สัญญารัก คบกับประธานฮั่ว30วัน - บทที่ 1097 ปาปา หนูชอบเธอ
“ให้เกียรติตัวเองงั้นเหรอ?”
โห้หลีเฉินเยาะเย้ย แล้วมองเย่ซือซือด้วยสายตาที่ประชดประชัน “อย่างคุณน่ะ ผมไม่ถูกใจหรอก”
เขาพูดอย่างตรงไปตรงมา และหยาบคาย จนทำให้ใบหน้าของสาวน้อยคนนั้น ดูขัดแย้งอย่างที่สุด
และเหล่าแพทย์ที่อยู่ตรงนั้นต่างก็พากันตะลึงงัน แล้วมองไปที่โห้หลีเฉิน ราวกับว่าพวกเขากำลังมองดูอันธพาลเร่ร่อนคนหนึ่ง
ไม่สิ ไม่นับว่าเป็นพวกอันธพาลหรอก แต่เป็นคนวิปริตต่างหาก แม้แต่หญิงสาวตัวเล็กๆ ยังถูกรังแกขนาดนี้
เว่ยชีปิดหน้าตัวเองไว้ และไม่สามารถทนดูได้อีกต่อไป
วันนี้คุณผู้ชายเป็นอะไรไปกันแน่นะ?
มันดูผิดปกติมาก ผิดปกติจนน่าเกลียด
ไม่ๆ คุณผู้ชายดีที่สุดแล้ว คุณผู้ชายหล่อที่สุด และน่ารักที่สุดแล้ว เว่ยชีสะกดจิตตัวเองในหัวใจซ้ำแล้วซ้ำเล่า
เสิ่นเคอหานทนไม่ไหวอีกต่อไป เขาจึงก้าวไปข้างหน้า และพูดกับโห้หลีเฉินอย่างหงุดหงิดโมโหว่า
“คุณโห้ครับ เหมือนคุณจะพูดเกินไปหรือเปล่าครับ?”
“แค่นิดเดียวไม่ใช่เหรอ?” โห้หลีเฉินมองเย่ซือซือด้วยสายตาที่อันตรายและเยือกเย็น “ฉันยังทำได้มากกว่านี้ซะอีก”
“ฉัน ฉันจะไม่รักษาแล้ว ฉันอยากกลับบ้าน ฮือๆ!”
เย่ซือซือทนไม่ไหวอีกต่อไป เธอจึงร้องไห้แล้ววิ่งออกไป
“ซือซือ ซือซือ”
เสิ่นเคอหานรีบไล่ตามออกไปอย่างหงุดหงิดโมโห
โห้หลีเฉินมองไปที่คนทั้งสองที่วิ่งออกไปติดๆ กัน แล้วสิ่งที่ซ่อนอยู่ในส่วนลึกของสายตาที่เฉียบคมนั้น ก็เป็นแสงอันรุ่งโรจน์ที่เปล่งประกายระยิบระยับที่เขาพยายามระงับไว้
สามวันต่อมา
เว่ยชีก็ยืนอยู่ข้างเตียงโห้หลีเฉิน และพูดอย่างจนปัญญาว่า
“คุณผู้ชายครับ เย่ซือซือยังคงปฏิเสธที่จะเข้าการรักษาคุณผู้ชาย เธอไม่กล้ามา และคุณหมอเสิ่นเคอหานเพียงคนเดียวจึงไม่สามารถรักษาคุณผู้ชายได้ ดังนั้นสาขาเวชศาสตร์ฟื้นฟูจึงยังไม่สามารถดำเนินการได้
แล้วเราจะทำยังไงกันครับ? ถ้าไม่เปลี่ยนเธอ งั้นก็เปลี่ยนทีมใหม่เลยไหมครับ
โห้หลีเฉินหัวเราะเยาะ “ถ้ามันเปลี่ยนคนง่ายขนาดนั้น เธอคงไปจากที่นี่นานแล้ว และหยูฉู่สองก็คัดเลือกคนที่มีภูมิหลังมาอย่างดี มันคงจะปล่อยไปไม่ง่ายขนาดนั้นหรอก”
ยิ่งไปกว่านั้น ยิ่งถ้าเขาไม่พอใจเท่าไหร่ หยูฉู่สองก็จะยิ่งพึงพอใจมากขึ้นเท่านั้น
