สัญญารัก คบกับประธานฮั่ว30วัน - บทที่ 1095 แรบบิทคิดถึงคุณแม่มาก
แต่เจ้าเด็กน้อยกลับใช้ริมฝีปากแนบที่ริมฝีปากของเขา แล้วพูดบ่นพึมพำจากปากออกมาว่า “ปาปา”
การเคลื่อนไหวของโห้หลีเฉิน หยุดชะงัก
ปาปาเหรอ?
พ่องั้นเหรอ?
เด็กคนนี้ กำลังเรียกเขาอยู่งั้นเหรอ?
คำพูดสองคำนี้มันแปลกมาก ซึ่งแม้แต่เขาในตอนเด็กยังไม่เคยเรียกพ่อของตัวเองแบบนี้มาก่อนเลย
แต่ตอนนี้ จู่ๆ ก็เกิดเรื่องไม่คาดฝันอย่างนี้ และมันก็โผล่มาถึงตรงหน้าเขาจนรับมือไม่ทัน
ลูกสาวของเธอ กำลังเรียกเขาว่าพ่อ
คำสองคำนี้มีข้อผูกติดที่ลึกซึ้งที่สุดในโลก และเป็นความรู้สึกที่แน่นแฟ้นและแยกจากกันไม่ได้ ซึ่งมันสัมผัสกับหัวใจโดยตรง
หัวใจที่รกร้างว่างเปล่าของโห้หลีเฉิน ในชั่วพริบตาเดียวนั้น ก็เต้นแรงขึ้นมาในทันที และค่อยๆ ฟื้นคืนชีพขึ้นมาอีกครั้ง
ตรงหน้าเขา เป็นใบหน้าที่อวบอ้วนของเจ้าเด็กน้อย นัยน์ตาสีดำเหมือนไข่มุก สดใสและแวววาว ซึ่งรอยยิ้มของเธอนั้น เปรียบเสมือนกับสิ่งล้ำค่าจนหาที่สุดมิได้
ทำให้เขา…
อยากจะเฝ้าปกป้องรักษาไว้
—-
หนึ่งปีต่อมา
“คุณหนูคะ คุณหนูวิ่งช้าๆ หน่อย ระวังล้มนะ คุณหนู ช้าๆ หน่อยค่ะ…”
ณ ระเบียงทางเดิน มีสาวใช้หลายคนกำลังวิ่งตามเด็กหญิงตัวน้อยที่ตื่นตกใจ และกำลังวิ่งอย่างบ้านแตกสาแหรกขาด
เด็กหญิงคนนั้นเพิ่งจะมีอายุได้แค่หนึ่งหรือสองปีเท่านั้น เธอตัวเล็ก และอวบอ้วน แต่ขาสั้นทั้งสองข้างกลับว่องไวอย่างมาก และวิ่งได้อย่างมั่นคงและเร็วมาก
เธอวิ่งไปที่ประตูห้องห้องหนึ่ง และผลักเปิดประตูด้วยทั้งสองมืออย่างชำนาญ
จากนั้นก็รีบโผเข้าไปหาชายที่นั่งอยู่ข้างใน
“ปาปา”
ร่างเล็กๆ ของเธอสูงกว่าเข่าของชายคนนั้นเพียงนิดเดียว เธอจึงโผเข้าไปกอดขาของชายคนนั้นไว้ แล้วเงยหน้าที่อวบอ้วนนั้นขึ้น จากนั้นก็ปรากฏรอยยิ้มที่ดีอกดีใจและน่ารักมากนั้นออกมา
“ปาปา หนูอาบน้ำเสร็จ เราไปเดินเล่นกันเถอะ”
พอพูดจบ ดูเหมือนว่าเธอจะกลัวว่าชายคนนั้นจะเปลี่ยนใจไม่ไป เธอจึงพูดเสริมไปว่า “ปาปาสัญญากับหนูแล้วว่า วันนี้ปาปาจะไปเดินเล่นกับหนู ปาปาต้องพาหนูไปเดินเล่นนะ ปาปาต้องพาหนูไปเดินเล่น”
โห้หลีเฉินยื่นมือออกมา แล้วยกเธอขึ้นมา จากนั้นก็อุ้มเธอไว้ในอ้อมแขนของเขา
จากนั้นเขาจึงพูดอย่างรักใคร่ว่า “ปาปาจำได้ แล้ววันนี้ลูกอยากไปเดินเล่นที่ไหนล่ะ?”
