สัญญารัก คบกับประธานฮั่ว30วัน - บทที่ 108 กุ้งมังกรหาเรื่องเธอแล้ว?
บทที่ 108 กุ้งมังกรหาเรื่องเธอแล้ว?
ร้านอาหารโต้รุ่ง ร้านอาหาน
เย้นหว่านหยิบกุ้งมังกรตัวแดงไว้ จากนั้นใช้แรงสักยก แยกหัวกับตัวของกุ้งมังกรออก จากนั้นทำเปลือกของมันให้แตกอย่างมุทะลุ ก่อนจะดึงออก
กู้จื่อเฟยนั่งอยู่ตรงข้าม มองเย้นหว่านอย่างอกสั่นขวัญแขวน ทั้งที่เป็นเพียงการกินกุ้งมังกร เธอกลับกินจนเดจาวูความโกรธแค้นที่สุดออกมา
“เสี่ยวหว่าน เธอเป็นอะไรไปแล้ว? ใครหาเรื่องเธอให้ไม่สบายใจกัน?”
ถึงได้เอากุ้งมังกรมาระบายอารมณ์?
“ยังมีใครได้อีก? ก็โห้หลีเฉินคนเลวนั้นสิ วันนี้ฉันพึ่งรู้ว่าเขาเลวขนาดนี้เลย”
เย้นหว่านยัดเนื้อกุ้งมังกรเข้าในปาก กัดจนแหลกอย่างแรง เหมือนว่ากำลังกัดใครบางคน
กู้จื่อเฟยหดมุมปาก มองเย้นหว่านหยิบกุ้งมังกรมาใหม่อีกตัว เอาหัวออก ฉีกเปลือกออก
“เขาทำอะไรแล้ว?”
เสียง “แก๊ก” ดังขึ้น เห็นเพียงเย้นหว่านบีบหัวกุ้งมังกรแหลกไปทันที
เธอพูดด้วยความเดือดดาล “ตอนนี้เขาไม่เพียงไม่ถอนหมั้นกับฉัน ยังจะให้ฉันแต่งงานกับเขาแทนมู่หรุงซิ่น ช่วยตั้งท้องลูกของพวกเขาด้วย”
“อะไรนะ? นี่มันเกินไปแล้ว!”
กู้จื่อเฟยตบโต๊ะอย่างโกรธเคือง “เรื่องแบบนี้ เธออย่ารับปากเขาเด็ดขาดนะ”
“ฉันไม่รับปากแน่นอน ตอนนี้ฉันแค่อยากรีบถอนหมั้นให้เร็วหน่อย ทำให้ความสัมพันธ์กับพวกเขาชัดเจน”
เย้นหว่านบีบเปลือกกุ้งแหลกละเอียดอย่างโหดเหี้ยม ช่วงเวลานี้เธอรับเป็นมือที่สามอย่างอึดอัดใจคนหนึ่งระหว่างโห้หลีเฉินกับมู่หรุงซิ่นมาพอแล้ว
กู้จื่อเฟยพยักหน้าอย่างเห็นด้วย “อืมๆ รีบยกเลิกการหมั้นให้เร็ว ตอนนั้นไม่ใช่บอกว่าหมั้นหลอกๆ หนึ่งเดือนเหรอ ตอนนี้ก็ยืดมานานขนาดนี้แล้ว ครั้งนี้ไม่ว่าอย่างไรเธอต้องบังคับให้โห้หลีเฉินถอนหมั้น”
มู่จื่ออี้มาหาเย้นหว่านที่ร้านอาหารกุ้ง คิดว่าก่อนไป จะมาบอกลากับเธอสักรอบ กลับนึกไม่ถึงว่าจะได้ยินคำพูดแบบนี้
เย้นหว่านกับโห้หลีเฉินเพียงแค่หมั้นกันหลอกๆ?
การหมั้นของพวกเขาเป็นเรื่องจอมปลอม?
ชั่วขณะหนึ่งความดีใจที่ท่วมท้นจู่โจมมาจากในใจ เขาดีใจจนกระโดดขึ้นมาอย่างไม่สนใจภาพลักษณ์ หัวใจที่เหือดแห้งหนักหน่วงมีความหวังที่สว่างไสวไร้ขีดจำกัดอีกครั้ง
เขาก้าวเร็วๆ พุ่งเข้ามา คว้าเย้นหว่านขึ้นมาจากที่นั่ง ถามเธอด้วยความตื่นเต้น
“ที่พวกคุณพูดเป็นเรื่องจริงเหรอ? คุณกับโห้หลีเฉินหมั้นกันหลอกๆ ใช่หรือไม่?”