แม้ว่าเขาจะเป็นปู่แท้ๆ แต่ก็ไม่สามารถมองดูเธอมีความสุขได้
เว่ยชีจึงยิ่งแย่ขึ้นไปอีก “แต่ถ้ายังล่าช้าอย่างนี้ต่อไป และไม่มีสาขาการฟื้นฟู การรักษาของคุณผู้ชายจะยิ่งดำเนินการล่าช้าลงไปอีก”
ยิ่งพูดก็ยิ่งหงุดหงิดโมโหมากขึ้นเท่านั้น หรือแม้กระทั่งรู้สึกเคียดแค้นกับคุณผู้ชาย
เขาไม่รู้ว่าวันนั้นเขาเป็นบ้าอะไรกัน เพราะเดิมทีเขาเป็นคนที่สายตาเฉียบคมและนึกไม่ถึงเลยว่าจะทำให้สาวน้อยร้องไห้ จนแบกความกดดันอย่างใหญ่และไม่มาทำการรักษาเขา
ทำไมถึงถากถางขนาดนั้นด้วยล่ะ? เฮ้อ
โห้หลีเฉินไม่ได้เอ่ยปากพูดสักคำ
จากนั้นไม่นาน เขาก็ลุกจากเตียง แล้วพูดอย่างเชื่องช้าว่า
“แรบบิทล่ะ อุ้มเธอมาหน่อย ฉันจะทานมื้อเย็นกับเธอเย็นนี้”
มุมปากเว่ยชียกขึ้นอย่างดุร้าย ก่อนหน้าไม่ใช่ว่ารีบร้อนอยากจะรักษาตัวเพื่อจะได้ไปหาเย้นหว่านเหรอ? แต่พอทีมรักษามา กลับก็ไม่รีบไม่ร้อนซะงั้น
เรื่องของเย่ซือซือยังไม่ได้จัดการเลย ยังมีอารมณ์จะทานข้าวอีกเหรอ
เว่ยชีเหมือนจะยิ่งอยู่ยิ่งไม่เข้าใจในตัวคุณผู้ชายเลย
โห้หลีเฉินจึงอุ้มแรบบิทไปที่ร้านอาหาร
เวลาส่วนใหญ่ เขามักจะทานข้าวในห้องหรือในร้านอาหารขนาดเล็กของตัวเอง ส่วนแรบบิทนั้นมี เว่ยชีและพี่เลี้ยงคอยดูแลอยู่แล้ว ดังนั้นจึงทานข้าวด้วยกันบางครั้งเท่านั้น
บางครั้งที่ทานข้าวด้วยกัน ก็จะไปที่ร้านอาหารใหญ่ๆ
แต่ในขณะนั้นเอง โห้หลีเฉินก็พาแรบบิทมาที่ร้านอาหาร แต่โชคไม่ดีที่ถูกคนข้างนอกสองคนเห็นเข้า
และพวกเขาทั้งสองนั้นก็คือเสิ่นเคอหานและเย่ซือซือ
พวกเขากำลังนั่งทานอาหารบนโต๊ะ แล้วนั่งตรงข้ามกับเขาด้วย
เสิ่นเคอหานคีบเนื้อไก่ไว้ในชามของเย่ซือซือ “แมวน้อย ไก่ที่คุณชอบไง กินเยอะๆ หน่อยนะ”
“ขอบคุณที่รักนะ”
เย่ซือซือพอใจอย่างมาก แล้วยิ้มหวานๆ ให้ เสิ่นเคอหาน
เธอสวยมาก เธอจมูกโด่งและใบหน้าของเธอนั้นก็งดงามและละเอียดอ่อน เธอก้าวร้าวอย่างมาก แต่ก็เป็นคนเงียบๆ และเชื่อฟัง สดใส ซึ่งเธอมีความงดงามสองแบบที่แตกต่างกันอย่างสิ้นเชิงอยู่ในตัว แต่ทั้งสองอย่างก็สามารถอยู่ด้วยกันได้อย่างกลมกลืนโดยไม่มีเหตุผล
“ว้าว ปาปา พี่สาวคนนั้นสวยมากเลย หนูชอบพี่สาวคนนั้นมากเลยค่ะ”
