สัญญารัก คบกับประธานฮั่ว30วัน - บทที่ 112 get เทคนิคใหม่ในการจีบสาว
บทที่ 112 get เทคนิคใหม่ในการจีบสาว
เธอกลั้นอารมณ์ไว้ “คุณสามารถหลับตาแล้วเดินไปกับฉัน”
ได้ยินคำพูดนี้ โห้หลีเฉินเหมือนจะยิ่งไม่พอใจ เขาจ้องเย้นหว่านอยู่ ราวกับเธอทำเรื่องอะไรที่น่าโมโหมาก
“ผู้หญิงไร้หัวใจ”
ด่าเธออีกครั้ง
เย้นหว่านอึดอัดจนไม่ไหว สรุปเธอหาเรื่องเขาตรงไหนแล้ว หวังดีมาส่งเขากลับบ้าน เขากลับด่าเธอทุกคำ
ช่างเถอะ เธอไม่ถือสากับคนเมา
“ฉันจะส่งคุณกลับบ้าน”
เธอพยุงเขาไว้ ออกแรงอยากพาเขาไปข้างนอก
แขนของโห้หลีเฉินที่พาดบนไหล่เธอกับดึงออกไปด้านหลังทันที น้ำเสียงทั้งหน่วงทั้งกลัดกลุ้ม
“ฉันไม่ต้องการความหวังดีจอมปลอมของเธอ”
พูดๆ อยู่ เขาก็อยากเดินเอง แต่พอสูญเสียที่ค้ำ ร่างกายของเขาก็เสียสมดุลไป แวบหนึ่งจึงนั่งกลับไปบนโซฟา
พอนั่งแล้ว เขาไม่รู้สึกว่ามีอะไรไม่เหมาะสม เหมือนถึงจุดมุ่งหมายแล้ว จากนั้นพิงไปอย่างสบายขนาดนั้น
ดวงตาที่หรี่ครึ่งหนึ่งคู่นั้น ยังคงจ้องเย้นหว่านอย่างเต็มไปด้วยความโกรธเคืองไม่พอใจ
เย้นหว่านหดมุมปากอย่างแรง และความโกรธก็เดือดขึ้น รู้แต่แรกเธอคงไม่มาแล้ว
มาที่นี่กลางดึก ยังต้องถูกโห้หลีเฉินรังเกียจให้อีก
“ฉันพาเขาไปไม่ได้ ฉินฉู่ พวกคุณหาวิธีเอาเองเถอะ”
พูดจบอย่างโมโห เย้นหว่านหมุนตัวจากไป
“เธอ หยุดเดี๋ยวนี้นะ!”
โห้หลีเฉินขมวดคิ้วแล้วตะคอกมาเสียงทุ้ม
ใครใช้ให้เธอกลับแล้ว?
เย้นหว่านหันหน้ามาอย่างกลัดกลุ้ม “คุณโห้ ขอโทษนะคะคุณยังมีธุระอะไรอีก?”
ธุระอะไร? ไม่มีอะไร
โห้หลีเฉินเม้มริมฝีปากไม่พูดอะไร มองเธอตรงๆ ขนาดนั้นอยู่
ถึงแม้ไฟโกรธจะขึ้นเต็มหน้า แต่เขาที่ดื่มจนเมามาย กลับสำแดงความดื้อรั้นเงียบๆ มาถึงขั้นสุด ทำให้คนมองรู้สึกว่าเธอกำลังมีพฤติกรรมไร้ยางอายที่ทอดทิ้งสามี
เย้นหว่านรู้สึกปวดหัวที่สุด ไม่ใช่เขาบอกให้เธออย่ามาหวังดีปลอมๆ ไม่ต้องยุ่งกับเขาหรอกหรือ?
ตอนนี้อยากมาโวยวายแบบไหนกัน?
หลังจากฝืดแข็งไปสักพัก โห้หลีเฉินยังคงรักษาท่าทางนั้นไว้ ไม่ขยับสักนิด ราวกับสามารถนิ่งต่อไปได้อีกไม่นาน
เย้นหว่านยืนไม่ไหวแล้ว เธอหัวเราะอย่างโมโหด้วยความจำใจ
เธอจำเป็นต้องเอาจริงเอาจังกับคนเมาด้วยเหรอ?
