สัญญารัก คบกับประธานฮั่ว30วัน - บทที่ 1131 เธอไม่มีทางทำร้ายฉัน
“ฉันเคยคิด แต่ว่า ทุกครั้งที่เห็นสายตาที่นายมองเสี่ยวหว่าน ที่ฉันคิดมากที่สุดก็คือ จะทารุณนายยังไงถึงจะเจ็บกว่ากัน”
สายตาของโห้หลีเฉินจริงจังมาก ไม่มีท่าทีว่าหลอกลวงเลย
เป็นคำที่พูดออกมาจากใจทั้งนั้น
ตัวของป่ายฉี สั่นอย่างควบคุมไม่ได้ ขนลุกและหนาวสั่นไปหมด
ทำไมหัวใจที่อิจฉาของผู้ชายถึงได้น่ากลัวขนาดกะพริบตา?
สติของโห้หลีเฉินถูกหมากินหมดแล้ว
“แล้วทำไมนายถึงรู้ว่าหลังจากที่ฉันลักพาตัวแรบบิท ก็มั่นใจว่าเป็นฉันเลยล่ะ?ฉันลักพาตัวลูกสาวของนาย นายไม่ควรจะยิ่งเป็นกังวลจนอยากจะฆ่าฉันหรอ?”
ป่านฉีพูดต่ออย่างไม่ตายใจ “หรือว่า เรื่องที่เกี่ยวกับลูกสาว จะไม่อิจฉาแล้ว ก็เลยทำให้สมองของนายสว่างขึ้นมาทันที?” โห้หลีเฉินส่ายหัวแล้วมองไปที่เย้นหว่าน ด้วยสายตาที่ลึกซึ้งและหลงใหล
เขาพูดเบาๆ ว่า “เพราะว่าตอนนั้นเย้นหว่านได้ขอร้องฉันว่าอยากจะเจอหน้านายครั้งสุดท้าย ในสถานการณ์อย่างนั้น เย้นหว่านไม่มีทางอยากเจอนายอย่างเดียวแน่ ฉันรู้ว่าเธอมีแผนที่จะหนี แต่เธอกลับอยากจะพานายไปด้วย นั้นก็หมายความว่า นายเองก็เป็นพวกเดียวกัน”
ป่ายฉีพูดอะไรไม่ออกแล้ว
ตอนที่ไอคิวสมองติดลบ เป็นเพราะเย้นหว่าน ตัดสินใจได้อย่างมีสติ ก็เป็นเพราะว่าเย้นหว่าน
ในตาและใจของโห้หลีเฉิน มีแค่เพียงเย้นหว่านคนเดียว
เลี่ยนขนาดนี้ ไม่รู้สึกน่ารังเกียจหรอ?
ป่ายฉีเบะปากอย่างรู้สึกรังเกียจ ขี้เกียจสนใจเขาแล้ว
แต่ว่าในใจ กลับหงุดหงิดอย่างแรง มองไปทางเย้นหว่านอย่างอดไม่ได้ ความไม่พอใจในการถูกนอกใจยังทำให้รู้สึกไม่พอใจเป็นอย่างมาก
เย้นหว่านมองผู้ชายตรงหน้าด้วยสายตาที่ร้าวร้อน เธอรู้สึกได้ถึงใจของเขา ทุกอย่างของเขา
เธอยิ้มแล้วพูดว่า : “นายเชื่อฉันขนาดนี้เลยหรอ?นายไม่รู้ด้วยซ้ำว่าแผนของฉันคืออะไร ก็จะเดินตามฉันไป ไม่กลัวว่าฉันจะเกิดข้อผิดพลาดอะไรเลยหรอ?”
โห้หลีเฉินส่ายหน้า “เธอไม่มีวันทำร้ายฉัน”
เย้นหว่านรู้สึกอยากร้องไห้ “ตอนที่ฉันฉีดยาอัมพาตใส่นาย ในใจได้ต่อสู้กันอย่างจริงจัง มันคือเรื่องจริงๆ ที่ฉันดิ้นรนอยู่ในขอบของการทำร้ายนาย นายต้องมองออกอยู่แล้วใช่ไหม แต่ในเมื่อเป็นแบบนั้น นายก็ยังเชื่อฉันอยู่ใช่ไหม?”
