สัญญารัก คบกับประธานฮั่ว30วัน - บทที่ 1146 หยุดได้ทันเวลา
เย้นหว่านขอบตาร้อนผ่าว ในใจทั้งเจ็บและอบอุ่น
เธอสูดจมูก แล้วพูดด้วยน้ำเสียงสั่นคลอนว่า: “ในรถมีโน้ตบุ๊กไหม?”
“มีเครื่องใหม่หนึ่งเครื่องครับ”
เว่ยชีบอกตำแหน่ง เย้นหว่านก็หยิบโน้ตบุ๊กขึ้นมา
เธอเคยอยู่ข้างๆโห้หลีเฉินตอนที่เขาติดต่อกับเว็บข่าว เคยเห็นเว็บข่าวนี้และคุ้นเคยกับมันบ้างแล้ว
ไม่นานเธอก็เข้าติดต่อกับผู้รับผิดชอบข่าวสารลับนี้ได้
พวกเขาเห็นเธอแล้ว ก็ไม่ได้ทำการปฏิเสธอะไร รับคำสั่งของเย้นหว่านมาอย่างรวดเร็ว และเริ่มปฏิบัติหน้าที่ทันที
เว่ยชีเห็นเย้นหว่านจ้องหน้าจอโน้ตบุ๊กไม่ห่างไปไหน ก็เลยปลอบใจเสียงเบาว่า:
“ถ้ามีเบาะแสแล้ว จะทำให้ตรวจสอบได้มากขึ้น เชื่อใจพวกเขาเถอะครับ ไม่นานผลจะออกมาเอง”
เย้นหว่านพยักหน้า
ต่อมา เสียงผู้ชายด้านในโน้ตบุ๊กก็ดังขึ้น
“คุณนายครับ ตรวจเจอแล้ว”
เย้นหว่านตาเปล่งประกายขึ้นอย่างตื่นเต้น และรีบถามว่า: “คือใคร?”
“เก้าสิบเปอร์เซ็นต์แน่ใจว่าน่าจะเป็นสมาคมการแพทย์ขององค์การใต้ดินในสหพันธ์โลก สายสืบของเราที่แอบแฝงตัวอยู่ในนั้นพบว่าพวกเขาได้วิจัยยาสลบที่มีสารสกัดที่เข้มข้นมาเป็นพิเศษ ยาสลบนี้แม้จะอยู่ในพื้นที่ที่กว้างและลมพัด ก็สามารถทำให้คนรอบข้างสลบได้ครับ อีกอย่างวันนี้พวกเขาก็สั่งกำลังคนกลุ่มเล็กมาวาง จุดหมายปลายทางน่าจะเป็นที่ที่พวกคุณอยู่ครับ”
แทบจะแน่ใจได้แล้วว่าใครเป็นคนทำ
เย้นหว่านรีบถามว่า “งั้นตรวจสอบที่อยู่ตอนนี้ของพวกเขาได้ไหม? องค์กรของพวกเขาอยู่ไหน?”
“ตรวจเจอแล้วครับ ตอนนี้พวกเขากำลังอยู่ในทางกลับ กำลังขับรถอยู่ที่เส้นทาง KK576 ยังเหลือเวลาอีกสามสิบนาทีจะถึงที่จอดเครื่องบิน คุณนายครับ จะต้องไปหยุดพวกเขาให้ได้ก่อนที่พวกเขาจะขึ้นเครื่องบิน ไม่งั้นถ้ากลับไปถึงองค์กร อยากจะลงมือคงเป็นไปได้ยากครับ”
พอได้รับข่าวที่แน่ชัดแล้ว เย้นหว่านก็สบายใจขึ้นมาไม่น้อย
เธอรีบตรวจหาเส้นทาง ให้เว่ยชีขับรถไปยังสนามบินที่ใกล้ที่สุด พวกเขาจะนั่งเครื่องบินไม่หยุด
ในขณะเดียวกัน ก็ให้คนอื่นมารับช่วงต่อ ให้ทุกคนคิดหาวิธีไปทางนั้นให้ได้
พอจัดการเสร็จสรรพแล้ว เย้นหว่านก็โทรศัพท์หาป่ายฉี ถามตำแหน่งของเขาตอนนี้
ที่ทำให้เธอตกใจก็คือ ป่ายฉีตามไปตั้งนานแล้ว เขาแค่ไล่ตามไปก็รู้ตำแหน่งที่พวกนั้นจะไปกันแล้ว และตอนนี้เขาก็ห่างจากเส้นทาง KK576 ไม่ไกลมากด้วย