แรบบิทมองที่เย่ซือซือด้วยสายตาที่น่าทึ่ง
คำชมของเด็กๆ นั้นมักจะมาจากใจจริงๆ
แต่โห้หลีเฉินกลับรู้สึกไม่พอใจเล็กน้อย เขาจึงพูดด้วยน้ำเสียงที่หนักแน่นว่า “ต้องเรียกว่าคุณป้านะ”
เมื่อเย่ซือซือที่กำลังทานเนื้อไก่อยู่นั้นได้ยิน ก็เกือบจะสำลักออกมา
เธอหันหน้ากลับมา มองโห้หลีเฉินอย่างประหลาดใจ
ในสายตาของเธอนั้น ฉายวาบความตื่นตระหนกและความกลัวที่ไม่สามารถซ่อนไว้ได้
เธอถามอย่างระแวดระวังไปว่า “คุณมาได้ยังไง?”
สายตาที่เฉียบคมของโห้หลีเฉินหยุดอยู่ที่ตัวเธอ แล้วพูดอย่างเยือกเย็นว่า
“นี่คือร้านอาหารของฉัน”
จากนั้นตำแหน่งของเจ้าบ้านและแขก ก็ชัดเจนขึ้นมาทันที
เย่ซือซือหยุดชะงักทันที ใบหน้าของเธอก็แดงขึ้นอย่างอึดอัด
เสิ่นเคอหานรู้สึกเจ็บใจแทนแฟนของเขา เขาจึงลุกขึ้นอย่างรวดเร็ว และพูดอย่างสุภาพไปว่า
“ขอโทษด้วยนะครับ คุณโห้ ตอนนี้เราพักอยู่ที่นี่ พอหิวเลยลงมาทานข้าว แล้วใช้โต๊ะนี้กันเลย คุณคงจะไม่ถือสานะครับ”
“แต่ผมถือสา”
เสิ่นเคอหาน”…”
เย่ซือซือ”…” จิตใจคับแคบและสร้างปัญหาอย่างไร้เหตุผล
เธอยืนขึ้นอย่างโกรธเคือง “ไม่ต้องกินกันแล้ว กลับกันเถอะ ฉันอยู่ที่นี่ต่อไปสักนาทีไม่ได้แล้ว ฉันจะออกไปจากที่นี่ แม้ว่าจะถูกไล่ออกฉันก็ยอม”
เสิ่นเคอหานขมวดคิ้ว “ซือซือ…”
“จะไปหรือไม่ไป ถ้าไม่ไปฉันจะไปเอง!”
เย่ซือซือเดินออกไปจากร้านอาหารอย่างโกรธเคือง
สายตาของโห้หลีเฉินดูเย็นชา แต่เขาก็ไม่สนใจอย่างสิ้นเชิง
ราวกับว่า เขาอยากไล่เธอไปแทบจะรอไม่ไหว
“ปาปา อย่าให้พี่สาวคนนั้นไป หนูชอบเธอมากเลยนะ ให้เธออยู่เถอะนะคะ”
เสียงของแรบบิทนั้นอ่อนโยนอย่างมาก ฟังดูแล้วน่ารักมากเป็นพิเศษ
เมื่อเย่ซือซือได้ยินดังนั้น ก็หยุดฝีเท้าลง แล้วหันหน้ากลับมา มองดูเจ้าตัวเล็กที่นั่งอยู่บนตักของโห้หลีเฉินด้วยสายตาที่สั่นไหว
เจ้าก้อนเล็กๆ และอวบอ้วนนั้น เหมือนกับก้อนหิมะที่แกะสลักจากหยกสีชมพู ดวงตาที่เหมือนไข่มุกสีดำที่กะพริบอยู่ตลอดเวลา และเผยให้เห็นถึงแสงที่บริสุทธิ์และน่าพอใจ เธอน่ารักราวกับนางฟ้าตัวน้อยเลย
เย่ซือซือไม่มีการต่อต้านเธอเลยสักนิด แต่กลับมองไปที่โห้หลีเฉินอย่างสงสัยมากขึ้น
ผู้ชายที่เลวร้ายเช่นนี้ มีลูกสาวที่เชื่อฟังขนาดนี้ได้อย่างไร?