“สวนที่อยู่ทางซ้าย”
เจ้าเด็กน้อยตอบกลับอย่างฉับไวมาก
ดูเหมือนว่าจะคิดเรื่องนี้ไว้ก่อนแล้ว
โห้หลีเฉินลูบผมของเธอ แล้วพูดอย่างร่าเริงไปว่า “ได้เลย เราจะไปที่สวนทางซ้ายกัน”
แม้ว่าแรบบิทจะอายุได้เพียงหนึ่งขวบเก้าเดือนเท่านั้น แต่เธอก็ฉลาดอย่างมาก และทั้งไอคิวและอีคิวของเธอก็มากพอที่จะเป็นเด็กโตแล้ว ซึ่งบางครั้งเธอก็รู้เรื่องเป็นอย่างมาก และยังฉลาดเฉียบแหลมมากด้วย
และเธอก็ใช้ทั้งสองภาษาได้อย่างคล่องแคล่วและได้มาตรฐาน แต่มีเพียงคำว่าพ่อเท่านั้น ที่เธอยังเรียกว่าปาปาตามสำเนียงของเจ้าเด็กน้อย
ซึ่งมันเป็นสิ่งที่ไม่สามารถแก้ไขได้
โห้หลีเฉินจึงตามใจเธอ
เพราะอย่างไรก็ตาม มันก็เป็นเพราะคำพูดนี้ ที่ทำให้เขาถูกดึงออกมาจากขุมนรกแห่งความสิ้นหวัง
และเป็นเพราะเธอ เขาจึงเดินจากการเป็นซากศพที่เดินได้ และค่อยๆ รู้สึกได้ถึงความเป็นมนุษย์มากขึ้น
และเริ่มดูแลเด็กคนนี้ด้วยตัวเอง
เพราะเธอเป็นลูกของเขากับเย้นหว่าน
แม้ว่าในอนาคตจะยากเย็นแสนเข็ญ และไม่มีที่สิ้นสุด แต่หัวใจของเขาจะไม่มืดมิดอีกต่อไป
เขาจะดูแลลูกที่เขาและเย้นหว่านมีด้วยกัน
สิ่งที่เขารอคอยนั้น บางทีอาจเป็นไปได้ในสักวัน และสิ่งที่เป็นไปไม่ได้ระหว่างพวกเขานั้น อาจจะกลายเป็นการพบกันอีกครั้งก็เป็นได้
เพียงแค่อาจต้องใช้เวลาหน่อย อาจจะไม่กี่ปีข้างหน้า หรืออาจสิบกว่าปี หรืออาจหลายสิบปี…
แต่ในเมื่อมีคนที่มาเป็นความหวังให้แล้ว มันก็จะไม่สามารถพังทลายลงได้อย่างง่ายดายอีกต่อไป
ซึ่งแรบบิทเป็นรุ่งอรุณและเป็นที่ค้ำจุนในเส้นทางของเขา
โห้หลีเฉินเลื่อนรถเข็น และแรบบิทก็นั่งบนตักของเขา จากนั้นพ่อลูกคู่นั้นก็เดินเล่นสบายๆ ไปที่สวนหลังบ้าน
เว่ยชียืนมองพวกเขาค่อยๆ เดินออกไปไกล พร้อมกับยกยิ้มที่มุมปากอย่างชื่นใจ
แม้จะไม่ได้สมบูรณ์แบบขนาดนั้น แต่ไม่ว่าจะดีหรือร้ายยังไง คุณผู้ชายก็ยังมีชีวิตอยู่
แม้ว่าสถานการณ์จะยากลำบาก แต่คุณผู้ชายก็ยังคงคมในฝัก และเขาก็ไม่ขัดขืนการรักษาอีกต่อไป
ดังนั้นร่างกายของคุณผู้ชายจึงเปลี่ยนเป็นดีเสมอมา
เพียงแต่ขาที่อ่อนแอของเขานั้น ไม่เคยเห็นพัฒนาการใดๆ เลย ซึ่งมันไม่ใช่ปัญหาเรื่องของการรักษาเท่านั้น แต่ยังรวมถึงความตั้งใจอย่างสุดความสามารถของหยูฉู่สองอีกด้วย
หยูฉู่สองอยากให้ โห้หลีเฉินมีชีวิตอยู่ แต่กลับไม่อยากให้เขาหายดี โดยต้องให้เขานั่งรถเข็นอยู่ตลอด เพราะการที่เขาพิการครึ่งท่อนนั้น ถึงจะสามารถควบคุมตัวเขาไว้ได้