แต่ป่ายฉีต้องไล่ตามไปจากด้านหลัง ก็เว้นระยะห่างไปเยอะมาก จะไล่ตามให้ถึงหายในครึ่งชั่วโมง เป็นเรื่องที่ไม่ง่ายเลย
เย้นหว่านใช้โน้ตบุ๊ก รีบหาเส้นทางลัดให้ป่ายฉีอย่างรวดเร็ว
“นายอ้อมไปทางนี้ จะสามารถขวางรถพวกเขาได้ แต่ด้านในน่าจะมีคนชุดดำอย่างน้อยสองคน ตัวพวกมันยังมียาสลบสูตรเข้มข้นด้วย นายอย่าต่อกรกับพวกเขาซึ่งๆหน้า พยายามยื้อเวลาพวกเขาให้ได้มากที่สุด เพื่อรอพวกเราไปถึง”
“วางใจได้ ฉันจัดการเอง”
ป่ายฉีตัดสายไปอย่างมั่นใจ
เขามีฝีมือการต่อสู้ที่ไม่เลว จะต้องขวางรถคันนั้นไว้ได้แน่นอน
เครื่องบินในช่วงนี้เตรียมไว้ให้พวกของเย้นหว่านตลอด เย้นหว่านขึ้นไปนั่งบนเครื่องบินที่ให้บินกลับตระกูลเย้น บินไปทางนั้นโดยตรง
เธอให้ป่ายฉีเปิดจีพีเอส แม้ในสถานการณ์ที่เขาต่อสู้จะไม่สามารถติดต่อได้ แต่ดูที่เขาจอดอยู่บนทางหลวงอยู่นาน ก็รู้แล้วว่า เขาน่าจะขวางรถพวกมันได้แล้ว
เครื่องบินขับไปทางนั้นโดยตรง
ตอนที่เข้าใกล้นั้น เย้นหว่านมองลงไปจากเฮลิคอปเตอร์ ก็เห็นถนนตรงกลางมีรถสองคันพุ่งชนกันอยู่ รถสองคันนั้นพุ่งชนกันจนไม่เหลือเค้าโครงเดิมเลย
ข้างๆรถไม่ไกลมาก มีคนชุดดำสองคนนอนราบอยู่บนนั้น ร่างกายพวกเขาเต็มไปด้วยคราบเลือดที่ยังไม่แห้ง
พวกเขาไม่ขยับเขยื้อนเลย เห็นได้ชัดว่าไม่มีลมหายใจแล้ว
ป่ายฉีก็หายใจถี่ตัวพิงอยู่ข้างรถ จัดการเสื้อเชิ้ตที่ยับยู่ยี่ หยิบบุหรี่ขึ้นมาหนึ่งมวนแล้วสูบมันขึ้นมา
“ฟู่——”
ตามด้วยเสียงใบพัดที่หมุนเสียงดัง เครื่องบินก็จอดถึงพื้นอย่างปลอดภัย
เย้นหว่านรีบวิ่งลงจากเครื่องบินอย่างอดใจไม่ไหว เธอวิ่งและตะโกนไปด้วยว่า “ป่ายฉี โห้หลีเฉินเป็นยังไงแล้วบ้าง?”
ป่ายฉีเห็นเย้นหว่านรีบวิ่งเข้ามาด้วยท่าทีที่ร้อนใจ เธอยังสวมเสื้อตัวนั้น บาดแผลบนตัวก็จัดการง่ายๆ บนตัวเต็มไปด้วยคราบเลือดทั้งหมด
เธอรีบวิ่งเข้ามา เหมือนกับผีเสื้อที่กำลังโผบินเข้ามา
ดูมีเสน่ห์และน่าหลงใหลมาก
แต่คำถามที่เธอถาม และคนที่เธอเป็นห่วง กลับทำให้เขารู้สึกเศร้าใจเล็กน้อย
ป่ายฉีสูบบุหรี่เข้าไปลึกๆหนึ่งที ถึงพูดขึ้นช้าๆว่า:
“ไม่เป็นไร เขานอนอยู่ด้านหลังนู้น”
ใจของเย้นหว่านที่ร้อนรนนั้น ก็รู้สึกโล่งทันที
เธอรีบวิ่งไปด้วยขอบตาที่แดงก่ำ ก็เห็นโห้หลีเฉินกำลังนอนอยู่เบาะหลังของรถ
ใบหน้าของเขาซีดเซียวเหมือนกระดาษขาว เขาหลับตาพริ้มขนตายาวเป็นแพ เปลือกตาก็มีสีดำอ่อนๆเกาะอยู่ ดูไปแล้วเหมือนเทพบุตรที่กำลังนอนหลับอยู่
เย้นหว่านตื่นเต้นจนไม่กล้าเข้าใกล้เขา “เขา สลบเหรอ?”
