สัญญารัก คบกับประธานฮั่ว30วัน - บทที่ 115 ผู้ชายของตัวเอง
บทที่ 115 ผู้ชายของตัวเอง
เย้นหว่านขึ้นรถแล้ว โห้หลีเฉินเพียงแค่ยืนมองส่งเธออยู่ที่หน้าประตู หัวใจดวงหนึ่งของเย้นหว่านที่แขวนอยู่ถึงร่วงลงมาในที่สุด
โห้หลีเฉินสร่างเมาจริงๆ แล้ว
เป็นเขาที่ได้สติถึงจะดีหน่อย จะได้ไม่เหมือนตอนที่เมามาย ไม่สนใจอะไรทั้งนั้น เป็นตายอย่างไรไม่ยอมปล่อยเธอไป
กู้จื่อเฟยขับรถไปด้วย มองภาพของโห้หลีเฉินจากกระจกมองหลังไปด้วย
“โถๆ ไม่เสียแรงที่เป็นหนุ่มหล่อชั้นเยี่ยม ใส่เสื้อคลุมนอนยังเซ็กซี่ขนาดนี้ ทำเอาฉันอยากพุ่งไปถลกเขาออกหมด ลงโทษประหารชีวิตในที่เกิดเหตุ”
ในสมองของเย้นหว่านอดประกายภาพในห้องน้ำไม่ได้ ลักษณะที่โห้หลีเฉินถอดออกเหลือเพียงกางเกงใน
เธอแก้มแดงขึ้น “ยัยหื่น ระวังทางด้วย”
“โอ้ย เสี่ยวหว่าน นี่ทนให้ฉันดูไม่ได้แล้วเหรอ? โถ นี่พึ่งจะเท่าไรกัน ขีดขอบเขตผู้ชายของตัวเองซะแล้ว”
“ผู้ชายของตัวเองอะไรกัน ฉันกับเขาไม่ได้มีความสัมพันธ์กันจริงๆ”
เย้นหว่านพูดอย่างไม่เป็นอิสระ
กู้จื่อเฟยกลับไม่เชื่อ “ไม่มีอะไรจริงๆ ทำไมเขาต้องดื่มจนเมาแล้วให้เธอมารับ? กลางดึก ชายหญิงโสดอยู่กันตามลำพัง ความรักของชายหญิงกำลังร้อนแรง อยู่ห้องเดียวกัน แม้แต่เสื้อผ้ายังเปลี่ยนแล้วด้วย จะบอกว่าพวกเธอไม่ได้ถอดเสื้อผ้าทำอะไร ก็ไม่มีใครเชื่อหรอก”
“ไม่มี……อะไรจริงๆ”
เย้นหว่านพูดเหมือนไม่มีกำลังอยู่บ้าง ลักษณะที่โห้หลีเฉินถอดเสื้อผ้านั้น คืนนี้เธอเห็นหมดมาพอสมควรแล้ว
กู้จื่อเฟยเห็นท่าทางของเย้นหว่านก็หัวเราะแล้ว จากนั้นพูดขึ้น
“เสี่ยวหว่าน ความจริงไม่ว่าฉันจะมองยังไง ฉันคิดว่าคุณโห้เหมือนจะชอบเธออยู่นิดๆ นะ”
“เขามีคนที่ชอบแล้ว”
เย้นหว่านพูดๆ อยู่ ในใจก็กลัดกลุ้มขึ้นมาบ้าง “ผู้ชาย บางทีก็ชอบหยอกเล่น”
“คนอย่างคุณโห้นั้น อยากได้ผู้หญิงแบบไหนจะไม่มีเลยเหรอ ถ้าเขาชอบหยอกเล่น ยังมีสิทธิ์ของเธอด้วยเหรอ? ข้างกายคงล้อมด้วยสาวสวยหยาดเยิ้มไม่รู้เท่าไรตั้งนานแล้ว”
กู้จื่อเฟยเบ้ปาก คิดว่าเย้นหว่านเป็นคนในเรื่องราว จึงมักจะมองไม่ออก
เธอพูดอีกครั้ง “พูดถึงมู่หรุงชิ่นคนนั้น ถ้าหล่อนเป็นแฟนตัวจริงของโห้หลีเฉิน ทำไมคืนนี้โห้หลีเฉินถึงได้ดื่มจนเมาแล้วคนที่มารับถึงไม่ใช่หล่อน?”