เย้นหว่านรู้สึกไม่ทันระวังกะทันหัน ตกใจจนกุ้งมังกรในมือตกไปที่พื้นทั้งหมด
เธอมองมู่จื่ออี้อย่างตกใจ เขาฮึกเหิมขนาดนี้ทำไม? หรือว่าเพราะก่อนหน้านี้ที่เธอโกหกเขา ดังนั้นถึงได้โกรธ?
พอคิดว่าโดนคนอื่นได้ยินเข้าแล้ว เย้นหว่านจึงได้แต่อธิบาย
“ที่จริงฉันกับโห้หลีเฉินหมั้นกันปลอมๆ เพราะเรื่องนี้เป็นความลับ ดังนั้นก่อนหน้านี้เลยไม่ได้บอกคุณ”
คำพูดของเย้นหว่านนั้น สำหรับมู่จื่ออี้แล้วก็เหมือนเสียงไพเราะจากธรรมชาติ
“ดีเหลือเกิน!”
เขาดีใจจนกอดเธอไว้ อุ้มเธอหมุนไปหลายรอบด้วยความตื่นเต้น
ทันใดนั้นเย้นหว่านสูญเสียสมดุล ใช้มือยันไหล่ของมู่จื่ออี้ไว้โดยสัญชาตญาณ ทิ้งรอยและคราบมันเป็นรูปฝ่ามือสองข้างบนเสื้อของเขาทันที
เธอหดมุมปาก รีบเอ่ยปากออกไป “มู่จื่ออี้ คุณรีบปล่อยฉันลง ปล่อยฉันลงไป”
มู่จิ่ออี้หมุนไปหลายรอบถึงยอมวางเย้นหว่านลงมา เขากอดเธอไว้อย่างทนผละมือไม่ได้ กลับโดนเย้นหว่านรีบดิ้นออกไป
เย้นหว่านนั่งลงไปบนโซฟา แล้วนำถุงมือที่เต็มไปด้วยคราบมันถอดทิ้งไป
เธอมองมู่จื่ออี้อย่างกลัดกลุ้ม “คุณเป็นบ้าอะไร?”
หมุนจนเธอเวียนศีรษะ ตกใจแทบแย่
มู่จื่ออี้ยิ้มกริ่มนั่งลงด้านข้างเย้นหว่าน มองในดวงตาของเธอ ราวกับดวงดาวที่สุกสกาวเต็มท้องฟ้า
“ผมดีใจ”
“บ้า”
เย้นหว่านถลึงตาใส่เขาอย่างรังเกียจ ยกมือชี้ไปที่รอยนิ้วมือทั้งสองข้างบนไหล่เขา
“นี่เป็นคุณที่หาเรื่องมาเอง ฉันไม่รับผิดชอบชดใช้นะ”
“คุณไม่ต้องชดใช้”
มู่จื่ออี้ไม่สนใจรอยสองข้างบนเสื้อผ้าสักนิดเดียว สายตาที่มองเย้นหว่านยังคงเป็นความปลื้มอกปลื้มใจ มุมปากฉีกยิ้มอย่างอดไม่ไหว
โชคดีที่เขาเดินมาหาเย้นหว่านเพื่อบอกลาก่อน ถึงได้ยินคำพูดของเธอ
เย้ยหว่านมองท่าทางหน้าตายิ้มโง่ๆ ของมู่จื่ออี้ด้วยความงงงวย สงสัยว่าเขาดื่มจนเมามาหรือไม่ หรือว่าสมองไม่สบาย ดังนั้นจึงยื่นมือลูบที่หน้าผากของเขา
อุณหภูมิปกติ
หรือว่าเสียประสาทไปแล้ว?
เห็นท่าทางเย้นหว่านทำหน้าสงสัย มู่จื่ออี้จึงกุมมือของเน้นหว่านไว้ น้ำเสียงอ่อนโยนสุดๆ
“ผมไม่เป็นไร ผมแค่ดีใจจริงๆ ที่รู้ว่าคุณกับโห้หลีเฉินหมั้นกันหลอกๆ ดีใจมาก”
เย้นหว่านมองเขาอย่างมึนงง เธอหมั้นปลอมๆ เขาดีในขนาดนั้นทำไม?
ดีใจที่เห็นคนอื่นหายนะ?
กู้จื่อเฟยมองทั้งสองคน ทว่ากลับมีปฏิกิริยากลับมาไวกว่าเย้นหว่าน พบอะไรเข้าอย่างเฉียบแหลม
เธอยิ้มพูดหยอกล้อ “พ่อหนุ่มคนนี้ คุณชอบเสี่ยวหว่านของฉันเหรอ?”