เว่ยชีได้ลิ้มรสชาติของความโกรธอย่างสุดขีด แต่ก็ทำอะไรไม่ได้
แม้แต่เจ้าหน้าที่ทางการแพทย์ของพวกเขาในตอนนี้ จะต้องเป็นคนที่หยูฉู่สองจัดมาเท่านั้น
นอกจากสาวใช้ไม่กี่คนที่อยู่ใกล้ตัวพวกเขาที่สุด และแทบจะไม่มีคนของตัวเองเลย
โดยที่พวกเขาถูกศัตรูโอบล้อมทั้งสี่ทิศ โดยไม่มีคนช่วยเลย และพวกเขาก็อยู่ในเขตอันตราย ซึ่งมันคงจะไม่มีอะไรที่จะอันตรายไปมากไปกว่าสถานการณ์ในตอนนี้แล้ว
ที่จริงแล้วแรบบิทกับโห้หลีเฉินเคยไปเดินเล่นที่สวนมาหลายสวนแล้ว ไม่ว่าจะเป็นสวนทางซ้าย สวนทางขวา สวนทางใต้ และสวนทางเหนือ ซึ่งพวกเขาเดินเล่นจนรู้เป็นอย่างดีว่าในสวนเหล่านั้นปลูกพันธุ์ไม้อะไรบ้าง
จนแม้แต่เจ้าเด็กน้อย ก็ยังรู้สึกเบื่อหน่าย
แรบบิทอยู่ที่ริมรั้วบ้าน แล้วกะพริบตาพร้อมกับมองออกไปยังข้างนอก
เธอชี้นิ้วเล็กๆ นั้นออกไป และถามอย่างไร้เดียงสาว่า
“ปาปา ข้างนอกคืออะไรคะ”
โห้หลีเฉินมองตามสายตาของเธอออกไปนอกรั้วเหล็ก และนั่นก็คือถนนลาดยาง นอกคฤหาสน์ของตระกูลหยู
ตั้งแต่ที่แรบบิทเกิดมาจนถึงตอนนี้ เธอไม่เคยออกไปจากตระกูลหยูเลย
สายตาของโห้หลีเฉินมืดครึ้ม และพูดว่า “ข้างนอกก็เหมือนกับในนี้แหละ มีบ้าน มีต้นไม้ ถนน และผู้คน”
เขาตอบอย่างเฉยชา
แต่แรบบิทกลับมองออกไปข้างนอกอย่างสงสัย “ปาปา ทำไมเราออกไปข้างนอกไม่ได้คะ? ถึงแม้ว่าข้างนอกจะเหมือนกับที่นี่ แต่หนูก็อยากออกไปดูนะ”
นั่นเป็นความอยากรู้อยากเห็นที่ซื่อตรงที่สุดของเด็กๆ แล้ว
และโห้หลีเฉินก็ควรพาเธอออกไปเที่ยวดูโลกใบนี้ด้วยเช่นกัน
ซึ่งไม่เพียงแต่เป็นแรบบิทเท่านั้น แม้แต่เขาเอง ต่างก็ถูกขังไว้ในคฤหาสน์ของตระกูลหยูและไม่สามารถออกไปได้แม้แต่ก้าวเดียว
ทันทีที่เขาเข้าไปใกล้ที่ประตู ก็จะถูกบอดี้การ์ดไม่กี่คนเข้ามาขว้างพวกเขาไว้แล้ว
สายตาของโห้หลีเฉินมืดครึ้ม จากนั้นเขาจึงกดเสียงลงต่ำแล้วพูดปลอบโยน
“ข้างนอกมีคนไม่ดีอยู่ และมันก็อันตรายมาก”
แม้ว่าเขาจะไม่สามารถทนต่อไปได้ แต่โห้หลีเฉินก็ยังคงปลูกฝังความคิดที่ไม่ให้ออกไปนั้นให้กับแรบบิท
เพื่อหลีกเลี่ยงความอยากรู้อยากเห็นของเธอ แล้วแอบหาโอกาสย่องออกไปอย่างเงียบๆ เพราะถ้าเป็นเช่นนั้นเธออาจต้องประสบกับเรื่องที่อันตรายถึงชีวิต
จนถึงวันนี้ เธอก็ยังไม่สามารถออกจากบ่อน้ำพุร้อนได้เลยสักวัน
แรบบิทเริ่มประหม่าขึ้นเล็กน้อย จากนั้นมือที่อวบอ้วนก็จับมือใหญ่ของโห้หลีเฉินไว้แน่น
“แล้วแม่ล่ะคะ? แม่อยู่ข้างนอก คงอันตรายมากเลยใช่ไหมคะ?”