เพื่อการแสดงที่สมจริง เย้นหว่านก็ต้องสะกดจิตตัวเองว่ายาเหล่านั้นก็คือยาที่ทำร้ายโห้หลีเฉินจริงๆ ให้เขาใช้แล้ว เขาก็อัมพาตจริงๆ แล้ว
อารมณ์และความลังเลทุกอย่างของเธอ ก็ได้แสดงออกมาตรงหน้าของหยูฉู่สอง
เลยทำให้ตอนที่พูดขอหนีไปกับหยูฉู่สอง หยูฉู่สองไม่มีความลังเลอะไรเลย
โห้หลีเฉินพยักหน้าอย่างไม่มีความลังเล ใช้นิ้วเตะที่จมูกของเย้นหว่านอย่างหลงใหล
“ฉันเชื่อเธอ”
คำง่ายๆ เพียงสามคำ ถึงแม้ว่าเธอจะเอามีดวางไว้ที่คอของเขา ก็เชื่ออย่างแน่วแน่
ขอบตาของเย้นหว่านก็ได้แดงอีกแล้ว
ประทับใจ
เธอได้เอาหัวมุดเข้าไปในอ้อมกอดของเขาแล้วพูดอย่างสำลัก : “โห้หลีเฉิน ขอบคุณทุกอย่างของนายนะ”
เชื่อเธอ
รักเธอ
ถ้าไม่ใช่อย่างนี้ แผนครั้งนี้ ไม่มีทางสำเร็จแน่
ถ้าเขาไม่เชื่อเธอ ก็ไม่มีทางให้เธอล่องเรือตามน้ำไปในการทำให้เสิ่นเคอหานหึง ให้เสิ่นเคอหานใส่ยาลงไปในยาที่ใช้ในการรักษาขาของโห้หลีเฉิน
ถึงแม้ว่าหลังจากที่เสิ่นเคอหานถูกกักขัง ก็ยังคิดเรื่องการวางยาอยู่ โห้หลีเฉินกลับอะไรก็ไม่ได้พูดอีกเลย
เธอเป็นคนวางยา ถึงแม้ว่าจะเอาชีวิตของเขา ให้เขาอัมพาต เขาก็ไม่สนใจ
จะแบกรับไว้ทั้งหมด
……
ตอนที่ใกล้จะเที่ยงคืน พวกเขากว่าจะถึงหน้าบ้านของหมอสะกดจิต
ที่นี่เป็นหมู่บ้านแถบชานเมือง ทุกครัวเรือนมีสวนหน้าบ้านของตัวเอง ดอกไม้เบ่งบาน สวยงามมาก เหมาะแก่การใช้ชีวิตหลังจากเกษียณได้อย่างสบายๆ
และหมอสะกดจิตท่านนี้ ก็ได้ย้ายมาที่นี่หลังจากเกษียณ
พวกเขาเดินมาถึงหน้าสวน ก็ได้กดกริ่งประตู
จากนั้น ประตูไม้หน้าสวนก็ถูกเปิดออกด้วยรีโมทคอนโทรล เย้นหว่านเข็นโห้หลีเฉินเดินเข้าไปก่อน
ในเวลาเดียวกัน ประตูห้องก็ถูกเปิดออก สาวน้อยในชุดกระโปรงสีชมพู เหมือนกับผีเสื้อที่บินออกมาจากด้านใน
เธอวิ่งไปด้วยตะโกนไปด้วย “เสี่ยวหว่าน ยินดีต้อนรับกับการประสบความสำเร็จของเธอ”
เย้นหว่านมองท่าทีที่สะเพร่าของแองเจล่า จอยท์ กลัวว่าเธอจะล้มมากเลย ก็เลยรีบตะโกนว่า : “ระวังหน่อย……”
และแล้ว ยังไม่ทันพูดจบ แองเจล่าก็ชนใส่ที่รถเข็นของโห้หลีเฉินเลย ก็ได้สูญเสียการควบคุมไปทันที ก็ได้กระโจนเข้าหาโห้หลีเฉิน
เย้นหว่านตกใจจนกลั้นหายใจไปทันที มองแองเจล่าที่กระโจนไปทางโห้หลีเฉิน อยากจะดึงเธอไว้ก็ไม่ทันแล้ว
สายตาของโห้หลีเฉินเย็นชาขึ้นมาทันที รีบออกมือกดไหล่ของแองเจล่าไว้ หยุดเธอไว้ด้วยความห่างของแขน
แองเจล่าถึงได้ควบคุมตัวไม่ให้ล้มลงไปได้อย่างฉิวเฉียด
แต่เป็นเพราะว่าตำแหน่งที่เธออยู่ ยืนไว้อย่างเอียงๆ ลุกขึ้นไม่ได้เลย ส่วนข้างหน้า ก็ได้เห็นใบหน้าที่หล่อและโกรธจัดของผู้ชายตรงหน้า
ชั่วพริบตา เธอก็บ้าผู้ชายขึ้นมาทันที
“หล่อจังเลย…….”
