สัญญารัก คบกับประธานฮั่ว30วัน - บทที่ 1130 เสียใจ
เย้นหว่านไม่อยากให้โห้หลีเฉินเข้าใจผิดคิดมาก จึงดึงมือเขาแล้วพูดขึ้น
“ที่จริงฉันกับป่ายฉีไม่ได้มีฝีมือการแสดงดีเด่นอะไร และไม่ได้ใช้เวลาอันสั้นขนาดนั้น เข้าใจเสิ่นเคอหานกับเย่ซือซือโดยละเอียดทั้งหมด ดังนั้นพวกเราเพื่อปลอมตัวเข้าไป ก็เลยใช้วิธีสะกดจิต”
โห้หลีเฉินได้ยินอย่างนั้น ยิ่งขมวดคิ้วแน่น “สะกดจิตหรือ”
เย้นหว่านพยักหน้า
“ป่ายฉีรู้จักนักสะกดจิตที่เก่งมากคนหนึ่ง เราไปหาเขา ให้เขาสะกดจิต ให้พวกเราคิดจากในใจ ตัวเองเป็นเย่ซือซือกับเสิ่นเคอหาน
วิธีนี้ได้ผลดีมาก หลายครั้งที่ฉันคิดว่าตัวเองเป็นเย่ซือซือ ฉันจะทำตามจิตใจและพฤติกรรมของเย่ซือซือ
พวกเราถึงได้ใช้เวลาไม่นาน ก็แสดงเป็นเย่ซือซือกับเสิ่นเคอหานได้สำเร็จ อีกอย่าง แสดงได้เหมือนขนาดนั้น”
นอกจากรู้ชัดสถานะที่แท้จริงของตัวเอง และเป้าหมายแล้ว อื่นๆ ในจิตใจ กล่าวได้ว่าเป็นการสะกดจิตตัวเองทั้งหมด คิดว่าตัวเองเป็นเย่ซือซือ
แม้แต่ตอนนี้ เย้นหว่านยังคงค่อนข้างสับสน
กอดโห้หลีเฉิน เธอรักเขาด้วยใจจริง เพราะเธอรักเขาจริงๆ
กอดแรบบิท แม้ว่าจะรู้ดีแก่ใจนี่คือเลือดเนื้อที่เธอให้กำเนิดเอง แต่เธอมีความรู้สึกหนึ่ง เหมือนหยิบตุ๊กตาตัวหนึ่ง ไม่ใช่แม่แท้ๆ
โห้หลีเฉินสีหน้าเคร่งเครียด แม้ว่าเขาไม่ค่อยเข้าใจการสะกดจิต แต่ก็พอรู้อยู่บ้าง
การสะกดจิตจิตใจคน เป็นการเสี่ยงอันตราย อาจจะกระทบกับความคิดของคนหนึ่งไปตลอดชีวิต
เขาถามป่ายฉีเสียงเครียด “จะพ้นจากการถูกสะกดจิตได้ไง”
สายตาป่ายฉีที่มองโห้หลีเฉิน มักจะรู้สึกว่าไม่ค่อยสบาย
เขาจึงเลี่ยงสายตานั้น “ต้องไปหานักสะกดจิตคนนั้นสะกดจิตอีกครั้ง ยกเลิกข้อมูลที่ใส่เข้าไป พวกเราไปหาเขาเดี๋ยวนี้เลย”
“ทำได้ร้อยเปอร์เซ็นต์มั้ย”
ป่ายฉีเม้มปาก “น่าจะได้มั้ง”
โห้หลีเฉินกำหมัดเสียงดังกร๊อบ สายตาโหดเหี้ยมแทบจะกระโจนเข้าใส่ป่ายฉี
“น่าจะงั้นหรือ ป่ายฉี ถ้าหากผลกระทบนี้ทำให้จิตใจเสียหายจะทำยังไง นายกล้าให้เย้นหว่านรับการสะกดจิตได้ไง!”