แม่
คำนี้เป็นเหมือนไฟฟ้า ที่ช็อกหัวใจของโห้หลีเฉิน
ซึ่งเป็นความเจ็บปวดที่ทำให้เขาหายใจไม่ออก
ทั้งยังมีความคิดที่อยากจะฆ่าคนอย่างมืดฟ้ามัวดิน
สวรรค์รู้ดีว่าเขาคิดถึงเย้นหว่านมากแค่ไหน แม้แต่ในทุกๆ ความฝันของเขา ยังมีเงาร่างของเธอเข้ามาอยู่เสมอ
มันทั้งคิดถึงเธอ และเป็นห่วงเธอเหลือเกิน
การกลับมาพบกันนั้นเหมือนกับว่ามันช่างอยู่ไกลสุดขอบโลก และมันก็ไกลเกินกว่าที่จะเอื้อมถึง
“ปาปา?”
เธอรออยู่นานแต่ก็ยังไม่ได้รับการตอบกลับ เธอจึงส่งเสียงเรียกไปทีหนึ่ง
โห้หลีเฉินจึงได้สติกลับมา แล้วมองไปที่แรบบิทด้วยสายตาที่หนักแน่น “ลูกเป็นห่วงคุณแม่หรือเปล่าครับ?”
ดวงตาที่กลมโตของแรบบิทดูสับสนเล็กน้อย เพราะเธอยังไม่เข้าใจว่าอะไรที่เรียกว่าความเป็นห่วง
“แรบบิทคิดถึงคุณแม่มาก และแรบบิทก็อยากเจอคุณแม่มากด้วย”
เธอไม่เคยได้เจอแม่มาตั้งแต่เกิด ดังนั้นมันจึงกลายเป็นแค่สิ่งที่เขาพูดกันเท่านั้น
แต่เธอก็เหมือนกับเด็กๆ ทั่วไป ที่หวังว่าตัวเองจะมีคุณแม่กับเขาด้วย และเธอก็อยากเจอคุณแม่ และถูกคุณแม่โอบกอดเธออย่างมีความสุข และกอดเธอหลับในตอนกลางคืน
แรบบิทเบ้าตาแดงก่ำ “ปาปา หนูต้องการคุณแม่”
สายตาของโห้หลีเฉินสั่นเทาอย่างรุนแรง เขาจึงดึงแรบบิทไว้ในอ้อมแขน และกอดเธอไว้แน่น
ในเบ้าตาของเขา ก็ปรากฏริ้วเลือดแดงออกมาเป็นเส้นๆ
คิดถึง จนมันยากกำจัดออกไปจากใจ
“แรบบิท ปาปาสัญญากับลูกว่า ปาปาจะให้ลูกได้เจอกับคุณแม่แน่นอน ลูกต้องเชื่อฟัง และตั้งใจเรียนให้เก่ง เมื่อคุณแม่เห็น คุณแม่จะต้องชอบลูกมากแน่ๆ”