“อาจจะ…..เพราะเป็นฉินฉู่โทรศัพท์มั้ง เขาเรียกฉันว่าพี่สะใภ้มาตลอด คิดว่าฉันกับโห้หลีเฉินเป็นคู่กัน”
“นั่นก็ไม่ใช่ ที่ฉันรู้ ฉินฉู่กับโห้หลีเฉิน ยังมีมู่หรุงชิ่น พวกเขาเติบโตด้วยกันมาตั้งแต่เด็ก ล้วนเป็นเพื่อนกัน จากความสัมพันธ์ของฉินฉู่กับโห้หลีเฉิน โห้หลีเฉินชอบใครจริงๆ ฉินฉู่ต้องรู้ดีกว่าใคร”
ฉินฉู่คนนั้น เห็นได้ชัดมากว่าโห้หลีเฉินชอบใคร เขาถึงจะจับคู่กับคนนั้น
ทว่าอยู่ที่มู่หรุงชิ่น ที่นั่นเย้นหว่านไม่เพียงเห็นอดีตของหล่อนกับโห้หลีเฉิน ยังเคยเห็นโห้หลีเฉินปฏิบัติกับหล่อนต่างออกไป
เย้นหว่านส่ายหน้าอย่างวุ่นวายใจ อารมณ์สับสนมาก
“ในเมื่อไม่ว่าจะเป็นอย่างไร ฉันไม่อยากเข้าร่วมเรื่องของพวกเขา ฉันกับโห้หลีเฉินไม่ใช่คนทางเดียวกัน ฉันเพียงแค่อยากรีบถอนหมั้นกับเขาให้ไว”
เย้นหว่านพูดแน่วแน่มาก เหมือนตัดสินใจเด็ดขาดให้ตนเอง
เธอมองแหวนเพชรสีแดงบนนิ้วมือ ลังเลสักพัก ทั้งยังถอดมันออกมา
ตั้งแต่นี้เป็นต้นไป เธอก็รู้อย่างชัดเจนมาก เธอกับโห้หลีเฉินเป็นคนที่อยู่คนละโลก ระหว่างพวกเขาไม่มีทางเป็นไปได้แต่ไหนแต่ไร
กู้จื่อเฟยมองเย้นหว่านแล้วถอนหายใจเบาๆ ทีหนึ่ง
แน่นอนว่าเธอรู้ถึงสิ่งที่พัวพันและความคิดในใจของเย้นหว่าน และเข้าใจว่าทำไมเธอถึงไม่ยอมคิดถึงความเป็นไปได้ระหว่างโห้หลีเฉินมากนัก
เธอเพียงคิดว่าแบบนี้น่าเสียดายมาก
……
วันนี้ ตอนที่ใกล้เลิกงาน เย้นหว่านถูกเรียกเข้าไปในห้องทำงานของโห้หลีเฉิน
ตอนที่เธอเข้าไป มองเห็นโห้หลีเฉินกำลังสวมเสื้อคลุมตัวนอก เหมือนเตรียมจะออกไปแล้ว
อย่างนั้นทำไมเรียกเธอเข้ามาเวลานี้?
เย้นหว่านเอ่ยปากด้วยความสงสัย “คุณโห้ คุณเรียกฉันมามีธุระอะไรเหรอ?”
“เลี้ยงข้าวเธอ”
โห้หลีเฉินพูดเป็นธรรมชาติอย่างยิ่ง ก้าวเท้าเดินไปด้านนอก
เย้นหว่านประหลาดใจ เธอรีบพูดขึ้น “ไม่ ไม่ต้องรบกวนหรอกค่ะ”
รู้สึกประหลาดใจ เลี้ยงข้าวเธออะไรกัน
ฝีเท้าโห้หลีเฉินหยุดลง เอียงตัวมองเย้นหว่าน น้ำเสียงแน่วแน่ไม่สงสัยอะไรทั้งสิ้น
“เมื่อคืนเธอดูแลฉันแล้ว ฉันไม่ชอบติดหนี้บุญคุณใคร”
ดังนั้นจึงเลี้ยงข้าวตอบแทนกลับ
เย้นหว่านชะงัก “ความจริงก็แค่ยื่นมือช่วยเหลือเอง คุณไม่ต้องเลี้ยงข้าวฉันโดยเฉพาะหรอก”
โห้หลีเฉินสายตาอึมครึม หันตัวมาทันใด ก้าวขายาวๆ เดินมาตรงหน้าของเย้นหว่าน
เขามองเธอด้วยอารมณ์ลึกล้ำ ในเสียงทุ้มต่ำมีความหมายเป็นนัยทำให้คนคิดเพ้อฝัน
“ถ้าไม่อยากกินข้าว ฉันสามารถใช้วิธีอื่นตอบแทนเธอได้”
กลิ่นอายของเขากระโจนมาที่หน้าเธอ ให้ความรู้สึกรุกรานกับเธออย่างแรงมาก
