สัญญารัก คบกับประธานฮั่ว30วัน - บทที่ 1151 ในตอนกลางคืน
เมื่อมองดูท่าทีที่จริงจังและประหม่าของเย้นหว่านดวงตาของโห้หลีเฉินก็กลายเป็นมืดมน จากนั้นเขาก็ยิ้มและกดหัวของเย้นหว่านไปตรงหัวใจของเขา
น้ำเสียงทุ้มต่ำและมีเสน่ห์ “ลองฟังเสียงของมันดู คุณคิดว่าผมพูดความจริงไหม”
หัวใจของเขาเต้นอยู่แบบนั้น มันแข็งแกร่งและทรงพลังมาก เหมือนกับจังหวะของเสียงกลองเลย ซึ่งสิ่งนี้มันทำให้รู้สึกหวั่นไหว
เย้นหว่านสัมผัสได้ถึงหัวใจที่เต้นแรงและอ้อมกอดของชายผู้นี้ รวมถึงสัมผัสถึงความอุ่นใจที่น่าเชื่อถือจากเขามาโดยตลอด
เธอกัดริมฝีปาก ก่อนจะกอดเอวเขาไว้แน่นอย่างช่วยไม่ได้
น้ำเสียงนั้นสั่นเล็กน้อย “โห้หลีเฉิน ฉันแค่เป็นห่วงคุณ ฉันไม่สามารถปล่อยให้คุณเกิดอุบัติเหตุได้ ถึงแม้ว่ามันว่าจะมีเป็นความไปได้ก็ตาม”
คางของโห้หลีเฉินวางไว้บนศีรษะของเย้นหว่าน ใบหน้าที่หล่อเหลาของเขานั้นดูลึกลับและซับซ้อน และดูเหมือนเขาจะมีเรื่องให้คิดมากมาย
แต่น้ำเสียงเขากลับฟังดูปกติมาก และเขายังคงล้อเล่นกับเธอ
“การเป็นอัมพาตก็ยังมีข้อดีอยู่ ทำให้ภรรยาได้มาดูแลผม การดูแลแบบนี้ไม่ใช่สิ่งที่ผมจะได้สัมผัสอยู่ตลอดเวลานะ”
เวลาที่เขาพูดถึงเรื่องนี้ เขาภูมิใจมาก
ความทุกข์ใจของเย้นหว่านที่มีอยู่ เพราะคำพูดแบบนี้ของเขา ความทุกข์ใจนั้นได้หายไปในทันที เธอไม่รู้ว่าควรจะร้องไห้หรือจะหัวเราะออกมาดี
ตอนที่นอนหลับในเวลากลางคืน โห้หลีเฉินยังคงพลิกตัวไปมาเขาไม่สามารถหลับได้ลง
เย้นหว่านที่นอนอยู่ข้างๆ รับรู้ถึงความหงุดหงิดของเขาอย่างเห็นได้ชัด
แต่ทุกครั้งที่เธอถาม เขาก็จะบอกว่าเป็นเพราะสุขภาพของเขาเริ่มดีขึ้น พอไปถามป่ายฉี เขาก็บอกว่าเป็นเรื่องปกติ ไม่ต้องกังวลไป
ในตอนกลางคืนเพื่อที่จะไม่รบกวนการนอนของเธอ โห้หลีเฉินจะพยายามขยับตัวให้น้อยที่สุด แต่เขานอนไม่หลับ รวมถึงการหายใจที่ไม่ปกติ และสิ่งนี้ก็ทำให้เธอรับรู้ถึงสถานการณ์และความอดทนของเขา
เขารู้สึกอึดอัด เย้นหว่านเองก็รู้สึกอึดอัดไม่ต่างกัน และมักจะรู้สึกเหมือนว่าจะมีบางอย่างเกิดขึ้น เธอเลยมีอาการนอนไม่หลับตามเขาในทุกๆ คืน
สามวันติดกัน
โห้หลีเฉินรู้สึกทรมานใจเมื่อเห็นว่าเย้นหว่านต้องมาลำบากเพราะเขา ในตอนกลางคืน เขาบอกให้ฉินชิวหลานทำซุปที่ช่วยให้หลับสบายมาให้เย้นหว่านดื่ม
ถ้าเย้นหว่านไม่อยากดื่ม เขาก็จะเกลี้ยกล่อมเธอ “เป็นเด็กดีนะ ดื่มแล้วจะช่วยให้หลับสบายในตอนกลางคืน ถ้าคุณยังนอนไม่หลับอีกสุขภาพของคุณจะแย่เอานะ ดูสิคงทำให้คุณเป็นห่วงมา?”
