สัญญารัก คบกับประธานฮั่ว30วัน - บทที่ 1136 หยูเซิงจือซิน
ที่แท้ เด็กคนนี้ได้จดจำหน้าตาของแม่ไว้ในใจแล้ว มีแค่หน้าตานี้ ถึงจะเป็นหม่ามี๊ที่เธอยอมรับ
ในใจของเย้นหว่านเหมือนมีความสุขไหลอยู่ในตัวอย่างอุ่นๆ
ตาของเธอแดง กอดกับลูกสาวไว้ คอยสัมผัสความรักที่หายไปนานถึง 1 ปีกว่า
โห้หลีเฉินมองพวกเธอไว้ สายตาที่อ่อนโยนนั้นเหมือนจะร้องไห้ออกมาแล้ว ผู้หญิงสองคนนี้ ก็คือของล้ำค่าที่เขาต้องรักษาไว้ในชาตินี้
เย้นหว่านและแรบบิทร้องไห้จนตาบวมกันหมด ถึงได้สะอื้นและหยุดลง
เย้นหว่านอุ้มแรบบิทไปนอนบนเตียง
โห้หลีเฉินกอดเธอไว้ เธอกอดแรบบิทไว้ พวกเธอทั้งสองคน ถูกแขนยาวๆ ของโห้หลีเฉินกอดไว้ตรงกลาง
เย้นหว่านรู้สึกว่าเธอเป็นคนที่มีความสุขที่สุดในโลกเลย
“ที่รัก” ปากของโห้หลีเฉินพิงไว้ที่ข้างหูของเย้นหว่าน พูดเบาๆ ว่า “ลูกชายของพวกเราชื่ออะไรดี?”
พูดถึงเด็กคนนั้น เย้นหว่านเต็มไปด้วยความหลงใหล
เธอพูด “ชื่อโห้หยูเซิง ชื่อเล่นเนี่ยนเนี่ยน”(หยูเซิงแปลว่าในชีวิตที่เหลือ เนี่ยนเนี่ยนแปลว่าคิดถึง)
จะว่าไป ชื่อเย่ซือซือก็เพราะเหมือนกัน ซือซือเนี่ยนเนี่ยน เป็นความรักและความคิดถึงของสองแม่ลูกที่มีต่อสองพ่อลูก
“ชื่อเพราะมาก” โห้หลีเฉินชมอย่างไม่ตำหนิแม้แต่น้อย
โห้หยูเซิง ลูกชายของเขา
แรบบิทนอนอยู่ในอ้อมกอดของเย้นหว่าน กะพริบตา “แรบบิทแซนด์วิชเองก็อยากมีชื่อที่น่าฟังเหมือนกับพี่ชาย”
เย้นหว่านอึ้งไปเลย หันไปมองโห้หลีเฉินอย่างประหลาดใจ
“นายยังไม่ได้ตั้งชื่อให้เธอหรอ?”
เรียกว่าแรบบิทมาโดยตลอด เธออยู่ตระกูลหยูก็ถามไม่สะดวก ก็เลยไม่ได้คิด ผู้ชายเลี้ยงเด็กนี่ไม่ได้เรื่องถึงขั้นนี้เลยหรอ ขนาดชื่อก็ไม่มี
ในตาของโห้หลีเฉินรู้สึกผิดเล็กน้อย “ชื่อของแรบบิท อยากรอให้เธอมาตั้ง”
หรอ?
เย้นหว่านไม่ค่อยเชื่อ แต่มองแรบบิท กลับเต็มไปด้วยแสงสว่าง
“ตอนนั้นที่ฉันคิดชื่อให้หยูเซิง ก็ได้คิดชื่อของลูกสาวไปด้วย คิดว่าต่อไปถ้ามีโอกาสได้ตั้งชื่อให้เธอก็ดี นายกลับให้โอกาสนี้กับฉัน”
เย้นหว่านจับหน้าน้อยๆ ของแรบบิทไว้ แล้วพูดอย่างอ่อนโยนว่า : “ช่วงเวลาดีๆ ชีวิตที่เหลือเข้าใจกัน ลูกชื่อโห้จือซิน ชอบไหม?”
