สัญญารัก คบกับประธานฮั่ว30วัน - บทที่ 1075 ยังมีเวลาอีกนานเท่าไหร่
เว่ยชีลังเลอยู่ชั่วครู่ แต่ยังคงเลือกจะพูดต่อไป “คุณชายเองก็มีความคิดที่เลือกเปลี่ยนตัวแคทเธอรีนอยู่แล้ว สองสามวันนี้ผมก็ไปหาคนที่จะมาแทนที่ตำแหน่งของเธอ และยังหาหมอพันธุศาสตร์ที่ดีมาได้ตั้งหลายคนแล้ว”
เย้นหว่านตกใจทันที “โห้หลีเฉินต้องการจะเปลี่ยนตัวแคทเธอรีนเหรอ? ทำไมกัน?”
ความขุ่นเคืองระหว่างเธอกับแคทเธอรีนก็ไม่เคยบอกกับโห้หลีเฉิน กระทั่งก่อนหน้านี้ เธอก็ไม่เคยปริปากพูดและแสดงท่าทางไม่พอใจแคทเธอรีนต่อหน้าโห้หลีเฉินเลยสักครั้ง
การดูแลอาการป่วยของแคทเธอรีนถือว่าไม่เลวจริงๆ เธอไม่คิดเลยว่าโห้หลีเฉินจะมีความคิดที่ต้องการเปลี่ยนตัวแคทเธอรีน ด้วย
เว่ยชียิ้มให้ “แคทเธอรีนเป็นหมอผู้หญิง คุณชายกลัวคุณจะหึง”
เย้นหว่านแทบคิดไม่ถึงเลยกับเหตุผลนี้
แม้ว่าเธอไม่ได้แสดงออกมาต่อหน้าโห้หลีเฉินสักนิดก็ตาม ทว่าเขาก็ลึกได้อย่างล้ำเลิศเหลือเกิน แถมยังเป็นห่วงว่าเธอต้องหึงแน่ เลยคิดจะเปลี่ยนตัวแคทเธอรีน
แม้แต่กระทั่งที่เธอยังแกล้งทำเสแสร้งว่าผ่านไปได้
จู่ๆ เย้นหว่านก็น้ำตาไหลออกมา พลันอยากไปหาโห้หลีเฉินทันที
ไปกอดเขา
ไปจูบเขา
“คุณหมอคะ ช่วยประคองฉันหน่อย ฉันอยากลงจากเตียง”
เย้นหว่านประคองท้องโตของตนเอง เพื่อต้องการจะลงจากเตียงอย่างระมัดระวัง
คุณหมอเห็นว่าเธอคิดได้แล้ว ก็ยิ้มให้และประคองเธอทันที
แม้ว่าเธอจะเป็นคุณหมอก็ตาม แต่ว่าระยะนี้ก็ดูแลประคบประหงมการตั้งท้องของเย้นหว่าน ย่อมมองออกว่า เย้นหว่านกับโห้หลีเฉินรักใคร่กันมาก
รักใคร่กันถึงขนาดที่ทำให้คนเห็นแล้วอิจฉาในแบบนั้น
เว่ยชีถอนหายใจโล่งอก พลางเดินตามหลังเย้นหว่านต้อยๆ อย่างระมัดระวัง
เขากระซิบพูด
“คุณนาย แคทเธอรีนเป็นคนที่คุ้นเคยกับอาการของคุณชายในวลานี้ที่สุดแล้ว แถมคุณชายอาการเพิ่งจะกำเริบด้วย ร่างกายจำเป็นถ้าต้อง ถ้าต้องเปลี่ยนตัวเธอนั้นยังต้องใช้เวลาหลายวันอยู่”
หลังจากเกิดเรื่องนี้ขึ้น แคทเธอรีนไม่สามารถจะอยู่ต่อได้อีกแล้ว แต่ว่าสองสามวันนี้ ยังหวังว่าให้เธออดทนให้มากเข้าไว้
เย้นหว่านพยักหน้า “ฉันรู้แล้ว ฉันไม่ใช่คนขี้หวงของขนาดนั้น”
เรื่องหลักคือเรื่องหลัก เธอย่อมชัดเจนอยู่แล้ว
หลังจากเรื่องนี้จบสิ้นกันแล้ว ค่อยหาทางจัดการกับเธอสักยกก็เท่านั้นเอง
อะไรที่ควรให้เธอก็ให้เธอไป สิ่งที่ควรยอมรับ เธอก็ไม่สามารถวิ่งหนีไปไหนได้
คุณหมอคอยประคองเย้นหว่าน และเดินออกไปอย่างช้าๆ
โชคดีที่เป็นห้องที่อยู่ติดกัน ไม่ไกลนัก
แวบเดียวก็เดินมาถึงแล้ว
ประตูห้องด้านข้างแง้มไว้ครึ่งหนึ่ง เมื่อเย้นหว่านใช้มือผลักประตูเข้าไป จากนั้นก็เห็นภาพที่ทำให้เธอรู้สึกไม่ถูกใจขึ้นมาอีกครั้งหนึ่งแล้ว
เห็นว่าโห้หลีเฉินนอนอยู่บนเตียงแถมท่อนบนไม่ได้ใส่เสื้อ และหลับตาลง แคทเธอรีนกำลังนั่งครึ่งก้นอยู่ข้างเตียง และใช้ผ้าเช็ดหน้าผืนหนึ่งมาเช็ดตัวเขาอยู่
เธอจ้องมองโห้หลีเฉิน แววตาอ่อนโยนเหลือเกิน พร้อมทั้งไม่คิดจะปกปิดสายตาอภิรมย์ชมชอบเลย
ท่าทางให้ท่าเช่นนั้น เป็นการทำผิดอย่างแท้จริง
สีหน้าของเว่ยชีถึงขั้นไม่น่าดูแล้ว ไม่เคยคิดเลยด้วยซ้ำว่าแคทเธอรีนจะกล้าหน้าด้านถึงเพียงนี้ กล้ามากที่จะทำเรื่องพรรค์นี้กับโห้หลีเฉินในห้องพักผู้ป่วย
เขาตะคอกใส่ทันที “นี่คุณแคทเธอรีน คุณกำลังทำอะไรอยู่? คุณชายก็เคยบอกแล้ว ว่าคุณไม่สามารถแตะเข้าใกล้ร่างกายของเขาได้ เรื่องเช็ดตัวคุณชายเอง ยิ่งไม่ใช่สิ่งที่คุณจะทำได้มาก่อนเลย!”