เขาอยากจะฆ่าป่ายฉีขึ้นมาจริงๆ แล้ว
ถูกโห้หลีเฉินตวาด ป่ายฉีตัวสั่นโดยไม่รู้ตัว การสั่นนี้ ทำให้หน้าของเขาแดงในพริบตา
สมควรตาย จะกลัวอะไรกัน
ความขี้ขลาดตาขาวของเสิ่นเคอหานทำให้ป่ายฉีแทบบ้า เขาเป็นคนไม่เกรงกลัวหน้าอินทร์หน้าพรหม ต่อสู้ร่วมกับโห้หลีเฉินมานักต่อนัก จะกลัวแค่เสียงโห้หลีเฉินตวาดได้อย่างไรกัน
ตอนนี้เขากลัวเรียกได้ว่าขายหน้า
ป่ายฉีพูดอย่างโมโห “นายคิดว่าฉันคิดหรือไง ข้าไม่จู่ๆ ก็รักคนหนึ่งไม่มีเหตุผลหรอก รักหวานจิ๊จ๊ะทุเรศจะตาย”
เขาถึงกับไม่รู้ว่าตัวเองจะน่าทุเรศขนาดนั้น
เพราะริษยา ทำให้หงุดหงิดอยากฆ่าคนทั้งวัน อยากทำเรื่องเลวร้ายที่สุด
และความร้ายกาจนี้ เป็นเพราะอยากได้ผู้หญิงที่ไม่รักตัวเอง
นับว่าเป็นครั้งแรกที่ป่ายฉีสัมผัสถึงความรู้สึกของความรัก
แม้จะยืนในมุมมองของคนอื่นถูกบังคับให้รู้สึก แต่เขากลับขยะแขยงความรู้สึกนี้สุดๆ
สิ่งที่ความรักนำพามา คือความสุขหวานชื่นที่ไหนกัน เห็นชัดว่าเป็นมารที่ทำให้นิสัยของคนเปลี่ยนไปอย่างน่ารำคาญ
ความริษยา เจ็บปวด และเสียใจพวกนั้น ราวกับหนอนชอนไชในความมืด ช่างน่ารังเกียจ
เย้นหว่านตบไหล่โห้หลีเฉิน มองป่ายฉีเห็นใจ แล้วพูดกับโห้หลีเฉิน
“ฉันไม่ได้รับผลกระทบอะไรมากค่ะ แค่สัมผัสได้ถึงเสน่ห์ของคุณที่ไม่อาจต้านทานได้อีกครั้ง แต่ป่ายฉี… ฉันเป็นห่วงเขาจริงๆ จิตใจที่บาดเจ็บเพราะอกหักถูกสวมเขา จะกระทบกับเขาต่อไปไม่กล้าหาแฟนหรือเปล่า”
เมื่อได้ยินเช่นนี้ ความโมโหในใจของโห้หลีเฉิน ก็หายวับไปในพริบตา
เสน่ห์ที่ไม่อาจต้านได้
ใช่แล้ว แม้ว่าเย้นหว่านจะถูกสะกดจิต ถูกสะกดจิตเป็นแฟนคนอื่น แต่ก็ยังรักเขาอีกครั้งอย่างจริงใจ
โห้หลีเฉินเลิกคิ้วอารมณ์ดี พูดกับป่ายฉี “นายหมดโอกาสแล้ว”
ป่ายฉี “…”
เขาไม่อยากจะทำลายโอกาสต่างหาก
แต่กระนั้น เขามองโห้หลีเฉินขัดหูขัดตามากจริงๆ ไม่ถูกชะตาเป็นพิเศษ อยากจะฆ่าโห้หลีเฉินแบบนั้น
เว่ยชีมองสายตาดุร้ายของป่ายฉี ก็ถึงกับเหงื่อซึม รีบพูดกล่อม
“ป่ายฉี นายต้องคิดให้ดีนะ บอกตัวเองตลอดเวลา นายคือป่ายฉี ไม่ใช่เสิ่นเคอหาน”
“ข้ารู้แล้ว ไม่อย่างนั้นตอนนี้โห้หลีเฉินยังจะได้เสนอหน้าโวยวายอยู่ตรงนี้หรือไง”
ป่ายฉีเตะขาเว่ยชีไม่สบอารมณ์