“โห้จือซิน”
แรบบิทได้อ่านชื่อตาม จากนั้นก็ได้พยักหน้าอย่างชอบใจ “หนูชอบมาก เย้ ต่อไปหนูก็ชื่อโห้จือซินแล้ว”
โห้หลีเฉินมองเย้นหว่านด้วยสายตาที่หลงใหล ยื่นมือไปขยี้หัวของลูกสาวตัวเอง
“โห้จือซิน เพราะดี”
แรบบิทได้ชื่อที่ชอบแล้ว ก็ได้สนิทกับเย้นหว่านเข้าไปใหญ่ มือน้อยๆ ของเธอได้กอดเธอไว้ แล้วพูดด้วยเสียงที่อ่อนนุ่มว่า : “หม่ามี๊ เมื่อไหร่หนูถึงจะได้เจอพี่ชายหรอ?หนูอยากเจอพี่ชายมากเลย เขาโตเท่าหนูใช่ไหม”
อาจจะเป็นเพราะว่าเชื้อสายเดียวกัน หรืออาจจะเป็นเพราะว่าเด็กๆ ชอบคนรุ่นเดียวกัน แรบบิทมีความอยากรู้อยากเห็นและคาดหวังต่อพี่ชายของตัวเองมาก แต่ว่า……..
เย้นหว่านใต้ตามืด จากนั้นก็ได้พูดยิ้มแล้วพูดกับเธอว่า : “รออีกไม่กี่วัน รอให้พวกเราจัดการเรื่องที่นี่เสร็จแล้ว หม่ามี๊ก็จะพาหนูกลับไปเจอพี่ชายที่บ้านเอง”
“ได้คะ”
แรบบิทพยักหน้าอย่างเชื่อฟัง ตั้งตารอเป็นอย่างมาก
รอยยิ้มบนหน้าของโห้หลีเฉินกลับหายไปเล็กน้อย เขามองจากการแสดงออกของสีหน้าที่ละเอียดอ่อนของเย้นหว่าน เห็นปัญหาออกเล็กน้อย
เหมือนว่าสถานการณ์ของโห้หยูเซิง ไม่ได้ดีขนาดนั้น
แต่ว่าตอนนี้แรบบิทอยู่ที่นี่ ถึงแม้ว่าในใจจะสงสัยหนักมาก แต่ก็ไม่ดีถามออกมา
นอนอยู่ที่อ้อมกอดของสามี กอดลูกสาวสุดที่รักไว้ คืนนี้เย้นหว่านนอนหลับฝันดี สบายมาก
เธอคิดว่าการนอนครั้งนี้จะได้นอนตื่นสายซะอีก เพราะเธอไม่ได้นอนอย่างสบายใจแบบนี้มานานมากแล้ว ต้องการพักผ่อนดีๆ
คิดไม่ถึงว่า ตอนที่ฟ้าพึ่งสว่าง ก็ถูกเสียงเคาะประตูที่รีบร้อนทำให้ตกใจตื่น
“เสี่ยวหว่าน ตื่นมากินข้าวเช้าได้แล้ว”
เป็นเสียงของแองเจล่า เร่าร้อนจนเหมือนกับนกกระจอกที่พูดมาก น่ารำคาญยิ่งกว่านาฬิกาปลุกซะอีก
เย้นหว่านลืมตาขึ้นอย่างช่วยไม่ได้ ก็เห็นโห้หลีเฉินตื่นขึ้นมานานแล้ว และได้ใส่เสื้อผ้านั่งอยู่ที่รถเข็นเรียบร้อยแล้ว
เขากำลังมองเธอแล้วยิ้มอย่างอ่อนโยน
แสงอาทิตย์ตกอยู่บนตัวของเขาพอดี ตากแสงแดด ก็เป็นทิวทัศน์ที่สวยงาม
เย้นหว่านมองจนเพลิดเพลินแล้ว ตั้งแต่เช้าแล้ว เป็นอาหารตาที่ดีจริงๆ สวยงามอย่างกับฝันเลย
“หม่ามี๊ หม่ามี๊น้ำลายไหลแล้ว”
ในเวลานี้เอง ตัวของเด็กน้อยก็ได้พิงอยู่บนตัวของเย้นหว่าน มือน้อยๆ ก็ยังชี้ที่ปากของเธอไว้
เย้นหว่านหน้าแดงขึ้นมาทันที รีบเอามือไปเช็ดปากของตัวเอง รู้สึกขายหน้ามากเลย
ทำไมถึงแสดงหน้าตาที่โง่ของตัวเองต่อหน้าลูกสาวแบบนี้ล่ะ?
เย้นหว่านรีบลุกขึ้นมานั่งบนเตียง ยังอุ้มเด็กน้อยที่ใส่ชุดนอนไว้ใรอ้อมกอด
“นายตื่นมาตอนไหนเนี่ย?” พูดไป เย้นหว่านมองไปทางโห้หลีเฉิน เหมือนจะเอาคืน ถามไปว่า “ทำไมนายไม่ล้างหน้าและเปลี่ยนเสื้อผ้าให้เธอ?”