ตั้งแต่ไหนแต่ไรมา จะเป็นเว่ยชีกับบุรุษพยาบาลอีกคนเป็นคนดูแลรับผิดชอบ
แคทเธอรีนหลีกเลี่ยงความสงสัยมาตลอด
ทว่าวันนี้เธอ กลับแสดงท่าทีเปลี่ยนไปชัดถนัดตา ขนาดเรื่องพรรค์นี้ ยังหน้าด้านกล้าทำอีก
ไปเอาความกล้าบ้าบิ่นนี้มาจากไหน?
ขมับของเว่ยชีถึงกลับเต้นตุบๆ รู้สึกว่าช่วงสองสามวันนี้แคทเธอรีน คงไม่สามารถจะอยู่ต่อได้แล้ว
แคทเธอรีนได้ยินเลยหันมาตามเสียง แถมสีหน้าก็ยังไม่แสดงท่าทางหวาดหวั่นสิ่งใดสักนิด พร้อมทั้งเอาผ้าเช็ดหน้าในมือวางอยู่ตรงหัวไหล่ของโห้หลีเฉินอย่างสง่างาม
เธอพูดออกมาอย่างชัดถ้อยชัดคำ
“เจริท้องเสียเลยไปเข้าห้องน้ำ ฉันก็แค่ช่วยเขาเช็ดตัวเท่านั้นเอง ก็ไม่ได้อะไรนี่หน่า”
ถ้าเธอแค่เช็ดตัวตามปกติทั่วไป นอกจากปัญหาความสะอาดที่อยู่บนตัวของโห้หลีเฉินแล้ว ก็ไม่มีอะไรจริงๆ แต่ว่าร่างกายของเธอทั้งตัวนั้น ความหื่นกระหายอยากได้ของคนอื่นแสดงให้เห็นออกมาโดยที่ไม่ปิดบังเลยสักนิด
เพราะว่าเธอไม่ได้คิดว่าโห้หลีเฉินเป็นคนไข้คนหนึ่งเลย
เย้นหว่านที่เพิ่งจะสงบสติอารมณ์ลงเริ่มเดือดขึ้นมาอีกครั้ง เธอสาวเท้าก้าวยาวเดินเข้ามา “ไสหัวไปซะ!”
พูดจบ เย้นหว่านก็ดึงแคทเธอรีนออก
แต่สิ่งที่คาดไม่ถึงคือ แคทเธอรีนมีไหวพริบเร็วกว่า เพราะจับข้อมือของเย้นหว่านเอาไว้แทน
เธอใช้พละกำลังมาก สีหน้าหยิ่งผยองพองขนเต็มเปี่ยม
“เย้นหว่าน นี่แกทำร้ายฉันจนเสพติดไปแล้วใช่ไหม? แกคิดว่าฉันเป็นขี้ข้าของแกแล้วงั้นสิ ถึงต้องมาคอยรับอารมณ์ของแกอยู่ตลอด?”
พฤติกรรมของแคทเธอรีนจองหองมาก แถมยังเป็นคนละคนกับเมื่อก่อนอย่างสิ้นเชิง
ในขณะนี้ การจองหองถือว่าเป็นนิสัยเดิมที่มีพรสวรรค์ติดตัวมาของเธอ
เย้นหว่านหรี่ตาลง อารมณ์เริ่มเกรี้ยวกราดขึ้น
“ฉันต้องการให้แกตายไปจริงๆ แกมีปัญญาที่จะมีชีวิตอยู่ต่อไปล่ะ?”