แต่ถ้าเธอหลับไป โห้หลีเฉินจะถูกทิ้งให้อยู่ตามลำพังด้วยอาการนอนไม่หลับ และคนที่นอนไม่หลับตื่นเพื่อนเขาก็จะไม่มีเลยสักคน
เย้นหว่านปฏิเสธทันที
โห้หลีเฉินกอดเธอไว้ และยิ้มออกมาเบาๆ
“ถ้าคุณดื่ม ผมก็จะดื่มเหมือนกัน”
ในขณะที่พูด โห้หลีเฉินก็หยิบชามอีกใบขึ้นมา ก่อนที่เขาจะเงยหน้าขึ้นและดื่มจนหมด
เมื่อเห็นว่าเขาเด็ดขาดขนาดนี้ ในที่สุดเย้นหว่านก็สบายใจมากขึ้น
เธอหยิบชามในมือของโห้หลีเฉินมา ก่อนจะดื่มซุปที่ทำให้หลับสบาย
ในตอนกลางคืน
ทุกอย่างมืดสนิทและเงียบสงบ
ในความมืด โห้หลีเฉินได้ลืมตาขึ้นมาอย่างเงียบๆ สายตาของเขาดูชัดเจนและคมชัด ซึ่งไม่เหมือนกับคนที่หลับมาก่อนอย่างสิ้นเชิง
เขาเหลือบมองไปที่เย้นหว่าน หลังจากที่แน่ใจว่าเธอหลับสนิทแล้ว เขาจึงได้ถกผ้าห่มออกอย่างระมัดระวัง ก่อนจะนั่งบนรถเข็นด้วยตัวเขาเองอย่างเบามือ เขาสวมเสื้อคลุม และเข็นตัวเองออกไปอย่างเงียบๆ
ผ่านไปกว่าหนึ่งชั่วโมง ประตูก็เปิดออกอีกครั้ง และโห้หลีเฉินก็กลับมาที่ห้องอีกครั้งพร้อมกับความหนาวเย็นในยามค่ำคืน
การแสดงออกของเขาดูยุ่งเหยิงเล็กน้อย เขามองดูเย้นหว่านที่นอนหลับอยู่บนเตียง สายตาของเขานั้นดูลึกลับและซับซ้อน
หลังจากที่เขานั่งเงียบๆ อยู่ตรงหน้าประตูเป็นเวลานาน เขาก็ได้ขึ้นไปบนเตียงอย่างเบามือ แล้วเขาก็วางรถเข็นและเสื้อคลุมกลับเข้าที่เดิม
ทุกอย่าง ดูเหมือนว่าไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน
วันถัดมา
ตอนที่เย้นหว่านตื่นขึ้นมา ก็สายมากแล้ว
เธอไม่ได้นอนหลับอย่างสบายแบบนี้มาเป็นเวลานานแล้ว เธอรู้สึกสบายตัวไปทั่วร่างกาย
แต่เพียงครู่เดียว ความตึงเครียดของเธอก็กลับมาอีกครั้ง เธอรีบหันไปมองด้านข้างด้วยความกังวลใจ
เธอเห็นเขาคนนั้นจับหัวของเธอด้วยมือข้างเดียวพร้อมกับรอยยิ้มเล็กๆ เขาจ้องมาที่เธอด้วยความอ่อนโยน
“เจ้าหมูขี้เกียจ ในที่สุดก็ตื่นได้แล้วนะ?”
เขายังอยู่
เมื่อเห็นเขา หัวใจของเย้นหว่านก็อิ่มเอมในทันที เธอเอื้อมมือไปโอบรอบเอวของเขา ก่อนจะแนบแก้มของเธอลงตรงหน้าอกของเขา
“คุณตื่นนานแล้วเหรอ? แล้วทำไมคุณยังนอนอยู่บนเตียงอีก” เขายังกล้าจะว่าเธอขี้เกียจอีก
โห้หลีเฉินลูบผมของเธออย่างชำนาญ “ก็คุณไม่ตื่น แล้วผมจะลุกขึ้นมาได้ยังไง? คุณภรรยา ผมยังป่วยเป็นอัมพาตอยู่นะ และยังต้องการการดูแลจากคุณอยู่”
น้ำเสียงที่ดูต้องการเธอ มันทำให้เย้นหว่านรู้สึกอบอุ่นอยู่ครู่หนึ่ง
โห้หลีเฉินเป็นคนเข้มแข็ง แต่ถ้าเขาต้องการทำให้ดูอ่อนโยนมากขึ้น เขาสามารถทำให้คนอื่นๆ ละลายได้เลย
เย้นหว่านทำอะไรไม่ถูก แก้มของเธอแดงเหมือนกับแอปเปิ้ล และหัวใจของเธอก็เต้นแรงมาก
เธอนอนคดงออยู่บนเตียงสักพักหนึ่ง จากนั้นเย้นหว่านถึงได้ลุกขึ้นมาเก็บกวาดเตียง
หลังจากที่เธอแต่งตัวให้โห้หลีเฉินแล้ว เธอก็ไปเข็นรถเข็นมาไว้ตรงข้างเตียง แค่เธอจับไปที่ที่จับของรถเข็น ตัวเธอก็แข็งทื่อ
เธอเห็นว่าบนล้อของรถเข็นมีสิ่งสกปรกติดอยู่
เมื่อคืนตอนที่โห้หลีเฉินอาบน้ำ น้ำในห้องน้ำจะติดมาตรงล้อรถเข็น เธอเลยตั้งใจเช็ดออก ดังนั้นล้อจึงสะอาด
แต่ตอนนี้…ก็แค่นอนไปหนึ่งตื่น ไม่มีใครออกไปไหนเลย ทำไมถึงมีสิ่งสกปรกติดอยู่ตรงล้อได้?