คิดเสียว่าเขาเมาจนบ้าไปแล้ว
เธอเดินไปตรงหน้าของโห้หลีเฉินอีกครั้ง ยื่นมือมาทางเขา “คุณโห้ ฉันจะส่งคุณกลับบ้าน”
โห้หลีเฉินไม่เคลื่อนไหว ได้แต่จ้องเธออยู่
เย้นหว่านพูดต่อไปอีก “ถ้าคุณไม่พูดอะไร ฉันจะคิดว่าคุณเห็นด้วยนะ”
ขณะพูด เย้นหว่านก็ยกแขนของโห้หลีเฉินขึ้น นำมันมาพาดบนไหล่ของเธอ
โห้หลีเฉินขมวดคิ้ว และอยากสะบัดเธอออกอีก
เวลานี้ เย้นหว่านเสริมไปอีกประโยคหนึ่ง “ถ้าคุณไม่ให้ฉันพยุง ฉันจะไปเองแล้วนะ”
การกระทำของโห้หลีเฉินแน่นิ่งไปชั่วขณะหนึ่ง แววตาที่เลือนรางอยู่บ้างคู่นั้นแฉลบความฉงนสนเท่ห์ แต่ร่างกายของเขากลับลุกขึ้นตามเย้นหว่านมาอย่างซื่อสัตย์มาก
มองเห็นฉากนี้ ฉินฉู่ “……”
คุณชายไฮโซคนอื่นๆ “……”
ที่แท้เหมาะกับคำพูดนั้น แม้แต่วีรบุรุษยังพ่ายแพ้ต่อหญิงงาม แม้แต่โห้หลีเฉินยังไม่ยกเว้น
ถึงแม้โห้หลีเฉินจะมีแรงนิดหน่อย แต่เขาดื่มจนเมาจริงๆ เกือบทั้งครึ่งตัวพิงที่ตัวของเย้นหว่าน หนักเหลือเกิน
เย้นหว่านแบกเขาไว้อย่างกินแรงมาก เลยบอกกับฉินฉู่ไป
“ช่วยพยุงหน่อย”
“อ่อ ได้”
ฉินฉู่รีบเดินเข้าไป อยากจะไปพยุงโห้หลีเฉินอีกข้าง
แต่เขาพึ่งแตะตัวโห้หลีเฉิน กลับโดนเขาผลักออกมานิดหน่อย ทั่วตัวเขาเผยความรังเกียจและปฏิเสธ
น้ำเสียงเย็นชา “ไสหัวไป”
ฉินฉู่สำลักจนนิ่งไป หัวใจดวงน้อยได้รับการทำร้ายอย่างลึกๆ อีกครั้ง
ไม่มีที่เปรียบเทียบก็ไม่มีการทำร้าย โห้หลีเฉินเป็นพวกเห็นหญิงดีกว่าเพื่อนเป็นที่สุด ไม่มีอะไรเทียบได้เลย
เย้นหว่านมองโห้หลีเฉินอย่างกลุ้มใจ คนคนนี้ทำไมถึงจู้จี้ขนาดนั้น?
อยากผลักออกก็ผลักเธอออกด้วยสิ ให้เธอพยุงเขาไว้คนเดียว จงใจอยากทารุณเธอหรือเปล่า จะทำเธอเหนื่อยตายหรือ?
ในใจพร่ำบ่นอยู่เต็มอก ทว่าเย้นหว่านยังไม่กล้าโยนโห้หลีเฉินทิ้งจริงๆ ได้แต่แบกเขาอย่างยากลำบากไปทีละก้าว เดินไปข้างนอก
ไม่ง่ายที่พามาถึงลิฟต์ได้ เย้นหว่านเหนื่อยจนเหงื่อเต็มหน้า
เวลานี้มือที่ทั้งขาวทั้งยาวข้างหนึ่งตกอยู่บนหน้าผากของเธอเบาๆ เช็ดเหงื่อให้เธอ
“เธอร้อนมากเหรอ?”
ไม่ได้ร้อน คือเหนื่อยเข้าใจไหม
เย้นหว่านระทมทุกข์ อยากด่าโห้หลีเฉินสักนิดให้หายโมโห แต่พอมองนิ้วมือทั้งคู่นั้นของเขาเปื้อนหยดเหงื่อ ในใจก็แตกต่างออกไป
ที่แท้เมาเหล้าแล้วสินะ ไม่อยากนั้นคนรักสะอาดอย่างเขา ทำไมถึงไม่ใช้ทิชชู?