นี่คือความมั่นใจของเย้นหว่าน
แคทเธอรีนแววตาของหวั่นไหว จากนั้น ก็กลับมาพูดอย่างโหดเหี้ยมหนักกว่าเก่า
“เย้นหว่าน แกไม่มีปัญญาฆ่าฉันให้ตายหรอก เพราะว่า แกไม่กล้า”
ไม่กล้า?
ถ้าเป็นก่อนหน้านี้ เย้นหว่านจะรู้สึกว่าแคทเธอรีนมั่นใจมากว่าเธอไม่กล้าฆ่าคน แต่ก่อนหน้านี้ที่เย้นหว่านไปข่มขู่เธอนั้น เธอก็หวาดกลัวจนต้องขอประนีประนอม แต่เพราะว่าไม่ใช่เหตุผลนี้แน่นอน
ตอนนี้แคทเธอรีนกลับจองหองเช่นนี้ แถมยังมั่นใจมาก สำหรับเธอท่ามกลางสถานการณ์ที่ไม่มีคนในตระกูลใดๆ มาคอยช่วยเหลือหนุนหลังให้ มีความเป็นไปได้อยู่อย่างเดียว….
“แกทำอะไรกับโห้หลีเฉิน?!” เย้นหว่านตัวหนาวสั่น พร้อมทั้งถามเสียงแข็ง
เมื่อได้ยิน แคทเธอรีนถึงกับยิ้มออกมา ยิ้มอย่างจองหองพองขนมาก
เธอชำเลืองมองโห้หลีเฉินด้วยสายตาที่อ่อนโยน ไม่มีการปกปิดความรักเอาไว้ราวกับมันจำสำลักความคลื่นเหียนออกมา
“แกขู่ฉันขนาดนี้ และฉันจะกล้าไปทำอะไรกับเขาได้? แต่ว่า ….”
เธอหัวเราะอย่างเย้ยหยัน “อาการป่วยของเขามันหนักเข้าสู่ระยะที่สองแล้ว”
เย้นหว่านไม่สนใจกับอารมณ์ที่โกรธเคืองกับแคทเธอรีนแล้ว แค่รู้สึกว่าบรรยากาศรอบตัวมันดำดิ่งเข้าสู่ฤดูหนาว ที่หนาวเหน็บจนเข้ากระดูก
น้ำเสียงของเธอสั่นเทา “อะไรหนัก? อะไรที่พูดว่าระยะที่สองแล้ว?”
“เชอะ ดูเหมือนว่าโห้หลีเฉินไม่เต็มใจที่จะบอกกับแก”
แคทเธอรีนยิ้มเยาะเย้ยให้ “อาการป่วยของเขามีทั้งหมด 3 ระยะ ระยะที่หนึ่งคือ ที่แกเพิ่งผ่านไปนั่นแหละ คืออาการกำเริบ แต่เป็นครั้งคราว”
ระยะนี้ เดิมก็เป็นเวลานานมากอยู่ หลายปีได้ แต่ว่าร่างกายของเขาเคยได้รับอันตรายถึงชีวิตมาก่อน ตอนนี้ยังมีพิษสองตัวอยู่ในร่างกายอีก ทว่ายังมีข้อจำกัดในยาที่ไว้แก้พิษ จนส่งผลให้ร่างกายของเขานั้นอยู่ในสภาพตึงแน่นมาโดยตลอด แถมยังตึงมาก และยังเปราะบางมากด้วย
ครึ่งเดือนก่อน เขามีอาการกำเริบ จนทำให้ธาตุแทรก ฉันคอยช่วยเขาควบคุมมาตลอด แต่ว่าวันนี้ ก็สุดกำลังแล้ว ร่างกายของเขาไม่สามารถหลีกเลี่ยงจนเข้าสู่ระยะที่สองไปแล้ว
ระยะที่หนึ่งคืออาการกำเริบ งั้นระยะที่สองคือ…
ใบหน้าของเย้นหว่านซีดเผือดราวกับทาแป้งรองพื้นสีขาวเช่นนั้น
“ระยะที่สอง ก็จะแปรเปลี่ยนไปทางเลวร้ายอย่างรวดเร็ว ร่างกายของเขาจะเริ่มทรุดลงอย่างรวดเร็ว ในระยะนี้ ล้มเหลว และเกิดอาการต่างๆ ที่ถึงแก่ชีวิตอีกมากมาย อีกทั้งไม่สามารถกลับมาดีขึ้นได้”
แต่พอระยะนี้สิ้นสุดลง จะเข้าสู่ระยะที่สาม นั่นคือเสียชีวิต
พูดกันตามที่เขาพูดกัน เหมือนกับผู้ป่วยมะเร็งระยะสุดท้าย
มีเสียง “ปึก” ดังขึ้น เย้นหว่านถึงกลับล้มไปนั่งอยู่กับพื้นอย่างระโหยโรยแรง ใบหน้าซีดโพลนไร้เลือด ราวกับสามารถเป็นลมได้ตลอดเวลา
น้ำเสียงของเธอสั่นเทาจนไม่สามารถควบคุมเอาไว้ เบามากจนเกือบจะไม่ได้ยินอยู่แล้ว
“งั้นเขา… ยังมี …. เวลาอยู่อีกเท่าไหร่?”