สัญญารัก คบกับประธานฮั่ว30วัน - บทที่ 110 ภาพลักษณ์ของเธอกลัวว่าจะไม่เหลือแล้ว
บทที่ 110 ภาพลักษณ์ของเธอกลัวว่าจะไม่เหลือแล้ว
ฉินฉู่เดินเร็วกว่าบ้าง กระทั่งเดินมาตรงหน้าของโห้หลีเฉิน
พอเดินเข้ามาใกล้ เขามองเข้ามาอย่างร้อนรน กลับไม่เห็นคนที่นั่งอยู่ตรงข้ามกู้จื่ออี้
เย้นหว่านล่ะ?
เขาสงสัย ชั่วขณะหนึ่งงุนงงไป
เดิมทีคิดจะเดินมาถึงตรงนี้แล้วบังเอิญเจอเย้นหว่านเข้า จากนั้นทักทายกับเย้นหว่านไป ถือโอกาสนั่งลงด้วยกัน แต่ตอนนี้เย้นหว่านไม่อยู่ เขาจะไปประจวบเหมาะได้อย่างไร?
เห็นฉินฉู่เดินช้าๆ โห้หลีเฉินเอ่ยปากอย่างรำคาญ “รีบเดิน”
ฉินฉู่เหมือนลำบากใจ ถ้าเขาไปแบบนี้แล้ว การเตรียมการในคืนนี้ก็สูญเปล่า
แต่เย้นหว่านไม่อยู่ หรือว่าขอที่นั่งของกู้จื่อเฟยไว้ก่อน?
เขากำลังลังเลพัวพันกันอุตลุดอยู่ เวลานี้เห็นทางห้องน้ำ เย้นหว่านกับมู่จื่ออี้กำลังเดินเข้ามาด้วยกัน
เขาประหลาดใจใหญ่ อยากทักทายเย้นหว่านไป กำลังจะเอ่ยปากพูด เวลานี้ทันใดนั้นมองเห็นเย้นหว่านเท้าไม่ตรง ล้มลงไป มู่จื่ออี้ที่เดินอยู่ด้านข้างเธอ พยุงเธอเอาไว้อย่างมือไวตาไว
พอดูขึ้นมา ชั่วขณะหนึ่งทั้งสองคนก็กำลังกอดอยู่ด้วยกัน
ฉินฉู่มุมปากหดแล้ว ฉากนี้ไม่อาจให้หลีเฉินเห็นได้ หรือว่ารอสักพักค่อยไปทักทาย
“เมื่อกี้ฉันจำไม่ค่อยได้ ที่นั่งของพวกเราเหมือนอยู่ทางนั้น”
ฉินฉู่รีบชี้ไปทิศทางตรงกันข้ามทันที
เดิมทีโห้หลีเฉินเดินไปอย่างไม่มองข้างทาง ทว่าเพียงเขาเงยหน้ามาตามชอบใจ ก็มองเห็นภาพของเย้นหว่านอย่างไม่ตั้งใจขนาดนั้น
ลูกตาเขาอึมครึม ทันใดนั้นสั่นนิดหน่อย
เขามองเห็นเย้นหว่านกำลังถูกมู่จื่ออี้กอดอยู่ในอ้อมอก
ฉินฉู่ปวดหัวไปหมดแล้ว “เฮ้ พี่สะใภ้เหมือนจะล้มแล้ว โชคดีที่ผู้ชายคนนั้นอยู่ด้วย ประคองเธอเอาไว้ ไปพวกเราเข้าไปดูหน่อยว่าพี่สะใภ้เจ็บรึเปล่า”
แกล้งพูดอย่างผ่อนคลาย ฉินฉู่อยากพาโหหลีเฉินเข้าไป
กลับเห็นโห้หลีเฉินยืนอยู่ที่เดิมไม่ขยับสักนิด มองเย้นหว่านกับมู่จื่ออี้ไปตรงๆ สายตาเย็นยะเยือกที่สุด
อากาศโดยรอบตัวกดลงมาต่ำเพิ่มอีก
หลังจากครู่หนึ่ง เขาหมุนตัวเดินไปข้างนอก ฝีเท้าหนักแน่นมั่นคง ภาพด้านหลังเย็นเฉียบ
“หลีเฉิน นายจะไปไหน?”
ฉินฉู่รีบตามไป มองภาพด้านหลังที่หนาวเย็นของโห้หลีเฉินแล้วหวาดผวาขึ้น นี่เขาหวังดีจนทำให้เสียเรื่องแล้วหรือเปล่า?
