สัญญารัก คบกับประธานฮั่ว30วัน - บทที่ 1149 อยากไป
เย้นหว่านชะงัก
เธอลังเลอยู่สามวินาที แล้วพูดอย่างตั้งใจว่า: “ตอนนี้นายก็สอนซะสิ ยังทันนะ”
ป่ายฉี: “…….” ทันใดนั้นเขาก็รู้สึกว่าตัวเองทำเองยังจะดีกว่าอีก
ภายใต้ความกดดันของป่ายฉีที่พยายามสอนเย้นหว่านทำแผล ผ่านไปครึ่งชั่วโมงกว่า ในที่สุดก็ทำแผลให้ป่ายฉีเสร็จสักที
เย้นหว่านมองดูแผลที่ถูกผ้าก๊อซห่อไว้ ขณะเดียวกันที่โล่งอกนั้นก็คิดมากขึ้นมาอีกครั้ง
เป็นเพราะเธอเขาถึงได้บาดเจ็บแบบนี้
ภารกิจการช่วยครั้งนี้ ป่ายฉีเสียสละเพื่อเธอกับโห้หลีเฉินเยอะมากจริงๆ
เดี๋ยวกลับไป เธอจะต้องตอบแทนเขาดีๆ เช่นหาแฟนให้เขาสักคน……
หลังจากทำแผลให้ป่ายฉีเสร็จแล้ว เย้นหว่านก็เดินไปด้านนอกเรียกแองเจล่า
แองเจล่าในตอนนี้กำลังถือโทรศัพท์ แล้วกดลงไปบนจออย่างบ้าคลั่ง ระหว่างคิ้วนั้น ก็มีความโหดแฝงอยู่
ถ้าไม่ใช่เพราะเธอถือโทรศัพท์อยู่ เย้นหว่านคงคิดว่า เธอถือมีดอยู่หนึ่งเล่มเสียอีก
“เสี่ยวหว่าน จัดการเสร็จหรือยัง?”
แองเจล่าสังเกตเห็นเย้นหว่าน ก็รีบเก็บโทรศัพท์ทันที เธอหันไปมองเย้นหว่านด้วยรอยยิ้มหวาน
เหมือนใบหน้าโหดเมื่อกี้ เป็นแค่ภาพหลอน
เย้นหว่านกะพริบตา แต่ก็ไม่ได้แสดงอะไรออกมามาก “อืม เธอเข้าไปเถอะ ให้ป่ายฉีตรวจดูอาการให้เธอหน่อย”
“ได้เลย”
แองเจล่าลุกขึ้นแล้วเดินเข้าไปด้านในทันที
ป่ายฉีใช้อุปกรณ์การแพทย์ในคลินิก แม้จะเก่าไปหน่อย แต่ก็ใช้แก้ขัดไปก่อนแล้วกัน
เขาตรวจสอบเสร็จแล้วก็ได้ข้อสรุปทันที
“ร่างกายของแองเจล่าดีไม่เท่าโห้หลีเฉิน ภูมิต้านทานต่ำ ดังนั้นผลข้างเคียงจากยาสลบจึงหนักไปหน่อย มีอาการเวียนหัวก็เป็นเรื่องปกติ จะต้องทานยารักษาควบคู่กันไป ไม่กี่วันก็คงกลับมาเป็นปกติ”
ได้ยินแล้ว แองเจล่าก็รู้สึกหงุดหงิด แล้วมองเย้นหว่านด้วยแววตารู้สึกผิด
“เสี่ยวหว่าน ขอโทษทีนะ ฉันผิดเอง เพราะฉัน พวกเธอเลยต้องอยู่ที่นี่ต่ออีกหลายวันเลย”
เย้นหว่านชะงัก
พูดถึงขั้นนี้แล้ว ถ้าเธอยังเอาหน้า ก็คงคล้อยตามไป นี่แค่เรื่องเล็กๆ แค่ไม่กี่วันเอง ไม่เป็นไรหรอก
แต่ใกล้จะได้กลับบ้านตระกูลเย้นอยู่แล้วเชียว แองเจล่าก็มามีใจต่อโห้หลีเฉินอีก และยังสืบไม่ได้เลยว่าคนถ่ายรูปเป็นใครแล้วแพร่กระจายออกไปได้ยังไง หลายสถานการณ์มารวมกันแล้ว ทำให้เย้นหว่านไม่อยากอยู่ที่นี่อีกต่อไปแล้ว
เธอคิดว่า ขอแค่กลับไปบ้านตระกูลเย้นให้เร็วที่สุด นั่นเป็นวิธีการเดียวที่ปลอดภัยที่สุดสำหรับพวกเขา
เย้นหว่านเม้มปากบาง “เรื่องนี้ฉันจะจัดการเอง เธอพักผ่อนให้ดีก็พอ”
คำพูดนี้ทำให้แองเจล่าแปลกใจ เธอจึงถามอย่างสงสัยว่า “เธออยากจัดการยังไงเหรอ?”