เย้นหว่านขนหัวลุก ไม่กล้าไปคิดวิธีอย่างอื่นของเขา
เธอฝืนยิ้มแล้ว “งั้น งั้นก็กินข้าวแล้วกัน”
ดังนั้นเย้นหว่านจึงไปทานข้าวด้วยกันกับโห้หลีเฉิน
เขาพาเธอมาที่ร้านอาหารมีระดับสูงเกินห้าดาว บนตึกสูงหลายสิบชั้น พอมองไปก็คือทิวทัศน์ยามค่ำประกายระยิบระยับราวดวงดาวของทั้งเมืองหนาน
สภาพแวดล้อมสูงสง่า ทานอาหารตะวันตกเหมาะสมที่สุด
แต่โห้หลีเฉินกลับสั่งอาหารที่เย้นหว่านคาดไม่ถึง……ผัดกุ้งมังกรเล็ก
อาหารยุ่งยากที่ไม่ผ่านการจัดการปอกเปลือกออก ที่ต้องจัดการด้วยตนเองถึงทานได้แบบนี้ โดยทั่วไปเธอเห็นได้ยากมากบนโต๊ะอาหารของโห้หลีเฉิน
ตอนที่เย้นหว่านตกตะลึง เขากลับใส่ถุงมือไปอย่างเป็นธรรมชาติมาก นิ้วมือทั้งขาวทั้งยาวปอกกุ้งออกมาอย่างคล่องแคล่ว
นิ้วมือของเขาคีบเนื้อกุ้งขาวนุ่มไว้ ยืนไปที่ข้างปากของเธออย่างเป็นธรรมชาติขนาดนั้น
“อ้าปาก”
เย้นหว่านตะลึงค้าง มองเขาอย่างไม่อยากเชื่อ
โห้หลีเฉินปอกกุ้งให้เธอด้วยตนเอง ทั้งยังป้อนเธอให้กินอีก
กลัวว่าเธอไม่ได้กำลังฝันอยู่หรอกมั้ง?
เวลานี้เสียงพูดลับๆ ของพวกผู้หญิงโดยรอบลอยมา
“ว้าว อิจฉาผู้หญิงคนนั้นจัง ไม่แค่แฟนหล่อขนาดนั้นนะ ยังอ่อนโยนมากด้วย ปอกกุ้งให้เธอกินอีก”
“ฉันอิจฉาแทบแย่แล้ว ฉันอยากโดนทำแบบนี้บ้าง”
แก้มของเย้นหว่านแดงขึ้นอย่างไม่เป็นอิสระ เธอกับโห้หลีเฉินไม่ใช่ความสัมพันธ์แบบแฟนกัน
สายตาเธอเป็นประกาย พูดเสียงต่ำ
“ฉันปอกเองได้นะ”
“ไม่เป็นไร เมื่อคืนเธอช่วยฉันถอดเสื้อผ้าแล้ว ทำเหมือนที่คนอื่นทำกับเราเถอะ”
เย้ยหว่านชะงักงัน หัวใจแทบหลุดออกมาจากหน้าอก นี่มันคนละเรื่องไหม?
โดยเฉพาะอย่างยิ่งเรื่องถอดเสื้อผ้าเมื่อคืน อับอายขนาดนั้น เขากลับพูดออกมาได้ขนาดนี้……
เย้นหว่านอายจนอยากหาถ้ำมุดเข้าไป ไม่มีหน้าเจอผู้คนแล้ว
โห้หลีเฉินมองท่าทางเขินอายของเธอด้วยความเบิกบาน นิ้วมือที่หยิบกุ้งยังคงวางอยู่ตรงหน้าเธออย่างดื้อรั้น ยื่นๆ ไปข้างหน้าอีก
เย้นหว่านว้าวุ่นใจที่สุด หน้าแดงอยู่ อ้าปากอยากนำเนื้อกุ้งมากินให้หมดอย่างรวดเร็ว
แต่เวลานี้โห้หลีเฉินกลับจู่โจมมาข้างหน้าอีกนิด นิ้วมือเลื่อนมาอยู่ที่ระหว่างริมฝีปากของเธอ ตอนที่เย้นหว่านปิดปากลง จึงกัดนิ้วมือของโห้หลีเฉินเข้าพอดี
“……”
ในสมองเหมือนระเบิดขึ้นมาลูกหนึ่งแล้ว ชั่วขณะหนึ่งอารมณ์ความคิดของเย้นหว่านโดนระเบิดแตกเป็นเสี่ยงๆ ยุ่งเหยิง ว่างเปล่า
สายตามองโห้หลีเฉินมืดๆ ลงแล้ว จ้องสายตาของเธอไว้ ราวกับชั่วพริบตานั้นไฟจะลุกไหม้ขึ้นมา