแคทเธอรีนแล้ว ประกาศสงคราม
เธอกัดฟันแน่น “เธอคิดว่าเธอพูดแบบนี้แล้วฉันจะเชื่ออย่างนั้นเหรอ? ฉันเชื่อสามีของฉัน ต่อให้ชายหนุ่มและหญิงสาวจะอยู่ด้วยกันเพียงลำพัง เขาก็ไม่มีทางแต่ต้องเธอ”
“เธอเชื่อเขาอย่างนั้นเหรอ?แต่ว่าเธอเข้าใจเขาดีขนาดนั้นเลยเหรอ?”
แคทเธอรีนยิ้มเยาะเย้ย แล้วก็หยิบเอกสารรับรองใบหนึ่งออกมาจากกระเป๋าและยื่นไปตรงหน้าเย้นหว่าน
“นี่คือใบรับรองทางการแพทย์ของฉัน ฉันเป็นนักวิทยาศาสตร์การแพทย์ที่อายุน้อยที่สุดและเก่งที่สุดในสาขานี้ ฉันไม่ใช่ผู้ช่วยชั้นสูง ที่จริงแล้วฉันเป็นหมอที่มีอำนาจด้านพันธุศาสตร์”
เย้นหว่านมองไปที่ใบรับรองสีทองและเงิน แล้วก็กัดริมฝีปากล่างของตัวเอง
แคทเธอรีนพูดต่อ
“ตั้งแต่เริ่มต้น โห้หลีเฉินก็โกหกเธอแล้ว ตั้งแต่ตัวตนของฉัน ไปจนถึงทุกอย่างที่เขาทำ เธอก็ไม่รู้อะไรเลย เธอเชื่อใจเขาไม่ใช่เหรอ แต่เคยคิดบ้างไหมว่าความจริงแล้วเขาโกหกเธอมาโดยตลอด?”
“ฉันจะบอกอะไรตามความจริงนะ เขามาหาฉัน เพื่อนมาให้ฉันรักษาเขา โรคทางพันธุกรรมของเขาได้กำเริบแล้ว และมันหนักขึ้นเรื่อยๆ เพราะว่าฉันรักษาให้กับเขา ตอนนี้อาการของเขาก็เลยคงที่”
“เรื่องที่อันตรายถึงชีวิตแบบนี้ แต่ว่าเขากลับปิดบังเธอเป็นอย่างแรก ไม่อยากให้เธอรู้ เธอรู้ไหมว่าเพราะอะไร?”
“เพราะว่า ในใจของเขา ไม่มีเธอตั้งแต่แรกแล้ว ถ้าเกิดว่าผู้ชายคนหนึ่งไปตกหลุมรักคนอื่นแล้ว เขาก็จะไม่อยากเล่าเรื่องพวกนี้ให้เธอฟังหรอก กลัวว่าเธอจะไปเพิ่มทอมลำบากให้กับเขา แต่ฉัน เขาเล่าเรื่องทุกอย่างให้ฉันฟัง รวมถึงหัวใจของเขาด้วย”
ร่างกายของเย้นหว่านบีบแน่น หน้าเธอซีดมากแทบจะไม่มีสีเลือดเลย
ดวงตาของเธอเย็นชา และมองตรงไปที่แคทเธอรีน
แคทเธอรีนกลับรู้สึกภาคภูมิใจ ไร้กังวล
เธอหยิ่งผยองมากกว่าเดิมและพูดว่า “เย้นหว่าน เรื่องราวมาจนถึงขั้นนี้แล้ว ฉันเป็นผู้หญิงของโห้หลีเฉินแล้ว ดังนั้นที่ฉันมาที่นี่วันนี้ ก็คือต้องการให้เธอเห็นด้วยกับเรื่องนี้”
“เห็นด้วยงั้นเหรอ?”เย้นหว่านตลาดใจ ไม่ใช่อยากให้เธอออกจากตำแหน่งภรรยาโห้หลีเฉินเหรอ?
แคทเธอรีนคลี่ยิ้ม แล้วก็มองไปที่ท้องขอเย้นหว่านอย่างเหยียดหยาม
“ฉันไม่ใช่ผู้หญิงที่ใจไม้ไส้ระกำอะไรแบบนั้นหรอกนะ ตอนนี้เธอกำลังท้องลูกของโห้หลีเฉินอยู่ ฉันก็ไม่มีทางไล่เธอออกไปในตอนนี้หรอก”
“แม้ว่าตอนนี้จะเป็นคู่สมรสกัน ผู้ชายที่สูงส่งอย่างโห้หลีเฉิน มาคิดตามเหตุผลทั่วไปไม่ได้ เพื่อเขาแล้ว และเพื่อลูกของเขาในอนาคต ดังนั้นฉันจะยอมเป็นบ้านเล็ก ปล่อยให้เธออยู่ข้างเขา แล้วก็มีสามีคนเดียวกับเธอ”
เย้นหว่านมองเธอด้วยสายตาประหลาดใจ ผ่านไปครู่หนึ่งเธอก็หัวเราะออกมา
เสียงหัวเราะของเธอนั้นเต็มไปด้วยการถากถาง
“เธอยอม แต่ว่าฉันไม่ยอม”
สีหน้าของแคทเธอรีนเปลี่ยนไปในทันที เธอพูดด้วยความหยิ่งผยองว่า
“เย้นหว่าน ฉันยอมถอยเพราะว่าลูกในท้องของเธอ แต่ว่าเธอกลับไม่รู้ว่าอะไรดีไม่ดี ไม่อย่างนั้นก็ต้องมีเรื่อง แล้วก็จะถึงขั้นที่เธอต้องพาลูกเธอไสหัวออกไป”
“โห้หลีเฉินยอมรับกับฉันแล้ว ว่าเขารักฉัน และยอมทำทุกอย่างเพื่อฉัน”
“คนที่เขาแคร์ในตอนนี้ก็คือฉัน คนที่เขาอยู่ห่างไม่ได้เลยก็คือฉัน”
ร่างกายของเย้นหว่านเหยียดตรง สายตาที่มองมาที่เธอนั้นดูเย็นชาเป็นอย่างมาก
และยังเต็มไปด้วยการถากถางไม่มีที่สิ้นสุด
“คำพูดพวกนี้ที่เธอพูด เธอเชื่อไหม?”
แคทเธอรีนขมวดคิ้ว”ฉันพูดเรื่องจริงทั้งหมด!”
“เรื่องจริงอย่างนั้นเหรอ?”
เย้นหว่านยิ้มจางๆ อย่างเหยียดหยาม “ในเมื่อเธอสาบานแบบนั้น ใจตรงกันกับเขา รู้เรื่องทุกอย่างทั้งหมด แล้วทำไมเธอไม่รู้ว่า ฉันรู้เกี่ยวกับอาการป่วยของโห้หลีเฉินตั้งแต่แรกแล้วล่ะ?”
แคทเธอรีนตกใจ”เธอรู้งั้นเหรอ?เป็นไปไม่ได้!”
“เธอนึกว่าฉันเป็นผู้ช่วยฉันสูงของเขามาโดยตลอด และก็ไม่เคยมาที่ทำงานเขาเลย แล้วก็ไม่เคยมีใครบอกเรื่องนี้กับเธอ”
“เย้นหว่าน เธออย่ามาทำเป็นหน้าใหญ่ใจโตหน่อยเลย เธอฟังฉันมา แล้วถึงได้พูดว่าเธอรู้เรื่อง ฉันไม่รู้สึกอะไรเหรอ?”