เย้นหว่านเริ่มประหม่า และถามว่า “เมื่อคืนคุณออกไปข้างนอกหรือเปล่า?”
โห้หลีเฉินที่กำลังจะลุกจากเตียงก็หยุดชะงักไป ก่อนจะตอบโดยที่ไม่ได้คิดอะไร “ไม่นะ เกิดอะไรขึ้น?”
เย้นหว่านมองไปที่เขา และเขาก็มองไปที่เย้นหว่านด้วย
เขายังคงมีท่าทีที่ดูเป็นปกติ แต่เป็นเพราะรู้จักกันมากเกินไป เย้นหว่านถึงได้เห็นความโกลาหลในดวงตาของเขา
หัวใจของเธอเจ็บปวดทันที นี่โห้หลีเฉินสามารถโกหกได้แล้วเหรอ?
แต่ ทำได้ยังไง…
จู่ๆ ในใจของเธอก็รู้สึกสับสนวุ่นวายไปหมด
“คุณภรรยา มีอะไรหรือเปล่า?”
โห้หลีเฉินขยับตัวไปด้านข้างของเตียงเล็กน้อย เขาเข้ามาใกล้เย้นหว่าน และมองดูเธอด้วยความกังวล
เมื่อเย้นหว่านรู้สึกตัวอีกครั้ง เธอก็มองไปสายตาของโห้หลีเฉินที่ดูเป็นห่วงและจริงใจ ในใจของเธอมีความสับสนอีกครั้ง
เขารักเธอมากขนาดนี้ และเขาก็เห็นว่าเธอสำคัญกว่าชีวิตของเขา เขาไม่น่าจะปิดบังเรื่องอะไรที่เลวร้ายกับเธอหรอกใช่ไหม?
บางทีเธออาจจะคิดมากเกินไป
บางที อาจจะเป็นตอนเช้าที่เธอยังไม่ตื่น เว่ยชีอาจจะเข้ามา และเอารถเข็นออกไป?
อย่างไรก็ตาม เมื่อคิดถึงความเป็นไปได้นี้ด้วยการปลอบใจตัวเอง เย้นหว่านก็เลยไม่ถามอะไรอีก
เธอพยายามระงับความสับสนวุ่นวายในหัวใจของเธอ เธอช่วยโห้หลีเฉินให้ลุกจากเตียงอย่างชำนาญ ก่อนจะให้เขานั่งลงในรถเข็น
“อีกไม่กี่วัน คุณก็ไม่ต้องนั่งรถเข็นแล้ว และคุณก็สามารถลองเดินด้วยไม้ค้ำได้แล้ว”
“ผมไม่ชอบไม้ค้ำ”
โห้หลีเฉินจ้องตรงไปที่เย้นหว่าน “ถ้าจะให้ผมจับอะไรเพื่อพยุงตัวผมจับตัวคุณดีกว่า”
เธอไม่ใช่ไม้ค้ำนะ!
เย้นหว่านมองเขาอย่างด้วยสายตาที่หดหู่ เธอเข็นเขาแล้วเดินออกไป
เธอมองลงไปที่โคลนบนรถเข็นโดยไม่ทิ้งร่องรอยอะไรไว้ เธอพยายามระงับความสับสนภายในใจของเธอ
ในวันนั้น ก็ผ่านไปตามปกติ แต่กลับดูสงบและสบายมาก
สถานที่นี้อยู่ห่างไกลจากในเมือง และก็ได้ย้ายคนจำนวนมากมาเฝ้าดูแลอยู่บริเวณรอบนอกแล้ว และพวกเขาก็ไม่กลัวว่าหยูฉู่สองจะลอบโจมตีพวกเขา
ถึงเวลากลางคืนอีกครั้ง โห้หลีเฉินยังคงให้คนส่งซุปที่ทำให้หลับสบายมาสองถ้วย
เย้นหว่านมองดูชามซุปอุ่นๆ ที่สามารถทำให้หลับสบายได้ เธอลังเล แล้วพูดว่า
“เมื่อคืนฉันหลับได้แล้ว คืนนี้ไม่ต้องดื่มแล้ว? อาการนอนไม่หลับ เป็นสิ่งที่ไม่ควรพึ่งพาของพวกนี้”
“นี่ก็เป็นยาชูกำลัง ดื่มแล้วมันจะดีต่อสุขภาพของคุณ ไม่เป็นอะไรหรอก ดื่มอีกสองวันเถอะ รอให้การนอนหลับของคุณกลับมาเป็นปกติ คุณก็ไม่ต้องดื่มแล้ว”
โห้หลีเฉินเกลี้ยกล่อม เขามีท่าทีมีไม่สามารถปฏิเสธได้
เย้นหว่านกะพริบไปมา สุดท้ายเธอก็รับซุปที่ทำให้หลับสบาย ก่อนจะดื่มช้าๆ