เย้นหว่านมองดูป่ายฉี ป่ายฉีก็เข้าใจแล้วพูดว่า:
“ปริมาณยาฉันจะจัดให้เธอพอกินหลายวัน ช้าสุดพรุ่งนี้คนของฉันก็จะมาถึงที่นี่ ถึงตอนนั้นให้พวกเขาปกป้องพวกเธอ แค่นี้ก็ได้แล้วล่ะ”
ว่าแล้ว ป่ายฉีก็ยังพูดเสริมต่อแองเจล่าอีกว่า “วางใจได้ พวกเธอจะปลอดภัยแน่นอน”
แองเจล่ากำลังจะพูดนั้น ก็ต้องกลืนคำพูดนั้นลงไป
เห็นได้ชัดว่าเธอดูตกใจมาก ไม่คิดว่าเย้นหว่านจะตัดสินใจกลับไปอย่างเด็ดขาดแบบนี้ ไม่พูดสักคำเลยว่าจะอยู่เป็นเพื่อนพวกเธอ
นี่เป็นเรื่องที่ทำให้เธอแปลกใจมากจริงๆ
แองเจล่ารู้สึกวุ่นวายใจ แต่ก็กัดฟันกรอด และไม่ได้แสดงท่าทีอะไรออกมา
ป่ายฉีทำตัวเหมือนโจร เขาหยิบยาไม่น้อยมาจากหมอ แล้วถึงกลับไปกับเย้นหว่าน
พอมาถึงบ้าน แสงแดดยังคงส่องไสวอยู่
โห้หลีเฉินกำลังนั่งอาบแดดอยู่ตรงลานบ้าน ในอ้อมกอดยังมีแรบบิทอยู่ด้วย
เขาเห็นทุกคนกลับมา ก็ยิ้มให้อย่างอ่อนโยน
เย้นหว่านมองพวกเขาจากที่ไกล รู้สึกว่า นี่คงเป็นภาพที่อบอุ่นที่สุดในโลกแล้วล่ะ
แต่ทว่า ตอนนี้เอง ทันใดนั้นก็มีเสียง “โครม” ดังขึ้น แองเจล่าล้มลงไปบนพื้น
เธอล้มกะทันหันเกินไป ทำเอาเย้นหว่านตกใจมาก แล้วก็รีบวิ่งเข้าไปพยุงเธอขึ้นมา
รอยยิ้มบนใบหน้าโห้หลีเฉินก็ชะงักไปทันที เขาอยากรีบเข็นรถเข็นไปตรงนั้น แต่พอมือไปกดที่ปุ่มควบคุม ก็กลับชะงักอยู่กับที่
แววตาเขาเย็นชาเหมือนน้ำแข็ง แองเจล่าสลบ เกี่ยวอะไรกับเขานะ?
เย้นหว่านได้สติ ก็รีบเขาไปพยุงแองเจล่าขึ้นมาจากพื้น แล้วรีบพาเธอไปที่เก้าอี้ที่อยู่ตรงลานบ้าน
เว่ยชีไหวพริบเร็ว วางเก้าอี้รอตรงนั้นแล้ว เย้นหว่านพยุงแองเจล่านั่งลงตรงนั้น
แองเจล่าก็ถึงได้ตื่นขึ้นมาช้าๆ เธอลืมตาขึ้นมา
สีหน้าของเธอซีดขาว และท่าทีดูเหนื่อยมาก
“เมื่อกี้ฉันเป็นอะไรไปเหรอ?”
เย้นหว่านขมวดคิ้ว “เมื่อกี้เธอเป็นลม ตอนนี้รู้สึกยังไงแล้วบ้าง ยังปวดหัวอยู่ไหม?”