ป่ายฉีตอบเสียงเบา “อืม คนชุดดำวางยาเขาแรงมาก วันนี้ก็คงไม่ตื่นหรอก พรุ่งนี้ละก็ไม่แน่”
ความหมายก็คือ พรุ่งนี้ก็ตื่นแล้ว และยังปลอดภัยด้วย
ก้อนหินก้อนสุดท้ายที่ทับอยู่ในใจของเย้นหว่าน ในที่สุดก็ตกลงไปสักที
เธอรีบขึ้นรถ นั่งลงข้างๆโห้หลีเฉิน ลูบใบหน้าและตรวจสอบร่างกายของเขาอย่างละเอียด ตรวจสอบอย่างละเอียดดูว่าเขาถูกทำร้ายอะไรไหม ก็ถึงพยุงเขาขึ้นมาจากที่นั่งอย่างระมัดระวัง
เธอจัดการเผ้าผมที่ยุ่งเหยิงของเขา แล้วจุ๊บไปที่แก้มเขาเบาๆ
และพูดพึมพำด้วยน้ำเสียงที่สั่นคลอน “โชคดีที่นายไม่เป็นไร โชคดีที่ฉันตามนายทัน โห้หลีเฉิน นายทำให้ฉันตกใจมากเลยนะ”
ชายหนุ่มกำลังหลับใหล จึงไม่มีเสียงตอบรับใดๆจากเขา
เย้นหว่านกลับรู้สึกสบายใจมาก
เว่ยชีตามมาทีหลัง เห็นโห้หลีเฉินปลอดภัยดี ก็พ่นลมหายใจออกมายาวเลย
“โชคดีจริงๆ คุณผู้ชายไม่เป็นไร”
ว่าแล้ว เขาก็เข้าไปในรถ ช่วยเย้นหว่านพยุงโห้หลีเฉินจากซ้ายขวา ขึ้นไปบนเครื่องบิน
น้าเมย์กับแองเจล่าก็ยังหลับใหลอยู่บนรถ หลังจากที่เว่ยชีจัดการโห้หลีเฉินเสร็จแล้ว ก็ย้อนกลับไปแบกพวกเธอขึ้นมา
เขามองดูป่ายฉีที่ยังคงสูบบุหรี่อยู่ข้างๆรถ จึงตะโกนเรียกไปว่า:
“ป่ายฉี มาช่วยฉันหน่อย แบกคนละหนึ่งคน”
ป่ายฉีสูบถึงก้นบุหรี่
เขาเห็นว่าไม่มีบุหรี่แล้ว ก็รู้สึกรำคาญมาก เขาโยนก้นบุหรี่ลงพื้น แล้วใช้รองเท้าหนังของเขาเหยียบให้ดับ
“ไม่ว่าง แบกมาเอง” เขาเอามือสองข้างไว้ที่กระเป๋ากางเกงสองข้าง แล้วกลับหลังหันเดินขึ้นเครื่องบินไปอย่างสบายใจ
เว่ยชี: “……”
นายเป็นแบบนี้ตลอดเลย ปฏิเสธคนให้มันมีความจริงใจหน่อยไม่ได้หรือไง!
ป่ายฉีขึ้นเครื่องบินไป ก็นั่งลงตรงที่นั่งด้านหลังเย้นหว่าน
โห้หลีเฉินนอนซบลงบนตักเย้นหว่าน มือน้อยๆของเธอกำลังกอดเขาเอาไว้ แล้วเธอก็หันมาพูดกับป่ายฉีว่า:
“ทำไมถึงลงมือซึ่งๆหน้าเลยล่ะ? ไม่ได้บาดเจ็บตรงไหนใช่ไหม?”
ป่ายฉีสีหน้าเปลี่ยนไปเล็กน้อย แล้วก็หึในลำคออย่างหยิ่งๆ “ขยะสองตัวนั้น ไม่มีสิทธิ์มาทำร้ายฉันหรอกนะ”
ระหว่างที่พูดนั้น เขาก็ทายาห้ามเลือดลงไปบนบาดแผลข้อมือที่ลึกจนเห็นเนื้ออย่างเงียบๆ
เครื่องบินบินออกจากที่นี่ตลอดทั้งคืน
แต่เพราะบนเครื่องบินยังมีแองเจล่ากับน้าเมย์ จะทิ้งพวกเขาก็ไม่ได้จะพาพวกเขากลับไปตระกูลเย้นก็ไม่ได้อีก พวกเขาจึงต้องพักอยู่ในบ้านชาวบ้านธรรมดาไปก่อน
เช่าบ้านชาวบ้านธรรมดาอยู่กันชั่วคราว