โห้หลีเฉินยิ้ม “แรบบิทเห็นเธอยังไม่ตื่น บอกว่าจะนอนเป็นเพื่อนเธอ ไม่อยากให้เธอนอนคนเดียวโดดเดี่ยวเกินไป”
หน้าของเย้นหว่านก็แดงขึ้นกว่าเดิมทันที
เธอเอาคืนไม่สำเร็จ ทำได้เพียงมองไปที่ลูกสาวอีกครั้ง “หม่ามี๊พาลูกไปอาบน้ำดีไหม?”
“อื้ม!”
แรบบิทกระโดดลงมาจากเตียงอย่างมีชอบใจ จากนั้นก็ได้วิ่งไปที่ห้องน้ำอย่างกระฉับกระเฉง
เย้นหว่านเดินตามข้างหลังอย่างไม่รีบไม่ร้อน
ตอนที่เดินผ่านข้างโห้หลีเฉิน เธอได้หยุดลง แล้วมองผู้ชายที่แต่งตัวดีๆ แต่ยั่วคนเหลือเกินไว้
“นายใส่เสื้อผ้ายังไงเนี่ย?ถึงได้เรียบร้อย……ขนาดนี้”
ถ้าไม่ใช่รู้ว่าเขาอัมพาตไปทั้งตัว เธอเองก็ไม่เชื่อว่าเขาจะสามารถช่วยตัวเองได้ดีขนาดนี้
เดิมทีเธอยังคิดอยู่ รอให้เธอฟื้นแล้ว จะช่วยเขาล้างหน้าเปลี่ยนเสื้อผ้าอยู่เลย
แต่ผลกลับเป็นว่าคุณโหไม่ต้องการ
โห้หลีเฉินยกมือขยี้ผมของเย้นหว่าน เต็มไปด้วยความหลงใหล “ถ้าเธออยากรู้ ครั้งต่อไป ก็พยายามตื่นให้เร็วหน่อยนะ”
เย้นหว่านทบทวนไปสักพัก “ฉันไม่ค่อยอยากรู้เท่าไหร่แล้ว”
นี่เป็นครั้งแรกที่เย็นหว่านดูแลแรบบิท อาบน้ำให้เธอ เปลี่ยนเสื้อผ้าให้เธอ ทุกขั้นตอนไม่ค่อยถนัดเลย เกิดข้อผิดพลาดขึ้นบ้างเล็กน้อย สุดท้ายก็จัดการแรบบิทเสร็จแล้วอย่างยากลำบาก
โห้หลีเฉินมองเธอไว้อย่างมีความหมายลึกซึ้ง “เธอไม่มีประสบการณ์ในการดูแลเด็ก?”
ถึงแม้ว่าจะเป็นคำถาม แต่กลับเป็นน้ำเสียงที่แน่วแน่มาก
เย้นหว่านรู้สึกอาย รู้ความหมายในสิ่งที่เขาถามว่าคืออะไร
เธอตอบตามความจริง : “เพราะว่าฉันเรียนแพทย์ ยุ่งเป็นส่วนใหญ่ เวลาที่อยู่กับหยูเซิงก็เลยน้อยมาก ดังนั้นเรื่องพวกนี้ แทบจะเป็นแม่ของฉันที่ทำ”
หรือพูดอีกอย่างก็คือ เธอไม่ค่อยได้ดูแลโห้หยูเซิง ก็ต้องไม่ชำนาญเป็นธรรมดา
แม้กระทั่ง…….
แววตาของเย้นหว่านสั่นไหว ได้ปกปิดความรู้สึกทั้งหมดไว้ บนหน้ากลับยิ้มไว้
โห้หลีเฉินมองเธอ แล้วเม้มปาก ไม่ได้ไล่ถามอะไรต่อ
เขายื่นมือไปจูง แรบบิท “ไป พวกเราไปกินอาหารเช้ากัน”
แรบบิทมือข้างหนึ่งจูงมือของโห้หลีเฉิน จากนั้นก็ได้โบกมืออีกข้างไว้ “หม่ามี๊”
เย้นหว่านมองเธอไว้ รู้สึกอุ่นใจเป็นอย่างมาก
เธอจูงมือของเธอไว้ แล้วเดินไปข้างหน้าพร้อมกัน
แองเจล่าได้ทำอาหารเช้าได้เต็มโต๊ะ สลัดขนมปังฝรั่ง ดูน่ากินและน่าอร่อยมากเลย
ถ้าไม่ใช่ว่าก่อนหน้านี้ในระหว่างเย้นหว่านและป่ายฉีอาศัยอยู่ที่นี่ ยังไม่เคยเจอกับข้าวที่อลังการขนาดนี้มาก่อนเลย