สัญญารัก คบกับประธานฮั่ว30วัน - บทที่ 1093 อ้อแอ้ๆ
ถึงแม้ว่าเขาจะสิ้นหวัง แต่ตอนนี้เขาก็ยังมีชีวิตอยู่ เว่ยชีรู้ว่า ไม่ใช่ทำเพื่อคนอื่น แต่ที่จริงแล้วเขาทำเพื่อคุณหนู
แม้ว่าเขาจะไม่เคยให้ความสำคัญกับแรบบิทเลย และไม่เคยอุ้มเธอเลย แต่เว่ยชีกลับมั่นใจว่า ในใจของคุณผู้ชายนั้นมีคุณหนูอยู่
แต่นี่ก็เป็นเหตุผลเดียวที่ทำให้เขามีชีวิตอยู่ต่อไป
ความท้อใจ และความสิ้นหวังของเขานั้น คงไม่มีใครสามารถช่วยให้เขาหลุดพ้นได้
ถ้าหาเบาะแสของเย้นหว่านไม่พบ ถ้าไม่มีข่าวคราวของเย้นหว่านและถ้าเขามองไม่เห็นความหวัง เกรงว่าชีวิตนี้ คงจะเป็นแบบนี้ต่อไป
ความรู้สึกของเว่ยชีหนักอึ้งมากเป็นพิเศษ
วันถัดไป
เว่ยชีอุ้มแรบบิท และยืนอยู่ที่ประตูห้องที่ปิดอยู่
เว่ยชีรอคอยอย่างอดทน จากนั้นแรบบิทก็เบิกตากว้าง แล้วมองไปที่ประตูไม้สีเทาอย่างสงสัย
มือเล็กๆ นั้นยกขึ้น ดูเหมือนว่าอยากมองเข้าไปข้างในอย่างอยากรู้อยากเห็น
เว่ยชีทำตามความต้องการของแรบบิทมาโดยตลอด แต่ในขณะนี้ เขากลับไม่สามารถทำตามในสิ่งที่เธออยากเข้าไปดูในนั้นได้
อย่างไรก็ตามสภาพแวดล้อมและความมืดภายในนั้น ไม่เหมาะสมกับเด็กผู้หญิงตัวเล็กๆ เช่นนี้
ผ่านไปครู่หนึ่ง จากนั้นเสียงก็ดัง “เอี๊ยด” แล้วประตูก็ค่อยๆ เปิดออกจากด้านใน
ขณะที่ขอบล้อหมุน โห้หลีเฉินก็กำลังนั่งอยู่ในรถเข็น และออกมาจากข้างในอย่างไม่รีบไม่ร้อนใดๆ
เขาสวมชุดสูทสีดำ แม้จะอยู่ภายใต้แสงสว่าง ทั้งตัวเขากลับเหมือนกับถูกห่อหุ้มด้วยความมืดมิด ซึ่งมันทั้งดูตกต่ำและหดหู่อย่างมาก
สีหน้าของเขาทั้งจืดจางและเย็นชา ริมฝีปากเปราะบางที่เม้มไว้นั้นถูกปิด ราวกับว่ามันจะไม่มีวันเปิดอีก ยิ่งไม่ต้องพูดถึงการยิ้มเลย
สีหน้าของเขาดูเย็นชา แล้วสายตาของเขาก็มองไปที่เว่ยชีและแรบบิทอย่างเย็นชา แต่เขากลับไม่ยอมละทิ้งการจดจ่อ
เขาเลื่อนรถเข็น แล้วพูดพึมพําพร้อมกับมองออกไปที่ลิฟต์
เว่ยชีเคยชินกับความเย็นชาของโห้หลีเฉินจนเป็นนิสัย และเขาก็อุ้มแรบบิทเดินตามหลังโห้หลีเฉินไป
“อ้อแอ้ๆ”