ใครจะรู้ว่าพึ่งเข้ามา ทำไมถึงเจอเย้นหว่านหกล้มได้ หกล้มก็ช่างไป ทำไมมาให้โห้หลีเฉินเห็นตอนเธอโดนผู้ชายคนอื่นกอดไว้
“นายอย่าเข้าใจผิดนะ เมื่อกี้ฉันเห็นแล้ว พี่สะใภ้หกล้มจริงๆ……”
“หุบปาก”
โห้หลีเฉินด่าไปด้วยความเย็นชา น้ำเสียงทั้งเย็นทั้งแข็งทื่อ
เวลานี้ที่หน้าอกเขามีไฟกองหนึ่งที่ไม่มีทางดับกำลังเดือดอยู่ เย้นหว่านปฏิเสธเขาอย่างไม่ลังเลสักนิด พริบตาเดียวกลับมากินอาหารมื้อดึกกับมู่จื่ออี้ ดีใจที่เป็นอิสระขนาดนั้น
ในใจของเธอ ไม่มีเขาสักเศษเสี้ยวใช่หรือไม่?
“ไปผับอีผิ่นเทียนเสี้ย”
หลังจากนั่งบนรถ โห้หลีเฉินพูดสั่งการอย่างเย็นชา
ฉินฉู่พึ่งขึ้นรถได้ยินคำพูดนี้ รีบขับรถขึ้นมา “ดี ได้เลย ไปเดี๋ยวนี้”
ผับอีผิ่นเทียนเสี้ยเป็นสถานบันเทิงระดับสูง ด้านในเป็นสวรรค์ให้เล่นสนุก เป็นหนึ่งในสถานที่ที่ดีที่สุดในการดื่มเหล้าสนุกสนาน
เย้นหว่านไม่รู้ว่าโห้หลีเฉินเข้ามา หลังจากหกล้มอย่างไม่ระวัง ก็รีบยืนตรงขึ้นมาจากอ้อมอกของมู่จื่ออี้
เอ่ยปากบอกอย่างมีมารยาท “ขอบคุณนะ”
“เท้าคุณไม่ได้บาดเจ็บนะ?” มู่จื่ออี้ถามอย่างเป็นห่วง
“ไม่เป็นไร”
เย้นหว่านส่ายหน้า ที่จริงข้อเท้าของเธอเจ็บนิดหน่อย แต่เนื่องจากคืนนี้โดนมู่จื่ออี้สารภาพรัก เธอจึงไม่อยากให้เขารู้โดยจิตใต้สำนึก เลี่ยงที่เขาจะมาวุ่นวายเพราะเธอ
เธออดกลั้นเท้าที่เจ็บอยู่เล็กน้อยไว้ แสร้งทำเป็นเดินไปที่โต๊ะอย่างไม่เป็นอะไร
“จื่อเฟย กินอิ่มแล้วรึยัง?”
“อืม ก็รอพวกเธออยู่”
กู้จื่อเฟยหยิบกระเป๋าลุกขึ้นมาอย่างสบายใจ เธอพึ่งลุกขึ้นยืน เย้นหว่านเดินเข้าไปหา ควงแขนเธอไปอย่างสนิทสนม ถือโอกาสทิ้งน้ำหนักไปที่ตัวของเธอสักหน่อย คลายความไม่สบายที่เท้า
“ไปห้องน้ำมารอบหนึ่ง เหนื่อยจนไม่มีแรงเลยเหรอ?”
กู้จื่อเฟยยักคิ้ว สายตามีเลศนัยมองไปที่เย้นหว่านกับมู่จื่ออี้คนละที
เย้นหว่านรังเกียจ “กู้จื่อเฟย เธอนับวันนี่ยิ่งสกปรกจริงๆ เลย อยู่ต่อหน้าผู้ชาย จะเหลือภาพลักษณ์กุลสตรีให้ตัวเองหน่อยได้มั้ย?”
กู้จื่อเฟยยิ้มทำหน้าประสงค์ร้าย “เย้นหว่าน เธอเข้าใจความคิดฉันได้ไวขนาดนี้ อยู่ต่อหน้าผู้ชายก็มีภาพลักษณ์กุลสตรีแล้วเหรอ?”