ช่างเถอะ อย่าถือสาหาความกับคนเมา
“ติ้ง”
ลิฟต์มาถึงโรงจอดรถชั้นใต้ดิน
“ไป ออกไปกัน”
เย้นหว่านพยุงโห้หลีเฉินจะเดินออกไปข้างนอก
มองประตูลิฟต์อยู่ ในสายตาโห้หลีเฉินไม่พอใจเล็กน้อย ดึงเย้นหว่านเอาไว้ กอดเธอไว้ในอ้อมอก
น้ำเสียงของเขาต่ำมากๆ “อย่าไป” เขาไม่อยากปล่อยเธอไป
อ้อมกอดที่กว้างใหญ่พุ่งเข้ามาทันใด เต็มไปด้วยกลิ่นอายที่สดชื่นและกลิ่นเหล้าของชายหนุ่ม กระโจนมาในลมหายใจ และประสาทสัมผัสของเธออย่างไม่มีการควบคุม
หัวใจของเย้นหว่านเต้นอย่างควบคุมไม่ได้
เธอใจเต้นรัว รีบผลักโห้หลีเฉินออกทันที เขาเหมือนดื่มจนเมา ไม่มีแรงมากมาย เจอผลักนี้ จึงถอยหลังไปหลายก้าว ชนเข้าผนังลิฟต์แล้ว
และจากนั้นร่างกายเขาก็ไม่มีแรงให้ค้ำยัน ล้มลงไปด้านล่าง
ขมับเย้นหว่านเต้นแรง รีบเดินเข้าไปก่อนจะประคองโห้หลีเฉินไว้อย่างหวุดหวิด
ร่างสูงใหญ่ของเขาเหมือนเขาลูกใหญ่ เกือบทับเธอจนแบน
โห้หลีเฉินไม่มีจิตสำนึกสักนิด มองเย้นหว่านด้วยสายตรงๆ ดื้อรั้นพึมพำสองคำ
“อย่าไป”
เย้นหว่านปวดหัวแทบแย่ ใช้แรงทั้งหมดไปพยุงเขาไว้ ทั้งยังต้องปลอบใจเขาไปอีก
“ฉันไม่ได้ไปไหน ฉันเพียงแค่จะพาคุณออกจากลิฟต์”
โห้หลีเฉินมองเธอเหมือนไม่เชื่อ จากนั้น ยกๆ แขน กอดเธอแน่นขึ้นอีก
และเวลานี้เพราะพวกเขาไม่ได้ออกไปกัน ประตูลิฟต์จึงปิดลงแล้ว
ลิฟต์ขึ้นไปข้างบนอีกครั้ง
เย้นหว่านอยากไปกดลิฟต์ใหม่อีกครั้ง โห้หลีเฉินเหมือนเป็นภูเขาลูกหนึ่งทับมาบนตัวเธอ ไม่ให้เธอขยับ
แบบนี้แล้วเธอจะกดชั้นไหนได้อย่างไร จะไปโรงจอดรถได้อย่างไร?
เย้นหว่านสูดหายใจเข้าลึกๆ กลั้นการกระทำที่อยากทิ้งโห้หลีเฉินไว้ในลิฟต์ พูดด้วยความอดทน
“คุณโห้ ให้ฉันได้กดเลขหน่อยได้มั้ย? ฉันรับรองว่ากดแค่นิดเดียวเท่านั้น ไม่ไปไหน”
“เรียกชื่อฉัน”
โห้หลีเฉินพูดเสียงต่ำ เพิกเฉยคำพูดที่เย้นหว่านบอกไปตอนหลัง
เย้นหว่านมุมปากกระตุก สรุปเขาจับใจความได้ว่าอย่างไร
เธอได้แต่พูดอีกครั้งหนึ่ง “โห้หลีเฉิน”
“อืม”
โห้หลีเฉินตอบรับ เหมือนจะอารมณ์ดีมากเลย
จากนั้นก็ไม่มีเสียงแล้ว
เย้นหว่านมองเขา ในใจกำลังบ้าคลั่งเหลือทน ดังนั้นเขาจะให้เธอไปกดลิฟต์หรือไม่ จะออกไปจากลิฟต์นี้ได้หรือไม่?
“ติ้ง”
ประตูลิฟต์เปิดออกอีกครั้ง
ด้านนอกลิฟต์ ฉินฉู่กับคุณชายไฮโซหลายคนยังอยู่ พวกเขากำลังพูดคุยอะไรสนุกสนานกัน มองเห็นลิฟต์เปิดแล้ว อยากจะเข้าไป แต่ตอนที่มองเห็นสองคนแนบชิดอยู่ด้วยกันในลิฟต์ กลับตกใจค้างกันหมด
ฉินฉู่ทำหน้าฉงน “พี่สะใภ้ ทำไมคุณถึงขึ้นมาอีก?”
เย้นหว่านพูดอย่างลำบากอยู่นิดหน่อย ยากลำบากจริงๆ
เธอพูดอย่างหมดอาลัยตายอยาก “พวกคุณเข้ามากันเถอะ ถือโอกาสช่วยฉันกดลิฟต์สักนิด”
ฉินฉู่มองโห้หลีเฉินที่ทั้งตัวแนบติดอยู่บนตัวเย้นหว่าน เข้าใจอะไรขึ้นมาโดยสำนึก
ช่างบ้าระห่ำ ทำให้คนเดือดดาลอย่างยิ่ง
แต่ว่าลูกไม้นี้ต่อไปเหมือนต้องเรียนมาใช้สักหน่อย……