แต่ดวงตาของแรบบิทกลับเบิกกว้างจนกลมโต และมองดูโห้หลีเฉินอย่างงุนงง
ดวงตาของเธอเต็มไปด้วยความปรารถนา
แต่สิ่งที่ให้กับเธอนั้น คือภาพข้างหลังที่เฉยเมยของพ่อเธอ
โห้หลีเฉินและกลุ่มคนของพวกของเขาก็มาถึงประตูขุมทรัพย์
ยังคงเป็นเหมือนเมื่อก่อน มีคนกลุ่มหนึ่งมารออยู่ที่นั่นแล้ว
ในขุมทรัพย์นั้นมีความลับและของล้ำค่ามากมาย และหยูฉู่สองก็ได้ส่งคนสนิทจำนวนมากมา เพื่อเรียนรู้และเข้าใจถึงความรู้ที่อยู่ภายในให้มากที่สุด เพื่อขยายกำลังของเขาอย่างต่อเนื่อง
โห้หลีเฉินกลับเพิกเฉยต่อสิ่งเหล่านี้ทั้งหมด
รถเข็นของเขาก็เลื่อนผ่านไปอย่างช้าๆ และผู้คนก็ยืนแยกจากกันโดยอัตโนมัติ เพื่อหลีกทางให้เขา
แม้ว่าตอนนี้โห้หลีเฉินจะพิการ และไม่มีอำนาจใดๆ ในมือของเขาเลย แต่เขาก็เป็นเพียงคนเดียวที่สามารถเปิดขุมทรัพย์ได้ และคนของตระกูลหยูยังคงแสดงความเคารพต่อเขา
แต่ยกเว้นคนคนหนึ่ง
แคทเธอรีนเหยียบรองเท้าส้นสูง และเดินออกมาด้วยท่าทีที่แปลกใจเล็กน้อย
สายตาของเธอมองโห้หลีเฉินอย่างเปิดเผย และมุมปากสีแดงของเธอนั้นก็ยกขึ้นอย่างตามอำเภอใจ
เขาพูดด้วยรอยยิ้มที่หยอกล้อว่า “โอ้ คุณโห้ไม่ได้เจอกันนานเลยนะ”
เดิมทีถนนไม่ได้กว้างขนาดนั้นอยู่แล้ว เขาจึงถูกเธอขวางไว้อย่างสิ้นเชิง
ใบหน้าที่หล่อเหลาของโห้หลีเฉิน ไร้ซึ่งความรู้สึกใดๆ และดวงตาที่ลึกและมืดสลัวของเขานั้นก็เย็นชา ราวกับน้ำนิ่งที่ไร้ซึ่งอารมณ์ความรู้สึกใดๆ
เขามองตรงออกไป ราวกับกำลังมองมาที่เธอ แต่กลับเหมือนกับว่าไม่ได้มีเธออยู่ในสายตา
ซึ่งสิ่งนี้ก็คือการไม่ให้ความสำคัญ หรือที่เรียกอีกอย่างว่า เย็นชานั่นเอง
แคทเธอรีนจงใจเดินเข้าใกล้เขาอีกครั้ง
“เฮ้ย ไม่ได้เจอกันมาตั้งหลายเดือน ทำไมคุณถึงกลายมาเป็นแบบนี้แล้วล่ะ? ตัวผอมแห้ง และใบหน้าแห้งเฉาซีดเซียว ขาทั้งสองข้างก็พิการ ถ้าไม่ใช่เพราะคุณยังไม่ลืมตาอยู่ ฉันก็คิดว่าคุณคงตายไปแล้ว
โห้หลีเฉินคุณรู้หรือเปล่าว่าฉันน่ะเคยเลื่อมใสศรัทธาคุณ? แต่ตอนนี้คุณกลายมาเป็นแบบนี้แล้ว ทำให้ฉันรู้สึกสงสารมากด้วยจริงๆ”
เธอพูดว่าสงสาร แต่กลับพูดด้วยน้ำเสียงที่มีความสุขบนความทุกข์ของผู้อื่นอย่างที่สุด