แองเจล่าส่ายหน้า “แค่รู้สึกเวียนหัวมากเลยน่ะ”
เย้นหว่านไม่ค่อยถนัดเรื่องนี้เท่าไหร่ เลยให้ป่ายฉีมารักษาแทน
ป่ายฉีตรวจสอบเสร็จแล้ว ก็พูดว่า: “เธอกลับไปพักผ่อนบนเตียงเถอะ สองวันนี้ก็นอนบนเตียงอย่าขยับไปไหน เดี๋ยวก็ดีขึ้นเอง”
“อืม ขอบใจค่ะหมอป่ายฉี”
แองเจล่าพูดด้วยน้ำเสียงเหนื่อยๆ เธอพยุงเก้าอี้แล้วลุกขึ้นมา แต่เพิ่งลุกขึ้นมาไม่นาน ก็ล้มลงไปอีกครั้ง ดูท่าจะไม่มีแรงมากเลย
โห้หลีเฉินมองเธออยู่อย่างนั้น แววตาของเขามืดมนมาก
แองเจล่าลุกขึ้นยืนได้ด้วยการพยุงของเย้นหว่าน เธอมองไปที่โห้หลีเฉินโดยที่ไม่มีใครสังเกต เห็นเขายังคงนั่งอยู่ที่เดิม ในใจก็รู้สึกเจ็บปวดขึ้นมา
ทำไมโห้หลีเฉินไม่เข้ามาถามไถ่อาการเธอเลยนะ? นี่มันไม่เหมือนกับที่เธอคิดไว้เลย
รู้สึกโมโหมากจริงๆ แองเจล่าเดินกลับห้องตัวเองด้วยความหนักใจ จากนั้นก็นอนพักผ่อน
พอถึงกลางวัน ฉินชิวหลานก็ทำกับข้าว ของในหมู่บ้านชนบทมีค่อนข้างน้อย ที่ทำก็เป็นแค่อาหารธรรมดาที่มีกันทุกบ้าน
โห้หลีเฉินไม่ได้กินเยอะเท่าไหร่
เย้นหว่านรู้ว่าเขากินอาหารแพงๆมาเยอะจนชินแล้ว เลยไม่ค่อยชินกับอาหารพวกนี้ ก็เลยรู้สึกสงสารเขาจับใจ
“ตอนเย็น ฉันทำอาหารให้ทุกคนกินเอง กินเยอะๆเลยนะ รู้ไหม?”
โห้หลีเฉินหัวเราะ เขาลูบผมเย้นหว่านเบาๆ
“อย่าเลย ฝีมือทำอาหารเธอก็งั้นๆ ยังไม่เท่าฉินชิวหลานเลย”
เย้นหว่านไม่พอใจขึ้นมาทันที “นายดูถูกฝีมือฉันงั้นเหรอ?”
“ไม่ใช่” โห้หลีเฉินปฏิเสธไปด้วยไม่คิดเลยด้วยซ้ำ “ฉันแค่เป็นห่วงนาย ไม่อยากให้นายทำงานบ้านที่ยุ่งยาก ไหนบอกว่า ต่อไปจะให้ฉันทำพวกนี้ ส่วนเธอก็รับผิดชอบสวยต่อไป”
เย้นหว่านอดไม่ได้หัวเราะขึ้นมา เพื่ออนาคตและชีวิตที่ดีขึ้นพวกเขา
เย้นหว่านรีบพูดว่า:
“ฉันวางแผนแล้วนะ พรุ่งนี้พวกเราจะกลับไป ดีไหม?”
โห้หลีเฉินสีหน้าเปลี่ยนไปเล็กน้อย มีความลังเล แต่สักพักก็ได้หายไป เขาพยักหน้าอย่างเอ็นดู
“อืม”
พอโห้หลีเฉินอนุญาตแล้ว เย้นหว่านก็รู้สึกโล่งอกสักที
พอกลับไปถึงบ้านตระกูลเย้น สักวันพายุมรสุมทุกอย่างจะต้องสงบลง
แต่ทว่า สุดท้ายก็ไม่ได้เป็นเหมือนที่ใจคิด
น้าเมย์อายุมากแล้ว ร่างกายก็อ่อนแอมากด้วย ฤทธิ์จากยาสลบ ทำให้เธอตอนตอนบ่าย
หลังจากที่ตื่นขึ้นมาแล้ว ก็ทั้งอ้วกและถ่ายหนัก สถานการณ์ดูจะแย่มาก
ผลที่ป่ายฉีวินิจฉัยมา น้าเมย์น่าจะต้องพักผ่อนหลายวัน กว่าจะกลับมาเป็นเหมือนเดิม
และที่ยุ่งยากคือ การสะกดจิตครั้งสุดท้ายของป่ายฉียังไม่ได้ทำ จะสะกดจิต ก้องทำให้ร่างกายน้าเมย์กลับมาแข็งแรงเหมือนเดิม
นั่นก็หมายความว่า ก่อนที่น้าเมย์ยังไม่หายดี ป่ายฉีจะไปจากตรงนี้ไม่ได้
และป่ายฉีจะยังไปไม่ได้ โห้หลีเฉินที่รอให้เขารักษาอยู่นั้นก็จะไปไม่ได้เด็ดขาด ยังมีชีวิตของแรบบิทที่ยังต้องฝากไว้ในมือป่ายฉี