เย้นหว่านชะงักงัน แก้มแดงขึ้นเล็กน้อย
มู่จื่ออี้หัวเราะมองทั้งสองคน น้ำเสียงละมุนละไมไพเราะเป็นพิเศษ
“ไม่เป็นไร เสี่ยวหว่านอยู่ในใจผม ไม่ถือว่าเป็นกุลสตรีมาตลอดอยู่แล้ว”
เย้นหว่าน “……” ภาพลักษณ์ของเธอเกรงว่าคงไม่มีจริงๆ แล้ว
หลังจากออกมาจากร้านอาหารโต้รุ่ง เย้นหว่านก็กลับบ้านไป
สงบลงมาอยู่คนเดียว ในสมองเธอก็คิดถึงภาพในบ้านของโห้หลีเฉินมาเอง เขาคุกเข่าข้างหนึ่งต่อหน้าเธอ พูดกับเธออย่างลึกซึ้ง แต่งงานกับเขา
เพียงแค่คิดก็รู้สึกใจเต้นแรง นี่ถ้าเป็นเรื่องจริงคงจะดีมาก ไม่แน่เธออาจรับปากไปแล้ว
“เฮ้อ”
ถอนหายใจทีหนึ่ง เย้นหว่านคลุมหน้าในผ้าห่มอย่างหมดอาลัยตายอยาก ไม่เป็นตัวของตัวเอง เธอไม่สามารถหยุดคิดได้เลย
ผับอีผิ่นเทียนเสี้ย ห้องหรูหราVVIP
เวลานี้บนโต๊ะวางเหล้าดังสารพัดไว้ และมีขวดเหล้าเปล่านับไม่ถ้วนวางอยู่ที่นั่น
“เพล้ง”
โห้หลีเฉินโยนไป เพิ่มจำนวนขวดเหล้าเปล่าอีกใบ
เขากึ่งพิงอยู่บนโซฟา สายตาดูเลือนรางนิดๆ หน้าหล่อใบนั้นยังคงท่าทางเย็นชาไม่ดีขึ้นสักนิด
มือใหญ่ของเขาหยิบกล่องลูกเต๋า เขย่าไปอย่างแรง
“เอามาอีก”
คุณชายหลายคนที่นั่งอยู่ล้อมรอบ นายดูๆ ฉัน ฉันดูๆ นาย ต่างว้าวุ่นใจอยู่บ้าง
วันนี้พวกเขามาเล่นลูกเต๋า คิดไม่ถึงว่าโห้หลีเฉินที่เมื่อก่อนมานั่งหล่ออย่างเดียวจะเข้าร่วมด้วย โดยเฉพาะอย่างยิ่งหลังเข้าร่วมแล้ว แพ้ทุกรอบ ดื่มทุกรอบ
เดิมทีเขาไม่ใช่มาเล่น ก็แค่หาเหตุผลมาดื่มเหล้า
“ฉินฉู่ หลีเฉินดื่มไม่น้อยแล้วนะ เหมือนจะเมาแล้ว ถ้าไม่งั้นนายกล่อมเขาหน่อย อย่าดื่มอีกเลย” มีคนพูดอย่างเป็นห่วง
ฉินฉู่ยักไหล่ด้วยความจำใจ “ฉันไม่ได้มีความสามารถขนาดนั้น”
“นิ่งอยู่ทำไม รีบเปิดสิ”
โห้หลีเฉินเร่งอย่างไม่ทน รอบตัวระเบิดความดุร้ายออกมา
หลายคนกลัวจนขยับถอนหลังไป กลัวโดนเขาเห็นเป็นเป้าจนต่อยเข้ามา
พวกเขารีบนำลูกเต๋ามาใหม่อีกครั้ง เล่นกับโห้หลีเฉินที่ไม่ชนะต่อไป
ไม่รู้ผ่านไปนานเท่าไร ขวดเหล้าเปล่าทั้งบนโต๊ะใต้โต๊ะ ก็นับจำนวนไม่ถ้วนแล้ว
แต่นี่กลับเป็นครั้งแรกที่เหล่าคุณชายกลุ่มนี้ล้วนไม่ได้ดื่มเมามาย
เพราะโดยพื้นฐานเหล้าโดนโห้หลีเฉินดื่มจนหมดแล้ว
เขานอนพิงอยู่ที่โซฟา กึ่งหรี่ตา ราวกับเมามายไปโดยสิ้นเชิง
ฉินฉู่ถอนหายใจทีหนึ่ง วางลูกเต๋าลง
“แยกย้ายกันเถอะ”
เขาเดินเข้าไป อยากไปพยุงโห้หลีเฉิน แต่พึ่งเตะตัวเขาไป ก็โดนโห้หลีเฉินสะบัดออก
“ไสหัวไป”
โห้หลีเฉินไม่ได้ลืมตา พ่นคำพูดออกมา ทั้งเย็นชาทั้งแข็งทื่อ
ฉินฉู่สำสัก พูดด้วยความอดทน
“หลีเฉิน ฉันฉินฉู่เองไง ฉันจะพานายไปส่งที่บ้าน”
โห้หลีเฉินเม้มริมฝีปากบาง ไม่สนใจเขาอีก
ฉินฉู่อยากลองไปพยุงเขาอีกรอบ เวลานี้โห้หลีเฉินถีบเขามาทีหนึ่งอย่างไม่เหลือเยื่อใยสักนิด
ฉินฉู่ล้มก้นกระแทกพื้นไป