และให้การประชดอย่างที่สุด
“ถ้าตอนนั้นคุณเลือกที่จะอยู่กับฉัน คุณคงไม่มาถึงจุดจุดนี้หรอก ตอนนี้คุณคงเสียใจในภายหลังมากเลยใช่ไหม”
เว่ยชีมองแคทเธอรีนอย่างรังเกียจ และหงุดหงิดโมโหที่ตอนนั้นป่ายฉีรีบไปช่วยคน จึงทำได้แค่ทำร้ายแคทเธอรีนอย่างสาหัส แต่ไม่ได้ฆ่าเธอทิ้ง
แต่ผลก็คือกลับเลี้ยงเธอมาหลายเดือนนี้ กระทั่งยังให้เธออยู่ที่ตระกูลหยู และเธอก็จงใจทำท่าทีซะอิดซะเอียนออกมา
และตอนนี้เธอก็ยังเป็นคนของหยูฉู่สอง ดังนั้นเขาจึงอยากแตะต้องเธอ จนพะว้าพะวัง
อย่างไรเสียสถานการณ์ในปัจจุบัน ก็เลวร้ายจริงๆ
“แคทเธอรีน คุณผู้ชายของเราไม่ได้คุ้นเคยกับคุณดีขนาดนั้น รีบไสหัวออกไปซะ อย่ามาขวางทางที่นี่อีก”
“ฉันกับโห้หลีเฉินกำลังคุยกันถึงเรื่องในอดีต แล้วมันเกี่ยวอะไรกับคนใช้อย่างแกด้วยงั้นเหรอ?”
แคทเธอรีนพูดอย่างกิ้งก่าได้ทอง พร้อมกับยกคางขึ้นสูงอย่างมาก
เธอเคยเป็นคุณหมอผู้มีอำนาจสูงสุดในด้านการแพทย์ แต่ความมั่นใจทั้งหมดนั้นต่างหากที่เป็นชื่อเสียงเกียรติยศและฝีมือของเธอ แต่เมื่อเปรียบเทียบกับสิทธิ์ที่แท้จริงแล้ว เธอกลับไม่มี
และในตอนนี้ เธอก็กำลังพึ่งพิงอยู่ในอำนาจของหยูฉู่สองซึ่งมันต่างไปจากเมื่อก่อนตั้งนานแล้ว
เพราะตอนนี้เธอมีความมั่นใจในทุกสิ่งอย่าง
เว่ยชีหัวเราะเยาะเย้ย “ผมเป็นผู้ช่วยพิเศษ เป็นพนักงานที่เป็นคนเบิกรายได้ของคุณผู้ชาย ไม่ใช่คนรับใช้ เมื่อมองดูการไร้ซึ่งจิตใจที่หยิ่งในศักดิ์ศรีพร้อมด้วยกับการยอมนับถือด้วยความจริงใจของคุณที่มีต่อหยูฉู่สองแล้ว คุณน่ะถึงจะเป็นสุนัขรับใช้ และคนใช้ตัวจริง”
ทันใดนั้นสีหน้าของแคทเธอรีนก็ดูแย่อย่างมาก ราวกับแมวที่โดนเหยียบหาง
เธอมองไปที่เว่ยชีอย่างโกรธจัด แล้วกัดฟันด่าไปว่า
“คุณก็เป็นได้แค่สุนัขรับใช้ของโห้หลีเฉินนั่นแหละ และตอนนี้ยังเป็นเหมือนหมาที่ไม่มีเจ้าของอีก!”
เธอพูด แล้วมองไปที่แรบบิทที่เว่ยชีกำลังอุ้มอยู่นั้น จากนั้นมุมปากของเธอก็ยกยิ้มที่ชั่วร้ายอย่างมากขึ้น
“เจ้าหนูน้อยคนนี้ ยังไม่ตายอีกเหรอ?”