แม้ว่าเขาจะถูกสะกดจิต พฤติกรรมและจิตใจรู้สึกว่าตัวเองคือเสิ่นเคอหานและได้รับผลกระทบจากความรู้สึกของเสิ่นเคอหานแต่สติปัญญาของเขารู้ชัดเจนกว่าความรู้สึก
เขารู้ชัดเจนว่าตัวเองคือป่ายฉี ทั้งหมดนี้คือการแสดงละคร เป้าหมายสุดท้ายก็คือช่วยโห้หลีเฉินออกมา
เพียงแต่อารมณ์ของอย่างนี้ ตอนที่สะกดจิต ถึงจะแสดงได้สมจริง เข้าถึงบทบาท ทำให้คนอื่นไม่เห็นข้อผิดพลาด
แต่ตอนนี้ เขาเพียงแต่ได้รับผลจากการสะกดจิต มองโห้หลีเฉินแล้วขัดหูขัดตา มองเย้นหว่านค่อนข้างหงุดหงิด…
“แต่ว่า” ป่ายฉีนึกอะไรขึ้นมาได้ สายตาจ้องมองโห้หลีเฉินเจ็บปวด “นายดูออกว่าเป็นฉันตอนไหน”
เห็นได้ชัด โห้หลีเฉินตั้งแต่เห็นหน้าครั้งแรก ก็ยืนยันได้เกือบร้อยเปอร์เซ็นต์ว่าคนนั้นคือเย้นหว่าน
ถึงได้ทำตัวเป็นพิเศษกับเย่ซือซือ
แต่ย้อนคิดดีๆ แล้ว ตั้งแต่แรก โห้หลีเฉินไม่ชอบหน้าเขา ราวกับเป็นศัตรูหัวใจจริงๆ
เขาถูกสะกดจิตถึงเป็นอย่างนี้ โห้หลีเฉินล่ะ รู้สึกจริงๆ!
โห้หลีเฉินสีหน้าเหมือนเดิม “ตอนที่นายจับตัวแรบบิทหนีไป”
ป่ายฉีสีหน้าเปลี่ยนไปทันที ตวาดอย่างมีอารมณ์
“ตอนนั้นนายเพิ่งแน่ใจว่าเป็นข้าหรือ งั้นตอนที่นายสั่งให้เว่ยชีฆ่าฉัน ก็ต้องการจะฆ่าฉันจริงๆ หรือ”
โห้หลีเฉินเม้มริมฝีปากบาง ไม่ตอบคำถาม
ไม่ตอบ แปลว่ายอมรับ
“โห้หลีเฉิน ไอ้บ้ากล้าคิดจะฆ่าฉัน!”
ป่ายฉีโกรธจนลุกพรวด จนเข้ากับหลังคารถ เจ็บจนกัดฟันคลำหัวป้อยๆ
สายตาที่มองโห้หลีเฉิน ใกล้จะโกรธจัดแล้ว
อยากจะพุ่งเข้าไปบีบคอเขาให้ตาย
เขาคิดว่า คนฉลาดอย่างโห้หลีเฉิน ถ้าหากเห็นเย้นหว่านครั้งแรกก็รู้แล้ว จะต้องมองเขาทะลุปรุโปร่งแน่
แต่โห้หลีเฉินไม่ได้เป็นอย่างนั้น และคาดไม่ถึงเกือบจะฆ่าเขา
ป่ายฉีโกรธจนหายใจติดขัด
โห้หลีเฉินตอบสีหน้าเรียบเฉย “คนที่ฉันอยากจะฆ่าคือเสิ่นเคอหานต่างหาก”
คำอธิบายนี้ไม่ว่อกแว่กสักนิดเดียว
แต่ความโกรธของป่ายฉี จุกอยู่ที่อกไม่คลายไปไหน
รู้สึกว่าหายใจไม่ออกจนทนไม่ไหว
เขาพูดขึ้นไม่พอใจ “ทำไมแป๊บเดียวนายก็ดูเสี่ยวหว่านออก แต่ดูฉันไม่ออกนี่นะ นายไม่รู้สึกว่าคนที่มาคู่กับเธอได้ จะต้องไม่ใช่คนธรรมดาหรือไง”
สายตาอ่อนโยนของโห้หลีเฉินมองภรรยาในอ้อมกอด จากนั้น เขาก็มองป่ายฉีตรงไปตรงมา พูดอย่างเป็นธรรมชาติที่ทำให้คนฟังโกรธจนกระอักเลือด