ตลอดชีวิตนี้ของเธอ ยังไม่เคยเห็นผู้ชายที่หล่อเหลาขนาดนี้มาก่อน หล่อกว่าพวกดาราในทีวีหลายร้อยเท่า
หล่อจนไม่เหลือคนแล้ว เป็นพระเจ้า
ขนาดขมวดคิ้ว สีหน้าที่เย็นชาและโกรธก็ยังเสน่ห์มากขนาดนี้
“ออกไป!”
โห้หลีเฉินพูดอย่างเย็นชา สีหน้าเต็มไปด้วยความรังเกียจที่จะพังลง
เขาเกลียดที่ผู้หญิงเข้าใกล้และสัมผัส ตั้งแต่แรกจนถึงตอนนี้ ไม่เคยเปลี่ยน
แต่ว่าตอนนี้ ไหล่ของเขายังกดไหล่ของแองเจล่าไว้ ความสัมผัสนั้น ทำให้เขาทนไม่ไหว
เย้นหว่านพึ่งรู้สึกตัวจากการตกใจ รีบยื่นมือไปดึงแองเจล่าขึ้นมา
เธอมองไปหาโห้หลีเฉินอย่างรู้สึกไม่ดี “นายไหวไหม?”
สีหน้าของเขาซีดและดูไม่ดีเลย
โห้หลีเฉินเม้มปากไม่ได้พูด เอาผ้าเช็ดสีขาวออกมา เช็ดตรงไหลที่ถูกแองเจล่าสัมผัสเมื่อกี้
เช็ดอย่างแรงมาก เหมือนว่าบนนั้นเป็นเชื้อที่อันตรายถึงชีวิต
เย้นหว่านทั้งเป็นห่วงโห้หลีเฉิน และขายหน้ามาก แองเจล่ายังยืนมองอยู่ตรงนี้
เธอมองไปหาสาวน้อยอย่างรู้สึกเกรงใจแล้วพูดว่า : “แองเจล่า ไม่ต้องใส่ใจนะ เขาเป็นแค่ย้ำคิดย้ำทำของเจ้าโรคกลัวเชื้อ……”
“ไม่เป็นอะไร หนูรู้ นี่เป็นโรคกลัวเชื้อทางจิต……”
ใครจะไปคิดว่า แองเจล่าไม่คิดอะไรเลยแม้แต่น้อย แต่กลับมองโห้หลีเฉินด้วยสายตาที่เร่าร้อน “สมกับที่เป็นคนหล่อจริงๆ ขนาดท่าทางที่เช็ดมืออย่างน่ารังเกียจ ยังหล่อจนเหมือนกับภาพเลย
เย้นหว่าน: “……”
คนที่หล่อไม่จำเป็นต้องมีเหตุผลจริงๆ ด้วย
ดูเหมือนว่าแองเจล่าก็ไม่ต้องปลอบแล้ว
เย้นหว่านเองก็วางใจแล้ว ก้มหน้ามองโห้หลีเฉินที่เช็ดมืออย่างไม่พอใจ เหมือนกับว่าจะเช็ดหนังให้ถลอกไปชั้นหนึ่งเลย เธอมองอย่างเป็นห่วง
เธอก้มลงหยิบผ้าเช็ดของเขามา ใช้มืออีกข้างจับมือของเขาไว้ ก็ได้ช่วยเขาเช็ดอย่างเบาๆ
โห้หลีเฉินมองเย้นหว่าน “ถ้าจูบเธอสักสองที บางทีผลอาจจะดีกว่านี้”
หน้าของเย้นหว่านแดงขึ้นมาทันที
ยังล้อเธอเล่นต่อหน้าคนนอก
แองเจล่ากลับเบิกตาโตอย่างตะลึง มองมือที่จับกันไว้ของเย้นหว่านและโห้หลีเฉิน
เธอร้องลั่นว่า : “ทำไมเธอถึงสัมผัสเขาได้?”