“คุณพูดว่าอะไรนะ?!” ใบหน้าของเว่ยชีเปลี่ยนไปอย่างมาก และความโกรธจากตัวเขาก็เพิ่มสูงขึ้นทันที
“เมื่อมองดูสีหน้าแบบนี้ของเธอ สีหน้าของเธอก็ซีดจนผิดปกติ และกำลังวังชาของเธอก็อ่อนแอลงอย่างเปิดเผย ซึ่งนี่ยังผ่านไปไม่กี่เดือนเองทำไมถึงโตขนาดนี้แล้ว ท่าจะอายุสั้นเหมือนกันนะเนี่ย
เธอรอดชีวิตอย่างโชคดีเมื่อเก้าเดือน และพวกคุณก็ช่วยกันเลี้ยงดูเธอ แม้จะต้องยากลำบาก แต่ฉันก็ยังรับประกันได้ว่า เธอคงจะอยู่รอดไม่เกินสองปี”
เว่ยชีโกรธอย่างมาก “แคทเธอรีน หุบปากซะ!”
แม้ว่าแรบบิทจะอายุได้เพียงเก้าเดือน แต่เธอก็ฉลาด และเธอก็สามารถรู้เรื่องบ้างแล้ว
คำพูดของแคทเธอรีนชั่วร้ายอย่างมาก ถ้าแรบบิทสามารถฟังเข้าใจได้ จะไม่ทำให้เด็กตกใจกลัวหรอกเหรอ?
เว่ยชีอุ้มแรบบิทไว้แน่น ด้วยสายตาที่ลุกเป็นไฟ ซึ่งเขาก็โกรธจนอยากจะฉีกแคทเธอรีนเป็นสองท่อน
“ที่ฉันพูดน่ะมันเป็นความจริง เพราะฉันเป็นคนขุดเธอออกมาจากท้องของแม่เธอเอง แล้วฉันจะไปฆ่าเธอได้ยังไง ฉันรู้ดีที่สุดแล้ว
และฉันจะคอยดูพวกแกทรมาน จะคอยดูว่าพวกแกไร้อำนาจ และมองเธอค่อยๆ ตายไปอย่างสิ้นหวัง”
แคทเธอรีนยิ้มอย่างเย่อหยิ่ง “ทำไม ผู้ช่วยพิเศษเว่ยอยากตบฉันเหรอคะ? ฉันก็อยู่ตรงนี้ รีบตบสิ
แต่คุณต้องคิดให้ดีๆ ก่อนนะคะ คุณกำลังอุ้มเด็กอยู่ และแขนขาของเธอก็เปราะบางอย่างมาก กระดูกยังไม่แข็งตัว ถ้าเผลอไปกระแทกโดยไม่ระวัง อาจต้องตายตั้งแต่ยังเด็ก ฮ่าๆ”
เธอพูดอย่างชัดเจน และเต็มไปด้วยเจตนาร้ายต่อเด็กอายุเพียงเก้าเดือนเท่านั้นอย่างที่สุด
เว่ยชีโกรธจนทนไม่ไหว กำหมัดแน่นจนสามารถได้ยินเสียงแค๊กๆ จากนั้นเขาก็เกือบจะควบคุมอารมณ์ตัวเองไว้ไม่อยู่
แต่เขากลับพยายามควบคุมมันเอาไว้
เขาไม่กล้าลงมือ ไม่ใช่เพราะเขากังวลอะไร แต่เพราะเขากลัวที่จะทำร้ายแรบบิทที่เขากำลังอุ้มอยู่ในอ้อมแขน
“เว่ยชี”
ในขณะนั้นเอง โห้หลีเฉินซึ่งนิ่งเงียบมาเป็นเวลานานนั้น ในที่สุดก็เอ่ยปากพูดเบา ๆ พร้อมกับยกมือขึ้นเล็กน้อย