อาจเก็บมาจากริมถนนหรือเปล่า
โห้หลีเฉินมองสายตาที่อ่อนโยนอย่างมากของแรบบิท อย่างเต็มไปด้วยความรักใคร่ และแม้แต่เสียงก็อ่อนโยนลงแล้วด้วย
“ลูกชอบเธอเหรอครับ? ลูกเคยเห็นเธอแค่ครั้งเดียวเอง ลูกยังไม่เคยคุยกับเธอ และยังไม่รู้เลยว่าเธอนิสัยดีหรือไม่ดีเลย”
คำพูดไม่กี่คำในตอนท้ายนั้น พูดได้อย่างเน้นความสำคัญอย่างมาก
เย่ซือซือโกรธอย่างมาก
แรบบิทพูดอย่างอ่อนหวานว่า “พี่สาวสวยมากเลย คนสวยก็มีสิทธิ์ที่จะโกรธได้ ขนาดเธอโกรธยังสวยเลย ปาปา ปาปาให้เธออยู่ที่นี่ได้ไหม ได้ไหมคะ หนูอยากเล่นกับเธอ”
ได้ยินดังนั้น โห้หลีเฉินรู้สึกประทับใจเล็กน้อย
เขามองไปที่เย่ซือซือด้วยสายตาที่ลึกล้ำ ราวกับว่ากำลังพิจารณา
เย่ซือซือขมวดคิ้ว “ฉันเป็นคุณหมอ ไม่ใช่พี่เลี้ยงเด็ก และฉันก็ไม่ได้มาเพื่อเล่นกับเด็กๆ ด้วย”
แม้ว่าเด็กหญิงตัวน้อยคนนี้จะน่ารักอย่างมาก แต่เธอก็ยังคงยึดมั่นในความคิดของเธอ
ซึ่งนั่นก็คือลาออก และจากไป
โห้หลีเฉินมองไปที่เธออย่างเย็นชา ด้วยน้ำเสียงที่ทุ้มต่ำ อย่างไม่ต้องสงสัยเลย
เขาพูดอย่างชัดเจนว่า “คืนนี้คุณเข้าเวรกลางคืนนะ”
อะไรนะ?
เย่ซือซือตะลึงราวกับถูกฟ้าผ่า
ไม่ใช่ว่าจะให้เธอดูแลเด็ก แต่กลับให้เธอเข้าเวรคืนนี้เนี่ยนะ?
เฝ้าโห้หลีเฉินไอ้คนปากร้ายและเหลาะแหละเนี่ยน่ะเหรอ?
“ฉันขอปฏิเสธ! ฉันจะไม่ไปเด็ดขาด!”
“คุณไม่จำเป็นต้องมาก็ได้”
โห้หลีเฉินยิ้ม “แต่แฟนของคุณ ต้องตัดนิ้วมือหนึ่งนิ้วทิ้งไป ถ้าไม่มาคืนเดียว ก็ตัดไปหนึ่งนิ้ว ถ้าไม่มาสิบคืน ก็ตัดไปสิบนิ้วเลย”
เสิ่นเคอหานสัมผัสได้ถึงความเย็นยะเยือกจากส่วนลึกของจิตวิญญาณ แล้วทำไมเขาถึงต้องเป็นคนได้รับบาดเจ็บด้วยล่ะ?