ปลายหูมู่จื่ออี้ประกายสีแดงนิดๆ ขึ้นเองอย่างอดไม่ได้
เย้นหว่านรีบอธิบายทันที “เธออย่าพูดมั่วซั่ว พวกเราเป็นเพียงเพื่อน……”
“เป็นเรื่องจริง ผมชอบคุณ”
มู่จื่ออี้ขัดคำพูดของเย้นหว่านด้วยเสียงทุ้ม
เขากุมมือของเย้นหว่านอยู่ จ้องมองเธอ ตั้งอกตั้งใจและลึกซึ้ง
นั่นเป็นสายตาที่เต็มไปด้วยความรัก เกือบจะทำให้คนเอียนสุดๆ
เย้นหว่านหน้าตาคล้ายโดนหลอก มองมู่จื่ออี้อย่างคาดไม่ถึง
ถ้าโห้หลีเฉินชอบเธอเป็นเรื่องที่เธอรู้สึกว่าเป็นไปไม่ได้มากที่สุด เช่นนั้นการที่มู่จื่ออี้ชอบเธอ ก็เป็นเรื่องที่เธอคิดว่าเป็นไปไม่ได้ที่สุดอย่างที่สอง
โดยเฉพาะเธอรู้ถึงการพัวพันและความลึกซึ้งของมู่จื่ออี้กับวางหนิงเวย โดยเฉพาะอย่างยิ่งวันนั้นยังเห็นทั้งสองคนกอดกันอยู่ที่ริมถนน
“จื่ออี้ ฉันรู้ว่าคุณดีกับฉัน ถึงแม้ฉันจะถูกโดนหลอกหมั้น อาจจะคุ้มค่าให้เห็นใจก็จริง แต่คุณไม่ต้องมาปลอบใจฉันแบบนี้ จริงๆ นะ”
มู่จื่ออี้งงงวยไปนิดหน่อย คิดไม่ถึงว่าเย้นหว่านจะให้คำตอบแบบนี้
กู้จื่อเฟยมองเย้นหว่าน ทำหน้าอดสงสารไม่ได้แล้วเพ่งตรงไป
กลัวว่าคงมีเพียงเธอ ถึงได้คิดว่าการสารภาพที่ลึกซึ้งของคนอื่นเขาเป็นเพียงการปลอบใจเธอ
“เสี่ยวหว่าน ความจริงผมชอบคุณมานานมากแล้ว เพียงแต่คิดว่าคุณเป็นคู่หมั้นของโห้หลีเฉิน เลยคิดว่าพวกคุณเป็นคู่รักที่เหมาะสมกัน ดังนั้นผมจึงไม่กล้าพูดมาโดยตลอด”
เห็นเขาทำหน้าจริงจัง เย้นหว่านตกใจ ก่อนจะพูดขึ้น
“ตอนเย็นวันนั้นฉันเห็นคุณดื่มจนเมา กอดกันกับวางหนิงเวยที่ริมถนน”
“ผมเมาก็เป็นเพราะคุณ”
มู่จื่ออี้ตอบกลับอย่างตรงไปตรงมา ไม่มีลังเลเลยสักนิด
และจริงใจจนทำให้คนเชื่อถือ
เวลานี้เย้นหว่านนิ่งค้างในที่สุด ระลึกได้ทีหลัง คำสารภาพของมู่จื่ออี้อาจเป็นเรื่องจริง
วันนี้เธอดวงอะไรขึ้นกัน?
ก่อนหน้าเป็นโห้หลีเฉินขอเธอแต่งงาน ถึงแม้จะเป็นเรื่องหลอก แต่ก็โดนขอแต่งงานไปแล้ว พริบตาเดียวอาหารค่ำยังทานไม่เสร็จ ก็เจอมู่จื่ออี้สารภาพรักอีก
มู่จื่ออี้กุมมือของเย้นหว่านไว้ จ้องมองเธอ
“เสี่ยวหว่าน ผมชอบคุณ ให้โอกาสผมสักครั้งได้มั้ย?”
เย้นหว่านมองมู่จื่ออี้ด้วยความฉงน จากเพื่อนกลายมาเป็นคนตามจีบอย่างกะทันหัน เธอรับไม่ไหวอยู่บ้าง
ก่อนหน้านี้ถึงเธอจะคิดก็ไม่เคยคิดถึงเรื่องที่อยู่ด้วยกันกับมู่จื่ออี้
เธอส่ายหน้าอย่างกระอักกระอ่วน “ฉันเห็นคุณเป็นเพื่อนมาตลอด”
“เพื่อนก็สามารถเป็นคนรักได้ ไม่รีบร้อน ผมให้เวลาคุณค่อยๆ ปรับตัวได้”
บนหน้ามู่จื่ออี้มีรอยยิ้มที่ละมุน ดูขึ้นมาทั้งสดใสทั้งหล่อเหลา